ในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่า มีการเลือกตั้งกษัตริย์เพื่อปกครองฝูงสัตว์ วานรตัวหนึ่งซึ่งมีความสามารถในการแสดงท่าทางขบขันและทำให้สัตว์อื่น ๆ หัวเราะได้รับเลือกให้เป็นกษัตริย์ แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ ที่ต้องปกครอง ฝูงสัตว์กลับพบว่าเขาขาดความสามารถในการตัดสินใจและนำทาง ทำให้เกิดความยุ่งเหยิงในอาณาจักร
นิทานเรื่องนี้สอนให้เราเห็นว่า การเลือกผู้นำควรพิจารณาจากความสามารถและปัญญาในการปกครอง มากกว่าการตัดสินจากท่าทางภายนอกหรือความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว เรื่องราวจะเป็นเช่นไร ติดตามได้ในนิทานอีสปเรื่องวานรกับจิ้งจอก
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องวานรกับจิ้งจอก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง สัตว์ต่าง ๆ พากันอาศัยอยู่อย่างสงบสุขภายใต้การปกครองของสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อสิงโตเสียชีวิตลง ความไม่มั่นคงก็เริ่มต้นขึ้น สัตว์ทั้งหลายตัดสินใจจัดการประชุมเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่ การประชุมครั้งนี้มีสัตว์หลายตัวเสนอชื่อเข้ามาเพื่อชิงตำแหน่งกษัตริย์ แต่ละตัวต่างก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป บ้างมีความแข็งแกร่ง บ้างมีปัญญา บ้างมีไหวพริบ แต่สุดท้าย วานรจอมขบขันก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นกษัตริย์ใหม่
วานรนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความสามารถในการแสดงท่าทางตลก ๆ และท่าทีเป็นมิตร มันสามารถทำให้สัตว์ทุกตัวหัวเราะและรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ นั่นเป็นเหตุผลที่สัตว์ส่วนใหญ่เลือกวานรเป็นผู้นำ โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมในด้านความสามารถ วานรรู้สึกภูมิใจในตำแหน่งใหม่ของตน และเริ่มสวมบทบาทเป็นกษัตริย์อย่างเต็มที่
จิ้งจอกที่เข้าร่วมการประชุมและไม่ได้รับการเลือกตั้งรู้สึกไม่พอใจ จึงคิดหาวิธีที่จะเปิดโปงความโง่เขลาของวานร “วานรนี่ดูเหมือนจะชอบความสนใจและง่ายต่อการหลอกลวง ข้าต้องหาทางให้มันเผยความจริงให้ทุกคนเห็น” จิ้งจอกคิดในใจ
วันหนึ่ง จิ้งจอกเดินเข้าไปหาวานรพร้อมกับแสร้งทำตัวสุภาพนอบน้อม “ท่านกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ข้ามีข่าวสำคัญมาแจ้ง ข้าได้ค้นพบสมบัติลับที่เป็นของกษัตริย์สิงโตผู้ล่วงลับ มันอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและมีค่าอย่างยิ่ง ข้าเชื่อว่าสมบัตินี้ควรเป็นของท่านในฐานะกษัตริย์ใหม่” จิ้งจอกกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมแต่มองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
วานรที่ไม่เคยรู้เรื่องสมบัติมาก่อนรู้สึกตื่นเต้นและหลงเชื่อคำพูดของจิ้งจอก มันตอบอย่างกระตือรือร้นว่า “ข้าขอบใจเจ้ามาก เจ้านำทางข้าไปยังที่ซ่อนสมบัตินั้นเดี๋ยวนี้”
จิ้งจอกจึงนำวานรเดินทางไปยังบริเวณที่มันเตรียมไว้ จิ้งจอกพาวานรไปถึงบริเวณพงหญ้าทึบที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์และหญ้าสูง มันชี้ไปยังบริเวณหนึ่งที่มีหญ้าคลุมอยู่และกล่าวว่า “ที่นี่คือที่ซ่อนสมบัติ กษัตริย์สิงโตเคยซ่อนมันไว้อย่างดี ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งกับมัน ท่านเท่านั้นที่ควรได้รับ”
วานรที่มัวแต่ตื่นเต้นกับคำว่า “สมบัติ” ไม่ทันคิดทบทวน มันก้าวเข้าไปยังจุดที่จิ้งจอกชี้ด้วยความเชื่อมั่น พอมันยื่นมือไปคว้าสมบัติที่ซ่อนอยู่ เสียง “แกร๊ก!” ก็ดังขึ้น กับดักที่จิ้งจอกวางไว้ได้หนีบนิ้วของวานรแน่น
“โอ๊ย! นี่มันอะไรกัน!” วานรร้องด้วยความเจ็บปวด มันหันไปมองจิ้งจอกที่ยืนหัวเราะอยู่ใกล้ ๆ
“ท่านคิดจะปกครองผู้อื่น แต่กลับดูแลตนเองไม่ได้เช่นนี้ สมควรแล้วที่จะติดกับดัก!” จิ้งจอกพูดอย่างเย้ยหยัน
สัตว์ตัวอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ก็เริ่มตระหนักถึงความผิดพลาดในการเลือกวานรเป็นกษัตริย์ ความโง่เขลาและความหลงตนเองของวานรได้เปิดเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกผู้นำที่มีสติปัญญาและความรอบคอบ อย่าตัดสินคนจากท่าทีหรือความสามารถในการแสดงออกเพียงอย่างเดียว และยังเตือนถึงความไม่เหมาะสมของผู้ที่รับตำแหน่งโดยปราศจากคุณสมบัติและปัญญาที่เพียงพอในการปกครอง
ที่มาของนิทานอีสปเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องวานรกับจิ้งจอก (อังกฤษ: The Ape and the Fox) มีต้นกำเนิดจากนิทานของอีสป ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 81 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) ซึ่งมีการบันทึกในยุคโบราณและต่อมาได้ถูกดัดแปลงและถ่ายทอดในหลายวัฒนธรรม เรื่องนี้เล่าถึงการที่สัตว์ในป่ารวมตัวกันเพื่อเลือกผู้นำใหม่หลังจากสิงโตผู้ครองป่าล่วงลับไป โดยในท้ายที่สุด สัตว์ทั้งหลายได้เลือก “วานร” เป็นกษัตริย์เพราะความตลกและความสามารถในการแสดงท่าทางขบขัน
อย่างไรก็ตาม จิ้งจอกที่รู้สึกไม่พอใจกับผลการเลือกตั้งนั้น ได้คิดหาทางหลอกวานรโดยอ้างว่ามีสมบัติล้ำค่าที่เป็นของกษัตริย์ซ่อนอยู่ในป่า วานรหลงเชื่อและตามจิ้งจอกไป แต่กลับถูกจับได้ในกับดัก เมื่อวานรถูกหลอก จิ้งจอกก็เย้ยหยันว่า “ท่านคิดจะเป็นกษัตริย์ แต่กลับไม่รู้ทันกับดักเสียเอง” นิทานเรื่องนี้เป็นการวิพากษ์ความโง่เขลาของผู้ปกครองที่ขาดคุณสมบัติและความระมัดระวัง
นิทานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเตือนใจเกี่ยวกับการเลือกผู้นำที่ควรมีปัญญาและความสามารถ ไม่ใช่เพียงแค่ความบันเทิงใจหรือภาพลักษณ์ภายนอก ในเวอร์ชันที่ตีความโดยนักเขียนต่าง ๆ เช่น Roger L’Estrange และ Jean de La Fontaine นิทานนี้ยังเน้นเรื่องความผิดพลาดของการเลือกผู้นำที่ขาดปัญญาและเตือนถึงความสำคัญของการปกครองอย่างรอบคอบและมีวิจารณญาณ
นิทานเรื่องนี้สอนว่า คนที่เริ่มทำอะไรโดยไม่คิดให้รอบคอบ มักพบกับหายนะและกลายเป็นที่หัวเราะเยาะในที่สุด