ในโลกที่ความรักและความอิจฉาริษยาอยู่คู่กันอย่างสุดขั้ว มีคำอธิษฐานครั้งหนึ่งที่นำมาซึ่งทั้งชีวิตและความตาย
มีนิทานกริมม์เรื่องหนึ่งเล่าถึงความโหดร้ายที่ถูกปกปิดไว้ภายใต้รสชาติของอาหารค่ำ และการที่วิญญาณผู้บริสุทธิ์ได้กลับมาทวงความยุติธรรมด้วยบทเพลงอันเศร้าสร้อยและปาฏิหาริย์ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ กับนิทานกริมม์เรื่องต้นอัลมอนด์

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องต้นอัลมอนด์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในแคว้นที่อุดมสมบูรณ์ มีคู่สามีภรรยาผู้ร่ำรวยและมีศรัทธาแรงกล้า ทั้งสองสวดภาวนาขอพรจากพระเจ้าทุกวันให้มีบุตรไว้สืบสกุล ในฤดูหนาวปีหนึ่ง ภรรยาออกมานั่งปอกแอปเปิลอยู่ใต้ต้นอัลมอนด์ (Juniper Tree) ที่ลานบ้าน ด้วยความไม่ระวัง มีดได้บาดนิ้วของเธอ เลือดสีแดงหยดลงบนพื้นหิมะสีขาวบริสุทธิ์
ภาพนั้นทำให้เธอเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า เธออธิษฐานว่า “โอ้ พระเจ้า! ขอให้ข้ามีบุตรที่มีผิวขาวดุจหิมะ และปรากฏเส้นเลือดแดงดุจโลหิตอันบริสุทธิ์”
หกเดือนต่อมา ภรรยาเริ่มป่วยหนักจากการกินลูกอัลมอนด์ (Juniper Berries) เธอรู้ตัวดีว่าไม่อาจอยู่ได้นาน จึงขอร้องสามีด้วยคำมั่นสัญญา “หากข้าสิ้นใจไปแล้ว ขอท่านได้โปรดนำร่างของข้าไปฝังไว้ใต้ต้นสนนี้ด้วยเถิด”
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เธอกำเนิดบุตรชายตามที่หวังไว้ทุกประการ: ผิวขาวผ่องราวหิมะและมีแก้มแดงดุจเลือดสด เมื่อเห็นบุตรชายสมปรารถนา ภรรยาก็เสียชีวิตด้วยความสุข (Died of Happiness) สามีผู้รักภรรยามาก ได้ทำตามสัญญา นำร่างของเธอไปฝังไว้ใต้ต้นสนตามที่ขอ
เวลาผ่านไป ชายผู้เป็นพ่อได้แต่งงานใหม่ และมีบุตรสาวกับภรรยาใหม่คนนี้ เธอตั้งชื่อว่า “มาร์ลินเชน” แม่เลี้ยงรักมาร์ลินเชนมาก แต่กลับเกลียดชังบุตรชายคนแรกอย่างรุนแรง
หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความทะยานอยาก เธอเชื่อว่าหากเด็กชายยังอยู่ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของสามีจะตกเป็นของเขา แม่เลี้ยงจึงเริ่มหาทางกลั่นแกล้งและทำร้ายจิตใจบุตรชายของสามีทุกวัน
ความเกลียดชังของแม่เลี้ยงทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน จนในที่สุดเธอก็คิดแผนร้ายที่ชั่วช้าที่สุด วันหนึ่งหลังเลิกเรียน แม่เลี้ยงวางแผนล่อลวงเด็กชายเข้าไปในห้องว่างที่มีหีบแอปเปิลอยู่ มาร์ลินเชนเห็นหีบนั้นและขอแอปเปิล แม่เลี้ยงก็ยื่นให้บุตรสาวของตนอย่างนุ่มนวล แต่เมื่อบุตรชายของสามีเข้ามาในห้องและเอื้อมมือลงไปในหีบเพื่อหยิบแอปเปิล
แม่เลี้ยงก็กระทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด! เธอปิดฝาหีบลงบนคอของเด็กชายอย่างแรง ตัดศีรษะของเขาจนขาดในทันที!
แม่เลี้ยงผู้ไร้หัวใจจัดการผูกศีรษะที่ขาดกับร่างกายของเด็กชายด้วยผ้าพันคอ แล้วจัดให้เขานั่งบนเก้าอี้ด้านนอก โดยวางแอปเปิลไว้บนตักของเขา มาร์ลินเชนเดินเข้ามาไม่รู้ถึงสถานการณ์ และขอแอปเปิลจากพี่ชาย เมื่อไม่ได้รับคำตอบ แม่เลี้ยงก็บังคับให้เธอ ชกหูพี่ชาย เพื่อให้เขาตอบ เมื่อมาร์ลินเชนทำตาม ศีรษะของพี่ชายก็กลิ้งตกลงบนพื้น มาร์ลินเชนตกใจกรีดร้องและร้องไห้ไม่หยุดทั้งวัน เพราะคิดว่าตนเองเป็นคนฆ่าพี่ชาย
ในขณะที่บุตรสาวของตนร้องไห้ แม่เลี้ยงกลับรีบลงมือทำลายหลักฐาน เธอหั่นร่างของเด็กชายเป็นชิ้น ๆ และนำไปปรุงเป็นอาหารค่ำที่เรียกว่า “ซุปเลือด” (Black Puddings) เพื่อปกปิดการฆาตกรรม จากนั้นเธอก็หลอกสามีเมื่อเขากลับมาว่า บุตรชายของเขาไปพักอยู่กับลุงใหญ่ของมารดา
เมื่ออาหารค่ำมาถึง พ่อผู้ไม่รู้เรื่องราวอันน่ากลัวได้กิน “ซุปเลือด” นั้นอย่างเอร็ดอร่อยและถึงกับเอ่ยปากชมว่าอร่อยเลิศรสเหลือเกิน
ตลอดคืนนั้น มาร์ลินเชนเก็บกระดูกที่เหลือจากอาหารค่ำทั้งหมดด้วยความโศกเศร้า เธอห่อมันไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก แล้วนำไปฝังอย่างระมัดระวังใต้ต้นอัลมอนด์ที่มารดาของพี่ชายถูกฝังไว้

ทันทีที่ มาร์ลินเชนฝังกระดูกทั้งหมดไว้ใต้ต้นอัลมอนด์นั้น
ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น!
หมอกหนาทึบพลันพวยพุ่งออกมาจากต้นไม้ และเมื่อหมอกจางหายไป นกที่สวยงามจับตาตัวหนึ่ง ก็โบยบินออกจากพุ่มไม้นั้น ขนของมันเป็นประกายแวววาวและดวงตาของมันเต็มไปด้วยวิญญาณของผู้ที่จากไป นกตัวนี้คือวิญญาณของเด็กชายที่ถูกฆาตกรรม
นกเริ่มบินไปยังเมืองใกล้เคียง มันเกาะอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่งและเริ่มร้องเพลง บทเพลงของมันไม่ใช่บทเพลงธรรมดา แต่เป็นเรื่องราวของการฆาตกรรมอันโหดร้าย ที่แม่เลี้ยงได้กระทำ “มารดาข้าคือผู้ให้กำเนิด แม่เลี้ยงคือผู้สังหาร เธอจับข้าไปกิน น้องสาวข้ารวบรวมกระดูกทั้งหมด แล้วฝังไว้ใต้ต้นอัลมอนด์…”
เสียงเพลงอันไพเราะแต่เศร้าสร้อยจับใจผู้คนในเมือง ทุกคนที่ได้ยินต้องหยุดกิจกรรมเพื่อฟังมันอย่างตั้งใจ ช่างทองคนหนึ่งหลงใหลในทำนองนี้มากจนเสนอสร้อยทองคำอันงดงาม เพื่อแลกกับการได้ฟังเพลงอีกครั้ง นกรับสร้อยนั้นไว้แล้วร้องเพลงให้เขาฟังอีกหน โดยบทเพลงขานว่า
“แม่เลี้ยงข้าคือผู้ฆ่าทำลาย
พ่อข้าคือผู้กินเนื้อเลือดไป
แต่น้องสาวข้าผู้อารีนั้นหนา
รวบรวมกระดูกทุกชิ้นมา
ห่อพันด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก
แล้วฝังไว้ใต้ต้นอัลมอนด์นั้นเอง
ควิทท์ ควิทท์ ควิทท์ ข้าร่ำร้อง
โอ้ ข้าเป็นนกที่สวยงามจริง!”
จากนั้นนกก็บินต่อไปเกาะที่บ้านของช่างทำรองเท้า ช่างทำรองเท้าก็มอบรองเท้าสีแดงคู่ใหม่ ให้กับนกเพื่อแลกกับบทเพลงที่น่าประทับใจ นกก็รับมา
สุดท้าย นกไปเกาะที่โรงโม่ของคนบดแป้ง และร้องเพลงซ้ำ คนบดแป้งรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งจนเอาโม่หินทของเขาอยู่มอบให้เป็นรางวัล นกจึงได้รับของวิเศษสามชิ้นที่ได้มาจากการร้องเพลง สร้อยทอง, รองเท้าแดง และโม่หิน
นกแห่งความยุติธรรมได้บินกลับมายังบ้านของมัน มันโยนสร้อยทองคำลงบนตักของพ่อ ผู้เป็นสามีขณะที่เขานั่งอยู่ในห้อง พ่อรับสร้อยนั้นไว้ด้วยความประหลาดใจและความปิติยินดี
จากนั้นนกก็โยนรองเท้าสีแดงลงไปให้มาร์ลินเชน รองเท้าคู่นั้นพอดีกับเท้าของเธออย่างน่าอัศจรรย์ มาร์ลินเชนร้องไห้ด้วยความตื้นตันและสวมมันไว้ทันที
ขณะเดียวกันแม่เลี้ยงผู้ชั่วร้ายก็เริ่มแสดงอาการป่วยหนัก เธอรู้สึกว่ามี “ไฟลุกโชนอยู่ในเส้นเลือด” ด้วยความโกรธแค้นและความสำนึกผิดที่ฝังอยู่ในใจ เธอเข้าใจดีว่านี่เป็นผลจากบาปที่เธอได้ก่อไว้ แม่เลี้ยงทนความร้อนรนในร่างกายไม่ไหว จึงรีบวิ่งออกไปนอกบ้านเพื่อสูดอากาศและดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันทีที่แม่เลี้ยงก้าวเท้าออกไป นกก็ปล่อยโม่หินขนาดใหญ่ ที่มันได้รับมาโม่หินตกลงบนศีรษะของแม่เลี้ยง ฆ่าเธอในทันทีทำให้เธอต้องชดใช้ด้วยชีวิตสำหรับอาชญากรรมที่น่าสะพรึงกลัวของเธอ
ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางควันไฟและฝุ่นที่ตลบอบอวลจากการลงโทษอันเด็ดขาด นกก็หายตัวไป! และในที่ที่มันเคยยืนอยู่บุตรชายผู้ถูกฆาตกรรม ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในร่างมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบราวปาฏิหาริย์!
พ่อและมาร์ลินเชนตกตะลึงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาโผเข้ากอดเด็กชายด้วยความยินดีอย่างสุดซึ้ง ความชั่วร้ายถูกกำจัดไปแล้ว และวิญญาณที่ถูกพรากไปก็กลับคืนมาสู่ครอบครัว พวกเขาทั้งสามคนจึงเข้าไปในบ้านเพื่อเฉลิมฉลองการรวมตัวกันอีกครั้ง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความชั่วร้ายและความริษยาที่ฝังลึกจะถูกเปิดเผยและถูกลงโทษในที่สุด แม้ว่ามนุษย์จะพยายามปกปิดอาชญากรรมด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมเพียงใดก็ตาม
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงพลังอำนาจของความรักอันบริสุทธิ์ โดยเฉพาะความผูกพันของครอบครัว ที่สามารถเรียกพลังจากธรรมชาติและปาฏิหาริย์มาช่วย เรียกร้องความยุติธรรม และทำให้เหยื่อผู้บริสุทธิ์ได้กลับคืนสู่ที่ที่ควรจะเป็น
อ่านต่อ: คอลเลกชันนิทานโด่งดังจากยุโรปนิทานกริมม์อ่านสนุกได้ข้อคิดดี ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานกริมม์เรื่องต้นอัลมอนด์ (อังกฤษ: The Almond Tree, The Juniper Tree) นิทานเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชันเทพนิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์ โดยถูกจัดลำดับไว้ที่หมายเลข 047 KHM
พี่น้องกริมม์ได้บันทึกนิทานนี้จากนิทานพื้นบ้านในภูมิภาค Westphalia (เว็สท์ฟาเลิน) ของเยอรมนี โดยเป็นหนึ่งในนิทานไม่กี่เรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆาตกรรม การกินเนื้อคน และการลงโทษด้วยโม่หิน
แก่นเรื่องของนิทานจัดอยู่ในกลุ่ม ‘Singing Bone’ หรือนิทานที่เหยื่อผู้ถูกฆาตกรรมกลับมาเพื่อเปิดเผยอาชญากรรมผ่านเสียงเพลง ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่าเรื่องโบราณที่มีอยู่ในหลายวัฒนธรรม
คติธรรม: “ความชั่วร้ายย่อมถูกขับร้องและเปิดโปงจากพยานที่คาดไม่ถึงที่สุด”

