นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต

ในป่ากว้างใหญ่ที่เคยเต็มไปด้วยความสง่างามของสิงโตผู้เป็นราชาแห่งป่า สัตว์ทุกตัวต่างเคยหวาดเกรงในพละกำลังและความดุดันของมัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิงโตผู้แข็งแกร่งได้หายไปจากผืนป่า เหลือเพียงหนังที่ทิ้งร่องรอยของความยิ่งใหญ่ไว้

วันหนึ่ง สุนัขกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมาและได้พบกับหนังสิงโตนั้น พวกมันเห็นโอกาสที่จะได้ “เอาชนะ” บางอย่างที่เคยยิ่งใหญ่ และนี่คือจุดเริ่มต้นของบทเรียนที่สอนให้เห็นถึงความกล้าหาญและความเคารพที่แท้จริง… กับนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และความเงียบสงบ สัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ร่วมกัน มีทั้งที่รักสงบและผู้ที่อยู่ด้วยความเกรงกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ทั้งหลายต่างเคยเกรงกลัวสิงโตผู้เคยเป็นราชาแห่งป่า ที่ทั้งแข็งแกร่งและทรงอำนาจ ไม่มีสัตว์ใดกล้าท้าทายหรือเข้าใกล้สิงโตตัวนั้น

วันหนึ่ง สุนัขกลุ่มหนึ่งออกเดินเล่นในป่า พวกมันเป็นสุนัขเลี้ยงที่เจ้าของฟาร์มปล่อยให้เดินเล่นได้ตามใจ จนเมื่อมาถึงป่าลึกเข้าไปเรื่อย ๆ พวกมันก็สะดุดตาเข้ากับหนังของสิงโตตัวหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้ หนังนั้นมีขนาดใหญ่และดูน่าเกรงขาม แม้ว่าสิงโตตัวนั้นจะไม่มีชีวิตอีกต่อไป แต่เพียงแค่เห็นหนังของมันก็ทำให้พวกสุนัขรู้สึกหวั่นเกรงเล็กน้อย

“ดูนี่สิ! เป็นหนังของสิงโตนี่นา” สุนัขตัวหนึ่งพูดด้วยเสียงอ่อนเบา “ข้าไม่เคยเห็นสิงโตใกล้ ๆ ขนาดนี้เลย ข้าอดคิดไม่ได้ว่าตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่คงน่ากลัวมาก”

แต่เมื่อพวกสุนัขเห็นว่าไม่มีใครดูแลหนังสิงโตและไม่มีสิงโตตัวอื่นอยู่ใกล้ ๆ พวกมันก็เริ่มรู้สึกกล้าขึ้น สุนัขตัวหนึ่งก้าวเข้าไปใกล้และพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หึ ตอนนี้มันก็แค่หนังไร้ชีวิต ดูไม่มีพลังอะไรเลย”

สุนัขตัวอื่น ๆ เริ่มยิ้มเยาะและเข้าร่วม “ใช่แล้ว มันเคยเป็นเจ้าแห่งป่า แต่ตอนนี้มันก็เป็นแค่ผิวหนังที่ไร้ค่า เห็นแล้วข้าอดหัวเราะไม่ได้!”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต 2

จากนั้น พวกสุนัขก็เริ่มกัดหนังสิงโตตัวนั้นด้วยความสนุกสนาน สุนัขบางตัวกัดหนังสิงโตแล้วเห่าเสียงดังราวกับจะประกาศชัยชนะ ส่วนตัวอื่นก็เริ่มกัดหนังออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงหัวเราะและเสียงเห่าดังไปทั่วป่า สุนัขทุกตัวต่างรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทำลายสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความยิ่งใหญ่

ขณะนั้นเอง สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งซึ่งเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันมองสุนัขกลุ่มนั้นด้วยสายตาที่เย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นแต่แฝงความเหยียดหยาม

“พวกเจ้านี่ช่างกล้าหาญจริงนะ!” สุนัขจิ้งจอกพูดขึ้นเสียงดัง “แต่ข้าขอถามหน่อย ถ้าสิงโตตัวนี้ยังมีชีวิตและยืนอยู่ตรงหน้าพวกเจ้า พวกเจ้าจะกล้าเข้าไปใกล้หรือ?”

สุนัขทั้งหมดชะงัก หยุดกัดและหันมองสุนัขจิ้งจอกด้วยความสงสัย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สุนัขตัวหนึ่งถามอย่างหงุดหงิด

“หากสิงโตตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่และอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า” สุนัขจิ้งจอกกล่าวต่อ “พวกเจ้าคงไม่กล้าแม้แต่จะมองสบตามันด้วยซ้ำ กรงเล็บของมันแข็งแกร่งกว่าฟันของพวกเจ้าทุกตัวเสียอีก”

สุนัขอีกตัวแย้งขึ้น “แต่ตอนนี้มันตายแล้ว เราไม่ได้ทำผิดอะไร มันก็แค่หนังที่ไร้ค่า”

สุนัขจิ้งจอกยิ้มเยาะ “พวกเจ้าช่างไม่รู้ตัวเลย ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าพวกเจ้าคงกล้าทำลายและเหยียบย่ำแต่ผู้ที่ไม่มีพลังต่อกรหรือไร้ชีวิตแล้วเท่านั้น การเหยียบย่ำผู้ที่เคยยิ่งใหญ่ในตอนที่เขาไม่มีทางสู้ มันไม่ได้ทำให้พวกเจ้าดูยิ่งใหญ่ขึ้นเลย มีแต่จะทำให้พวกเจ้าดูไร้ความกล้าหาญที่แท้จริงเท่านั้น”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น สุนัขทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกละอายใจ สุนัขบางตัวลดสายตาลงและหางลู่ด้วยความอับอาย พวกมันเริ่มตระหนักว่าการทำร้ายหนังของสิงโตที่ไร้ชีวิตนั้นไม่ได้ทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้น แต่กลับเผยให้เห็นถึงความขลาดเขลาและความอ่อนแอที่แท้จริงของตนเอง

ตั้งแต่นั้นมา ไม่มีสุนัขตัวใดกล้าที่จะกัดหรือเหยียบหนังของสิงโตอีก พวกมันต่างเดินออกไปจากที่นั้นเงียบ ๆ พร้อมกับบทเรียนสำคัญที่ได้เรียนรู้ในวันนี้

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต 3

นิทานเรื่อนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางคนกล้าทำร้าย วิจารณ์ หรือเหยียบย่ำผู้ที่เคยมีอำนาจหรือเคยได้รับความเคารพในยามที่พวกเขาตกต่ำ แต่เมื่อบุคคลเหล่านั้นยังคงแข็งแกร่งและทรงอำนาจ คนเหล่านั้นกลับไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้า การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่ความกล้าหาญที่แท้จริง แต่กลับแสดงถึงความอ่อนแอและขาดความเคารพในตนเอง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหนังสิงโต (อังกฤษ: The Dogs and the Lion’s Skin) เป็นนิทานอีสปเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 406 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) อย่างไรก็ตาม นิทานเรื่องนี้พบเฉพาะในต้นฉบับภาษากรีกยุคกลางที่อ้างว่าเป็นการแปลจากภาษาซีเรียก (Syntipas, Fable 19) นิทานเรื่องนี้เล่าว่าเมื่อสุนัขพบหนังสิงโต พวกมันก็เริ่มกัดหนังสิงโตให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สุนัขจิ้งจอกที่เดินผ่านมาเห็นก็พูดว่า “ถ้าสิงโตตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็จะรู้ในไม่ช้าว่ากรงเล็บของมันแข็งแรงกว่าฟันของเจ้า”

นิทานเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า คนบางคนมักจ้องโจมตีผู้มีชื่อเสียงเมื่อเขาสูญเสียอำนาจและเกียรติยศของตนไป

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหมาป่า

ณ ป่ากว้างใหญ่ที่เงียบสงัด มีหมาป่าตัวหนึ่งใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ในความมืดและความอ้างว้าง มันเผชิญกับความหิวโหยและความเหนื่อยล้าในการออกล่าเพื่อความอยู่รอด ทุกวันของมันคือการต่อสู้กับธรรมชาติที่แปรปรวน และแม้จะยากลำบากเพียงใด หมาป่าก็ยังยืนหยัดในเสรีภาพของมัน

แต่เมื่อหมาป่าพบกับสุนัขตัวหนึ่งซึ่งดูแข็งแรง อุดมสมบูรณ์ และไม่มีความทุกข์ร้อนใด ๆ ความคิดบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นภายในใจของหมาป่า นี่คือเรื่องราวของการเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน และคุณค่าที่แท้จริงของอิสรภาพ… กับนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหมาป่า

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหมาป่า

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหมาป่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าลึกที่กว้างใหญ่และมืดครึ้ม หมาป่าตัวหนึ่งเดินไปตามทางด้วยท่าทางอิดโรยและเหน็ดเหนื่อย มันไม่ได้กินอาหารมาหลายวันแล้ว ร่างกายผอมโซและมีแต่กระดูกปูดโปน หมาป่าหวังว่าจะหาเหยื่อได้บ้าง แต่ป่าก็แห้งแล้งและเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เงาของสัตว์เล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ามาให้เห็น

ขณะที่หมาป่ากำลังเดินไปอย่างสิ้นหวัง มันก็เหลือบไปเห็นสุนัขตัวหนึ่งเดินออกมาจากหมู่บ้านใกล้ ๆ สุนัขตัวนี้มีขนเงางามเป็นประกาย ร่างกายอ้วนพี แข็งแรง และเดินอย่างสบายใจ ไม่ได้มีท่าทีทุกข์ยากเลย หมาป่ามองสุนัขด้วยความทึ่ง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา

หมาป่าเดินเข้าไปหาและเอ่ยทักทาย “สวัสดีเพื่อนเอ๋ย เจ้าดูแข็งแรงและมีร่างกายสมบูรณ์ดีนัก ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าเจ้าทำอย่างไรถึงได้มีชีวิตที่สุขสบายเช่นนี้ ขณะที่ข้าต้องเดินเตร่อย่างหิวโซและไม่มีอะไรจะกิน”

สุนัขยิ้มอย่างภาคภูมิใจและกล่าวตอบ “ข้าโชคดีที่มีเจ้าของที่ดี ข้าได้รับอาหารจากเจ้าของทุกวัน ได้กินเนื้อดี ๆ ขนมปังและอาหารจากโต๊ะของเขา ข้ายังได้พักผ่อนในที่ที่อบอุ่น ไม่ต้องดิ้นรนเหมือนเจ้า”

หมาป่าฟังแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นและยิ้มออกมา “ฟังดูดีเหลือเกิน ข้าเองก็อยากมีชีวิตเช่นนั้น ไม่ต้องทุกข์ทนกับความหิวโหย คงเป็นชีวิตที่สบายที่สุด”

“มันไม่ใช่เรื่องยากเลย” สุนัขตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น เจ้าก็มาอยู่กับข้าในบ้านสิ เจ้าของข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี และเจ้าจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์ให้กินทุกวัน เจ้าไม่ต้องทนลำบากเช่นนี้อีกต่อไป”

เมื่อหมาป่าได้ยินเช่นนั้น มันก็ยิ้มและคิดในใจว่าชีวิตที่สุนัขเล่ามาเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่มันก็สังเกตเห็นว่ามีรอยบางอย่างอยู่รอบคอของสุนัข หมาป่าจึงถามด้วยความสงสัย “แต่ข้าสงสัยอยู่สิ ทำไมรอบคอเจ้าถึงมีรอยเป็นวงเช่นนั้น?”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหมาป่า 2

สุนัขหัวเราะเบา ๆ และอธิบาย “โอ้ นั่นก็เป็นแค่ปลอกคอที่เจ้าของข้าผูกไว้ ข้าต้องใส่ปลอกคอนี้ไว้เพื่อให้เจ้าของสามารถผูกข้าไว้ในบ้านได้ตอนกลางคืน ข้าจะได้ไม่หนีไปไหน”

หมาป่าฟังแล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ปลอกคอหรือ? แล้วเจ้าไม่ได้รู้สึกอึดอัดบ้างเลยหรือที่ถูกผูกไว้เช่นนั้น?”

สุนัขพยักหน้า “แรก ๆ ข้าก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ข้าชินแล้ว เพราะข้ามีอาหารดี ๆ และที่พักอันแสนสบาย ข้าจึงยอมแลกอิสรภาพบางอย่างไปเพื่อชีวิตที่สุขสบาย”

หมาป่าเริ่มรู้สึกลังเล มันหันมองป่าที่เงียบสงบแต่กว้างใหญ่ และพูดกับตัวเอง “ข้าอาจจะไม่มีอาหารทุกวัน ข้าอาจจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่ข้ามีอิสระในการใช้ชีวิต ข้าเลือกได้ว่าจะไปที่ไหน จะทำอะไร”

สุนัขที่ฟังอยู่รีบพูดเสริม “เพื่อนเอ๋ย ชีวิตแบบข้าไม่ดีหรือ? เจ้าไม่ต้องหิวโหยอีกต่อไป ขอแค่เจ้ายอมอยู่ในบ้านกับข้า ก็จะมีทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ”

แต่หมาป่ากลับส่ายหัวช้า ๆ มันมองไปที่ขนเงางามของสุนัขแล้วถอนหายใจ “ข้าขอมีอิสรภาพที่จะอดอาหาร ดีกว่าที่จะเป็นทาสที่อ้วน ข้าไม่อาจทนได้หากต้องมีปลอกคอพันรอบคอ ข้าไม่ต้องการถูกผูกติดอยู่กับอะไรทั้งนั้น”

สุนัขนิ่งเงียบไป ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะมันเริ่มเข้าใจว่าหมาป่าให้คุณค่ากับอิสรภาพเหนือความสุขสบาย

หมาป่ากล่าวต่อว่า “งั้นเจ้าจงเก็บความสุขสบายของเจ้าไว้เถิด! ข้าไม่ต้องการอะไรที่ทำให้คอของข้าต้องเสียดสีกับโซ่ตรวนเหล็ก!”

หมาป่าหันกลับและเดินหายเข้าไปในป่า แม้ว่ามันจะหิวและเหนื่อยล้า แต่ก็ยังภาคภูมิใจที่ได้เลือกเส้นทางที่ตนต้องการ และได้มีชีวิตที่เป็นของตนเอง

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหมาป่า 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อิสรภาพมีค่ามาก แม้จะต้องแลกมาด้วยความลำบากและการขาดแคลนก็ตาม การมีอิสระในการเลือกทางชีวิตและตัดสินใจด้วยตนเองอาจสำคัญกว่าการมีความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับการสูญเสียเสรีภาพ เพราะความสุขที่แท้จริงมักเกิดจากการได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ ไม่ใช่เพียงการมีความสุขสบายภายนอก

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับหมาป่า (อังกฤษ: The Dog and the Wolf) เป็นนิทานอีสปเก่าแก่ที่ได้รับความนิยมมากเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 346 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณในฐานะบทเรียนว่าไม่ควรแลกอิสรภาพกับความสะดวกสบายหรือผลประโยชน์ทางการเงิน นิทานอีกเรื่องหนึ่งที่มีข้อคิดสอนใจเกี่ยวกับสัตว์ต่างชนิดกันนั้นไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับแกะ

ในฟาร์มเล็ก ๆ กลางทุ่งหญ้าเขียวขจี ฝูงแกะและสุนัขเฝ้าฝูงอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทุกวันฝูงแกะจะออกไปหากินหญ้าในทุ่ง โดยมีสุนัขคอยเฝ้าดูแลและระวังภัยอยู่ไม่ห่าง

แต่ในใจของแกะตัวหนึ่งกลับมีคำถามถึงความยุติธรรมในการได้รับการดูแล และความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ตนให้กับสิ่งที่ได้รับ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาที่จะเผยให้เห็นถึงคุณค่าในหน้าที่ที่แต่ละชีวิตมีต่อกัน… กับนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับแกะ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับแกะ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับแกะ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ฟาร์มเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวขจี ฝูงแกะอาศัยอยู่ร่วมกับสุนัขเฝ้าฝูงภายใต้การดูแลของเจ้าของฟาร์ม ทุกวันแกะจะออกไปหากินหญ้ากันอย่างสงบ ขณะที่สุนัขจะคอยเฝ้าระวังปกป้องพวกมันจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ในวันหนึ่ง แกะตัวหนึ่งเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่มันได้รับ

แกะตัวหนึ่งเดินเข้าหาเจ้าของฟาร์มแล้วเริ่มบ่นด้วยน้ำเสียงที่แฝงความน้อยใจ

“ท่านเจ้านาย ข้ามีบางอย่างที่อยากถาม” แกะกล่าวขึ้น “ข้ากับฝูงให้ทั้งขนแกะ ลูกแกะที่น่ารัก และนมที่อุดมสมบูรณ์แก่ท่าน พวกเราทุ่มเททุกสิ่งให้ท่านเพื่อแลกกับที่พักพิง แต่เรากลับได้รับเพียงหญ้าที่ต้องหาเอง ไม่มีอาหารพิเศษ ไม่มีการดูแลดี ๆ เหมือนกับสุนัขที่คอยเฝ้าพวกเรา”

เจ้าของฟาร์มฟังด้วยความเข้าใจ พลางลูบหัวแกะแล้วตอบกลับว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทำงานหนัก แต่เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าสุนัขก็ทำหน้าที่ของมันเพื่อพวกเจ้าเช่นกัน?”

ในขณะนั้นเอง สุนัขที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินทุกคำพูดของแกะ มันจึงแทรกขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับแกะ 2

“เจ้าแกะ! ข้าจะบอกอะไรให้ชัดเจน” สุนัขพูดด้วยเสียงเข้ม “ข้าอาจไม่ได้ให้ขนหรือนมเหมือนเจ้าหรอก แต่ถ้าไม่มีข้าคอยปกป้อง พวกเจ้าจะต้องอยู่อย่างหวาดกลัว และกินหญ้าอย่างไม่มีความสุข”

แกะทำหน้าประหลาดใจ “เจ้าพูดเช่นนั้นเพราะเหตุใดหรือ?”

สุนัขเฝ้าฝูงอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ “ถ้าไม่มีข้า โจรจะเข้ามาขโมยพวกเจ้าไป หมาป่าก็จะจ้องเข้ามาทำร้ายฝูงของเจ้า ข้าอยู่ที่นี่เพื่อให้พวกเจ้าปลอดภัย และคอยเฝ้าระวังทุกคืนทุกวัน ข้าไม่ได้กินอาหารพิเศษโดยเปล่าประโยชน์ มันคือค่าตอบแทนสำหรับความปลอดภัยที่พวกเจ้ามีอยู่ต่างหาก”

สนัขกล่าวต่อว่า “หากไม่มีข้าคอยปกป้องพวกเจ้าไว้ทุกด้าน พวกเจ้ายังจะมีหญ้าให้กินหรือไม่? ข้าวิ่งวนรอบฝูงคอยป้องกันพวกเจ้าจากโจรผู้ปล้นสะดมและหมาป่าที่คอยซุ่มโจมตี”

แกะนิ่งฟังด้วยความรู้สึกที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป มันเริ่มตระหนักถึงบทบาทของสุนัขที่ทำหน้าที่ดูแลพวกมัน

“เช่นนั้นข้าเข้าใจแล้ว” แกะกล่าวอย่างยอมรับ “ข้าพลาดไปที่มองข้ามความสำคัญของเจ้า ข้าขอโทษที่บ่นโดยไม่ได้ไตร่ตรอง”

สุนัขยิ้มเล็กน้อยและตอบ “จำไว้ว่าข้าไม่ได้เฝ้าพวกเจ้าเพื่อชื่อเสียงหรือการยกย่อง แต่ข้าเฝ้าพวกเจ้าด้วยความภักดีและหน้าที่”

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แกะไม่เคยบ่นเรื่องการดูแลอีก มันเข้าใจแล้วว่าแม้ตนจะให้ประโยชน์มากมาย แต่สุนัขผู้คอยปกป้องก็มีบทบาทสำคัญที่ทำให้ชีวิตของฝูงแกะสงบสุขปลอดภัย

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับแกะ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางครั้งผู้ที่ดูแลและปกป้องเราอาจไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เราปลอดภัยและสงบสุข การมองเห็นคุณค่าในหน้าที่ของแต่ละคนและการรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งที่พวกเขาทำ จะช่วยให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของความร่วมมือในสังคม อย่ามองข้ามความดีของผู้อื่นเพียงเพราะเราไม่เห็นชัดเจน เพราะทุกคนล้วนมีบทบาทที่ทำให้ชีวิตราบรื่นและมั่นคง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับแกะ (อังกฤษ: The Dog and the Sheep) เป็นนิทานที่ถูกจัดลำดับอยู่ใน ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 356 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) เดิมทีนิทานเรื่องนี้เน้นที่ผลที่ตามมาจากการให้การเป็นพยานเท็จ นิทานเรื่องนี้ในยุคกลางตอนปลายเน้นที่การจัดการกับความยุติธรรมที่บิดเบือนโดยผู้มีอำนาจโดยไม่คำนึงถึงคนยากจน นิทานเรื่องนี้จึงถูกเปลี่ยนชื่อใหม่จากนิทานเรื่องแกะและสุนัขที่ปกป้องแกะเป็นหมาป่า สุนัข และแกะ

สำหรับสุนัข ความภักดีก็เป็นลักษณะธรรมชาติอย่างหนึ่งเช่นกัน สุนัขเป็นสัตว์ในฝูง ซึ่งหมายความว่าพวกมันต้องการอยู่ร่วมกับสัตว์อื่น ๆ นี่เป็นกลไกการเอาตัวรอดเช่นกัน ฝูงประสบความสำเร็จเพราะสมาชิกในฝูงต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันในการดำรงชีวิต

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับเงาสะท้อนของมัน

ในป่าอันเงียบสงบและงดงาม สุนัขตัวหนึ่งที่หิวโหยเดินหาอาหารไปทั่ว จนกระทั่งมันพบชิ้นเนื้อขนาดใหญ่เข้าโดยบังเอิญ มันดีใจอย่างยิ่ง คาบชิ้นเนื้อไว้แน่นและมุ่งหน้ากลับบ้าน

ระหว่างทาง สุนัขต้องข้ามสะพานเล็ก ๆ ที่พาดผ่านลำธารใส ซึ่งสะท้อนภาพทุกสิ่งที่อยู่ด้านบน และนั่นเองที่มันได้พบกับภาพสะท้อนบางอย่างที่ทำให้มันต้องหยุดชะงัก พร้อมกับความคิดที่อาจเปลี่ยนชะตาของมันไปตลอดกาล… กับนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับเงาสะท้อนของมัน

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับเงาสะท้อนของมัน

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับเงาสะท้อนของมัน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ป่าร่มรื่นชานเมืองแห่งหนึ่งที่มีลำธารใสสะอาดไหลผ่าน ป่านี้เป็นแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์สำหรับสัตว์ต่าง ๆ แต่ก็ยังมีบางวันที่อาหารหาได้ยาก และสัตว์หลายตัวต้องดิ้นรนเพื่อหาอาหารให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน

สุนัขตัวหนึ่งเดินเร่ร่อนด้วยความหิว หลังจากออกตามหาอาหารมาทั้งวัน จนกระทั่งมันพบชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ที่มีใครบางคนทิ้งไว้ มันดีใจมากและรีบคาบชิ้นเนื้อไว้ในปากแน่น พลางคิดในใจ “วันนี้โชคเข้าข้างข้าจริง ๆ! ข้าจะได้กินเนื้อชิ้นใหญ่และอิ่มท้องสักที!”

ขณะที่สุนัขเดินกลับบ้านผ่านสะพานเล็ก ๆ ที่พาดผ่านลำธารใสแจ๋ว มันเผลอก้มมองในน้ำ และสิ่งที่มันเห็นทำให้มันหยุดชะงักทันที มันเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำ แต่ด้วยความโลภ มันเข้าใจผิด คิดว่านั่นเป็นสุนัขอีกตัวหนึ่งที่คาบชิ้นเนื้ออยู่ในปาก

“โอ้โห! นั่นมันชิ้นเนื้อที่ใหญ่กว่า!” สุนัขร้องในใจ มันมองชิ้นเนื้อในเงานั้นและรู้สึกอยากได้ “ถ้าข้าได้เนื้อชิ้นนั้นมาด้วย ข้าจะได้กินอิ่มไปอีกหลายวัน”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับเงาสะท้อนของมัน 2

ด้วยความคิดนี้ มันจึงตัดสินใจทำสิ่งที่เสี่ยง มันยื่นตัวเข้าไปใกล้น้ำและมองเงานั้นอย่างจดจ่อ “เนื้อชิ้นนี้จะต้องเป็นของข้า!” มันพูดเสียงดังด้วยความมั่นใจและความโลภ

เมื่อคิดได้ดังนั้น สุนัขก็อ้าปากเพื่อจะงับเนื้อที่เห็นในเงาน้ำ แต่ทันทีที่มันอ้าปาก ชิ้นเนื้อที่มันคาบอยู่ก็หลุดออกจากปากและตกลงไปในน้ำลึกพร้อมกับคลื่นเล็ก ๆ ที่กระจายตัวออกไป

“โอ้! ไม่!” สุนัขร้องด้วยความตกใจ มันพยายามก้มลงไปงับชิ้นเนื้อที่ลอยหายไปในกระแสน้ำ แต่ก็สายเกินไป เนื้อที่มันเคยมีอยู่ในปากหายไปแล้ว สุนัขจึงยืนอยู่บนสะพาน มองน้ำที่ค่อย ๆ ไหลไปพร้อมกับชิ้นเนื้อของมันด้วยความเสียใจ

“ข้าไม่น่าทำเช่นนี้เลย ถ้าข้าไม่โลภ ข้าก็จะยังมีเนื้อกินอยู่แท้ ๆ” สุนัขพึมพำกับตัวเอง มันได้แต่นั่งเศร้าด้วยความเสียดายและรู้สึกว่าตนเองพลาดที่ไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่แล้ว

สุดท้าย สุนัขต้องเดินกลับบ้านด้วยความว่างเปล่า ทั้งหิวและเสียใจ เพราะความโลภเพียงชั่วครู่ ทำให้มันสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องสุนัขกับเงาสะท้อนของมัน 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความโลภและการไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ อาจทำให้เราสูญเสียสิ่งที่มีค่าไปโดยไม่จำเป็น การมองเห็นแต่สิ่งที่ต้องการโดยไม่ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่แล้ว สามารถนำมาซึ่งความเสียใจและความสูญเสียได้ จงรู้จักพอใจและเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนมี เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของความโลภที่อาจทำลายความสุขของเรา

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องสุนัขกับเงาสะท้อนของมัน (อังกฤษ: The Dog and Its Reflection) เป็นนิทานอีสปเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 133 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้ต้นฉบับเป็นภาษากรีกถูกเล่าใหม่เป็นภาษาละตินและเผยแพร่ไปทั่วทั้งยุโรป โดยสอนบทเรียนให้พอใจในสิ่งที่ตนมีและไม่ละทิ้งสาระสำคัญเพื่อตามล่าไขว่ขว้าสิ่งที่ว่างเปล่าเช่นเงา แต่ในชีวิตจริงอาจเปรียบได้หลายอย่าง นิทานเรื่องนี้ยังมีรูปแบบที่ดัดแปลงมาจากภาษาอินเดียด้วย คติสอนใจในตอนท้ายของนิทานเรื่องนี้ได้ให้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสมีสุภาษิต และนิทานเรื่องนี้ยังถูกนำไปใช้ในสถานการณ์ทางสังคมต่าง ๆ อีกด้วย

นิทานเรื่องนี้กล่าวถึงคนโลภที่พยายามไขว่คว้ามากเกินกว่าที่ตนต้องการ

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องกวางไร้หัวใจ

ในป่าใหญ่ที่เงียบสงบ ทุกชีวิตดำเนินไปตามวิถีของตนเอง บ้างก็หากินอย่างระมัดระวัง บ้างก็แสดงน้ำใจต่อกันด้วยความจริงใจ แต่ในบางครั้ง ความเมตตาและความไว้วางใจที่มอบให้ผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์ใจ อาจกลายเป็นจุดอ่อนที่เปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีแฝงเข้ามา

เมื่อจิ้งจอกเจ้าเล่ห์วางแผนบางอย่างขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง เหตุการณ์ในป่าแห่งนี้ก็กลายเป็นบทเรียนสำคัญให้เราได้จดจำ… กับนิทานอีสปเรื่องกวางไร้หัวใจ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องกวางไร้หัวใจ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องกวางไร้หัวใจ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีสิงโตที่อ้างว่าป่วยหนัก นอนพักอยู่ในถ้ำอย่างอ่อนแรง สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ซึ่งเป็นผู้ช่วยของสิงโตเฝ้าคิดหาวิธีที่จะหาสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งมาให้สิงโตกินเพื่อฟื้นพละกำลัง จนในที่สุด มันก็เห็นกวางตัวหนึ่งเดินผ่านมาพอดี จึงคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นในใจ

“กวางเอ๋ย เจ้าใจดีและมีน้ำใจจริง ๆ!” จิ้งจอกกล่าวพร้อมกับรีบเดินเข้าไปหา

กวางหันมองจิ้งจอกด้วยความแปลกใจ “เจ้ามีธุระอะไรหรือจิ้งจอก?”

จิ้งจอกทำหน้าตาสลดและถอนหายใจยาว “เฮ้อ…เจ้าคงยังไม่รู้ว่าพระราชาของเราสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ป่วยหนักจนไม่สามารถลุกจากถ้ำได้ ข้าจึงอยากจะขอร้องให้เจ้าไปเยี่ยมและให้กำลังใจมันสักหน่อย นั่นคงจะทำให้พระราชารู้สึกดีขึ้นมาก”

กวางที่มีจิตใจดีและสงสารสิงโตมากจึงตอบรับด้วยน้ำใจ “โอ้ ข้าไม่เคยรู้เลยว่าสิงโตป่วยหนักถึงเพียงนี้ ข้ายินดีไปเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจมัน”

เมื่อกวางเดินตามจิ้งจอกเข้าไปในถ้ำ มันเห็นสิงโตนอนนิ่งอยู่ แววตาของสิงโตดูอ่อนล้า แต่ในใจของมันกลับซ่อนความหิวโหยไว้ เมื่อเห็นกวางเดินเข้ามาใกล้ สิงโตก็พยายามกระโจนเข้าใส่ทันที แต่ด้วยความตกใจ กวางรีบถอยและวิ่งหนีออกจากถ้ำไปได้สำเร็จ มันหายใจหอบด้วยความกลัวและสงสัย “ข้าคิดว่าสิงโตเจ็บป่วยหนัก ทำไมมันถึงกระโดดเข้าใส่ข้าได้รวดเร็วขนาดนั้น?”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องกวางไร้หัวใจ 2

วันต่อมา จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมกับทำสีหน้าเศร้าหมองกว่าเดิม “เจ้ากวาง ข้าต้องขอโทษอย่างยิ่งสำหรับเมื่อวานนี้ ที่จริงแล้วพระราชาเพียงแต่ลุกขึ้นทักทายเพราะดีใจที่เจ้าอุตส่าห์มาเยี่ยม แต่มันยังอ่อนแรงอยู่มาก และคงดีใจยิ่งขึ้นหากเจ้าไปเยี่ยมอีกครั้งเพื่อให้กำลังใจเป็นพิเศษ ข้ารับรองว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีก”

กวางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ด้วยความสงสารและจิตใจที่ไม่อยากให้สิงโตโดดเดี่ยว กวางจึงตัดสินใจกลับไปเยี่ยมสิงโตอีกครั้ง “หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไปเยี่ยมมันอีกครั้งหนึ่งก็ได้”

เมื่อกวางก้าวเข้ามาในถ้ำเป็นครั้งที่สอง สิงโตก็ไม่รอช้า คราวนี้มันกระโจนเข้าหากวางเต็มแรงและจับตัวกวางไว้แน่น กวางที่รู้ตัวว่าถูกหลอกก็ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด “เจ้าจิ้งจอก เจ้าหลอกข้า!”

สิงโตมองกวางด้วยสายตาเยาะเย้ย “เจ้ากวาง เจ้ามาเองและตกเป็นเหยื่อของข้าในที่สุด” และสิงโตก็จับกวางกินเป็นอาหาร ทิ้งเพียงร่างของกวางไว้ในถ้ำ

หลังจากที่สิงโตจากไป จิ้งจอกซึ่งซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ ก็เดินเข้ามา มันมองร่างของกวางและพูดเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่คิดเลยว่ากวางจะโง่เง่าเช่นนี้ ข้าหลอกมันให้มาถึงสองครั้งสองครา ข้ามั่นใจว่ามันคงไม่มีหัวใจที่เต็มไปด้วยปัญญาอยู่”

แล้วจิ้งจอกก็ก้มลงกินหัวใจกวางอย่างสบายใจ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องกวางไร้หัวใจ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความใจดีและความไว้วางใจที่มากเกินไปโดยไม่ใช้สติปัญญา อาจทำให้เราตกอยู่ในอันตรายจากผู้ที่แสวงหาประโยชน์จากเรา กวางที่เชื่อในคำพูดของสุนัขจิ้งจอกโดยไม่ไตร่ตรอง เสียท่าเพราะความเมตตาที่ไร้การป้องกัน ทำให้มันตกเป็นเหยื่อของความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกและสิงโตในที่สุด

บางครั้งการแยกแยะและไม่หลงเชื่อคำพูดหรือการแสดงออกของผู้อื่นเพียงผิวเผิน คือหนทางในการปกป้องตัวเอง เพราะแม้ความเมตตาและไว้วางใจเป็นคุณธรรมที่ดี แต่ก็ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง มิฉะนั้น สิ่งเหล่านี้อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนา

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องกวางไร้หัวใจ (อังกฤษ: The Deer without a Heart) เป็นนิทานโบราณ ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 336 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้เล่าถึงกวาง (หรือลาในฉบับตะวันออก) ที่ถูกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เกลี้ยกล่อมให้ไปเยี่ยมสิงโตที่กำลังป่วยถึงสองครั้ง หลังจากที่สิงโตฆ่ามันแล้ว จิ้งจอกก็ขโมยและกินหัวใจกวางไป เมื่อถูกถามว่าหัวใจอยู่ที่ไหน จิ้งจอกก็ให้เหตุผลว่าสัตว์ที่โง่เขลาถึงขนาดไปเยี่ยมสิงโตในถ้ำไม่น่าจะมีหัวใจอยู่ โดย “หัวใจ” ที่เต็มไปด้วยสติปัญญาอยู่ ซึ่งสะท้อนความเชื่อและแนวคิดโบราณที่เชื่อว่าหัวใจเป็นศูนย์รวมของความคิดและปัญญา

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องอีกากับงู

ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งและสายลมพัดเบา อีกาตัวหนึ่งกำลังบินโฉบไปทั่วป่า มันกำลังมองหาอาหารอันโอชะด้วยความหิวโหย จนกระทั่งสายตาของมันไปหยุดที่ก้อนหินใหญ่ที่กลางแดดจ้าใต้ต้นไม้ใหญ่

ที่นั่น… งูตัวหนึ่งกำลังนอนขดอยู่อย่างสงบ อีกามองเหยื่อของมันด้วยความตื่นเต้นและมั่นใจ แต่สิ่งที่ดูเรียบง่ายนี้กลับซ่อนความท้าทายและผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิด นิทานเรื่องนี้คือนิทานอีสปเรื่องอีกากับงู

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับงู

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องอีกากับงู

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใสและท้องฟ้าโปร่ง อีกากำลังบินอยู่เหนือทุ่งหญ้ากว้าง มองหาอาหารอย่างขะมักเขม้น ขณะที่มันบินไปทั่ว มันก็เห็นบางสิ่งที่สะดุดตาอยู่บนหินก้อนใหญ่กลางแดด ร่างของมันกลมและยาว หนามงูขดตัวอยู่กับพื้นอย่างสงบและเงียบสงัด เหมือนกำลังอาบแดดอย่างสบายใจ

อีกาที่เห็นก็รู้สึกดีใจมาก มันคิดในใจว่า “นี่คือเหยื่อที่สมบูรณ์แบบ!” เพราะมันเห็นว่าเป็นงูขนาดใหญ่ คงจะมีเนื้อมากพอสมควร มันบินไปใกล้ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ วางแผนที่จะจับงูตัวนั้น

เมื่ออีกากำลังจะโจมตีกลับพบว่ามันบินไปใกล้มากเกินไปแล้ว งูเห็นอีกาและเริ่มขยับตัวอย่างรวดเร็ว งูตัวนั้นไม่ได้ตั้งใจจะหลบหนี แต่มันกลับตีงวงไปมาพร้อมพันตัวของอีกาไว้อย่างแน่นหนา

“เฮ้ย! ทำไมเจ้างูถึงพันตัวข้าได้!” อีกาตกใจและร้องออกมา มันพยายามขยับปีกเพื่อหลุดจากพันธนาการของงู แต่งูตัวนั้นยิ่งพันตัวมันแน่นขึ้นจนไม่สามารถขยับได้

สายตาของงูเต็มไปด้วยความระแวดระวังและเจ้าเล่ห์ “เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นเหยื่อให้เจ้าหรือ?” งูเอ่ยด้วยเสียงที่เย็นชา

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับงู 2

“โอ้ย! ทำไมมันถึงพันตัวข้าได้ขนาดนี้!” อีกากระวนกระวาย มันตกใจอย่างมากว่ามันตกอยู่ในอันตรายไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นแบบนี้

งูหัวเราะเบาๆ “เจ้าคิดว่าการนอนของข้าเป็นสัญญาณของความอ่อนแอหรือ? ข้าบอกเลยว่าเจ้ากำลังประมาทในตัวเองมากไป”

อีกาส่งเสียงร้องด้วยความโกรธและตกใจ “ปล่อยข้านะ! ข้าไม่ได้คิดว่าจะจบลงแบบนี้ ข้าคิดว่าข้าโชคดีที่เจอเจ้าแท้ๆ”

งูตอบอย่างเย็นชา “บางครั้งสิ่งที่เจ้าเห็นว่าเป็นโชคอาจเป็นหายนะก็ได้ ข้าเองก็แค่นอนพักอยู่ตามทาง เจ้ามาเองและหาทางพาตัวเองลงสู่หายนะ!”

ในที่สุด ทั้งสองตัวก็พลัดตกลงไปในทะเล น้ำที่เย็นจัดทำให้ทั้งสองตัวตกลงไปในกระแสน้ำแรงและกว้าง ขณะนั้นเองที่อีกาพยายามดิ้นรน แต่ไม่สามารถหาทางรอดได้

เมื่ออีกาขึ้นมาจากน้ำมันก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง “ชะตากรรมช่างโหดร้ายสำหรับข้า! ข้าคิดว่าข้าโชคดีที่ได้พบเหยื่ออันโอชะ และมันทำให้ข้าตาย!” มันไม่ได้แค่เสียเหยื่อที่มันคิดว่าจะกินได้ แต่ยังเสียชีวิตของมันเองอีกด้วย

ในที่สุดมันก็เข้าใจว่าบางครั้งโชคลาภที่เราคิดว่าเป็นสิ่งดีอาจนำพาความหายนะที่คาดไม่ถึงมากมาย ความหลงผิดในบางครั้งอาจทำให้เราเห็นสิ่งที่ไม่ดีเป็นสิ่งที่ดี และผลที่ตามมาก็อาจไม่เป็นไปตามที่เราคิด

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับงู 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นโชคลาภหรือโอกาสดีอาจกลับกลายเป็นความโชคร้ายได้อย่างไม่คาดฝัน การตัดสินใจที่เร่งรีบและการเชื่อมั่นในความโชคดีโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ อาจนำพาเราไปสู่สถานการณ์ที่อันตรายและยากจะถอยกลับ การประมาทและความมั่นใจเกินไปอาจทำให้เราพลาดเห็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้น จงใช้สติปัญญาและความระมัดระวังในการตัดสินใจ เพราะบางครั้งสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นโอกาสอันดี อาจไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องอีกากับงู (อังกฤษ: The Crow and the Snake) เป็นนิทานอีสป ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 128 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) ในสมัยโบราณนิทานเรื่องนี้มีอยู่ในแหล่งที่มาของกรีกเท่านั้นและเกี่ยวกับอีกาที่กำลังหาอาหาร และพบว่างูกำลังนอนหลับอยู่ใต้แสงแดด แต่เมื่ออีกาจับมัน งูก็ฆ่ามันด้วยพิษ คติสอนใจของเรื่องนี้คือโชคลาภอาจไม่เป็นอย่างที่คิ

และนิทานยังสื่อถึงความรู้สึกเสียใจและตระหนักถึงผลที่ไม่คาดคิดจากการตัดสินใจของอีกา ประโยคนี้สะท้อนถึงการหลงเชื่อใน “โชคดี” โดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งกลับกลายเป็นความโชคร้ายและเป็นสาเหตุให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้าย

ประโยคนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิต บางครั้งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นโอกาสดีหรือความโชคดี อาจแฝงด้วยอันตรายที่มองไม่เห็น ความมั่นใจมากเกินไปโดยไม่ใช้สติพิจารณา อาจทำให้เราต้องพบกับความสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขได้

นิทานเรื่องนี้สามารถนำมาเปรียบเทียบกับผู้ที่ค้นพบทรัพย์สมบัติ ที่สุดท้ายกลับทำให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องอีกากับแกะ

ในชีวิตเรามักจะพบกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกทางเดินหลายทาง บางครั้งการตัดสินใจอาจไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราคิด บางคนเลือกที่จะยอมทำตามผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย หรือบางครั้งเราอาจเห็นคนที่ใช้ความฉลาดในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจตามมา

แต่ว่าทุกการกระทำล้วนมีผลที่ต้องรับในท้ายที่สุด… มาดูกันว่าในนิทานเรื่องนี้ ตัวละครทั้งสองจะทำเช่นไรเมื่อเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่สำคัญ กับนิอีสปเรื่องอีกากับแกะ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับแกะ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องอีกากับแกะ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว วันหนึ่งในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ แกะตัวหนึ่งกำลังกินหญ้าผลิตผลของธรรมชาติอย่างสงบสุข อากาศเย็นสบายและมีท้องฟ้าสีครามทอดยาวไปสุดขอบฟ้า ขณะที่มันกำลังก้มลงหากินอยู่นั้น ก็มีเสียงของปีกนกดังขึ้นมา

ฟึ่บ! ฟึ่บ! มันหันไปมองและเห็นอีกาตัวหนึ่งบินมาหยุดเกาะอยู่บนหลังของมัน

แกะรู้สึกงง ๆ ว่าทำไมอีกาถึงเลือกมาเกาะบนหลังของมัน แกะจึงถามไปอย่างสุภาพว่า “ทำไมเจ้าถึงเกาะอยู่บนหลังของข้า? ข้าไม่ใช่ที่พักของเจ้า”

อีกาหัวเราะอย่างร่าเริงและพูดว่า “ข้าหาอยู่บนหลังของเจ้าเพราะเจ้าดูสงบสุขและไม่มีภัยอะไร ข้าได้เห็นเจ้าเดินไปตามทุ่งหญ้านี้หลายครั้งแล้ว เจ้าคงเป็นผู้ที่ไม่มีศัตรู”

แกะยิ้มและพูดด้วยความภูมิใจ “ข้าคงไม่มีศัตรูหรอก ข้าก็แค่เป็นแกะตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในทุ่งนี้ ถ้าไม่มีสุนัขหรือสัตว์อื่น ๆ ข้าก็คงได้อยู่อย่างสงบ”

อีกาเริ่มรู้สึกว่ามันอาจจะได้ประโยชน์จากการอยู่ใกล้แกะมากขึ้น มันเริ่มพูดเยาะเย้ย “เห็นไหม? เจ้าก็แค่มีชีวิตง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องกลัวอะไร ข้าเองมีชีวิตที่แตกต่างออกไป ข้าต้องหาอาหารและอยู่รอดด้วยการเอาตัวรอดจากสัตว์ที่ใหญ่กว่า”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับแกะ 2

แกะมองอีกาอย่างสงสัย “เจ้าหมายความว่าอะไร? ข้าคิดว่าเจ้าก็เป็นนกอิสระที่บินไปไหนก็ได้”

อีกาเกาะบนหลังของแกะและตอบกลับด้วยเสียงที่เยาะเย้ย “ข้าเป็นนกอิสระจริง แต่ข้ารู้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยผู้ที่แข็งแกร่ง และข้าก็ต้องรู้วิธีการที่จะอยู่กับพวกเขา บางครั้ง ข้าก็ต้องยอมจำนนและประจบผู้ที่มีอำนาจ เพราะมันทำให้ข้ารอดพ้นจากอันตราย ข้าไม่เห็นอะไรผิดในวิธีการนี้”

แกะทำท่าคิดและมองอีกา ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงบ “เจ้ากำลังกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลย หากเจ้าปฏิบัติกับสุนัขเช่นนี้ เจ้าคงได้รับผลกรรมจากเขี้ยวแหลมคมของมัน”

อีกาหัวเราะเยาะเย้ยและพูดว่า “ข้าไม่สนใจหรอกหากเจ้าจะไม่เข้าใจ เพราะข้ารู้ดีว่าใครคือผู้ที่ข้าควรประจบ และใครคือผู้ที่ข้าควรหลีกเลี่ยง ข้ารู้ว่าใครที่ข้าสามารถรังแกได้ และข้าก็รู้ดีว่าใครที่ทำให้ข้าอยู่รอดต่อไปได้”

แกะถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “แต่การประจบสอพลอไม่ใช่ทางที่ดีเลยนะ การทำเช่นนั้นอาจทำให้เจ้าต้องเสียน้ำใจในอนาคต”

อีกาไม่สนใจคำพูดของแกะ มันยังคงพูดต่อไป “อายุข้าก็ยืนยาวด้วยวิธีนี้ ข้าไม่กลัวที่จะประจบสอพลอใคร และข้ารู้ว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้ข้าได้อยู่ในที่ปลอดภัย”

แกะมองอีกาและตอบด้วยความสงบว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจในวันหนึ่งว่า ความซื่อสัตย์และการยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ยั่งยืนและทำให้ชีวิตเรามีค่า”

เมื่อคำพูดของแกะจบลง อีกาก็ไม่มีคำตอบมันแค่เกาะนิ่ง ๆ แล้วบินจากไป

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับแกะ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องและการมีความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่ยั่งยืนและมั่นคงมากกว่าการเลือกยอมจำนนหรือการประจบสอพลอผู้ที่มีอำนาจ แม้ว่าการประจบอาจทำให้เราหลบหลีกจากอันตรายชั่วคราว แต่ในระยะยาว การกระทำที่ขาดความซื่อสัตย์หรือไม่ยึดมั่นในความถูกต้องอาจทำให้เราสูญเสียความเคารพจากผู้อื่น และในที่สุดก็อาจไม่ได้รับการสนับสนุนเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ

การเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือเมื่อต้องเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่ง ก็จะทำให้เรามีชีวิตที่มีคุณค่าและได้รับความเคารพจากผู้อื่นมากกว่าในระยะยาว

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องอีกากับแกะ (อังกฤษ: The Crow and the Sheep)เป็นนิทานอีสปโบราณเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 553 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) มีเพียงฉบับภาษาละตินเท่านั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่

โดยมีเนื้อเรื่องว่า แกะตัวหนึ่งตำหนิอีกาที่เกาะบนหลังของมันว่า “ถ้าเจ้าปฏิบัติกับสุนัขอย่างนี้ เจ้าคงจะต้องได้รับผลกรรมจากเขี้ยวอันแหลมคมของมัน” นกตอบกลับว่า “ข้าดูถูกผู้ที่อ่อนแอและยอมจำนนต่อผู้ที่แข็งแกร่ง ข้ารู้ว่าข้าสามารถรังแกใครและต้องประจบสอพลอใคร และด้วยวิธีนี้ ข้าจึงสามารถยืดอายุของข้าให้ยืนยาวได้ นั่นคือเหตุผลที่ข้ามีอายุยืนยาวเป็นพันปี” อีกากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องอีกากับเหยือกน้ำ

ในโลกแห่งนิทานที่เต็มไปด้วยบทเรียนชีวิต สัตว์ต่าง ๆ มักถูกใช้เป็นตัวละครในการสื่อสารข้อคิดที่ลึกซึ้งและท้าทายให้เราคิดตาม นิทานเหล่านี้ไม่ได้เพียงแต่ให้ความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังช่วยฝึกฝนจิตใจและเสริมสร้างคุณธรรมต่าง ๆ ให้กับผู้ฟัง

นิทานเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนิทานที่สอนให้เรารู้จักการใช้ความคิดสร้างสรรค์และความพยายามในการเผชิญหน้ากับปัญหาที่ยากลำบาก กับนิทานอีสปเรื่องอีกากับเหยือกน้ำ จะมีบทเรียนอะไรที่เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้บ้าง

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับเหยือกน้ำ

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องอีกากับเหยือกน้ำ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในวันหนึ่งที่แดดร้อนระอุและท้องฟ้าไม่มีเมฆ ข้าบินมาจากที่ไกลเพื่อหาน้ำดื่มในป่าที่แห้งแล้งแห่งนี้ สายลมร้อนพัดมาอย่างต่อเนื่อง ข้ารู้สึกกระหายน้ำอย่างมาก

ข้าเริ่มบินไปทั่วเพื่อหาน้ำ แต่ทุกที่ที่ข้าไป กลับไม่พบแหล่งน้ำเลย จนกระทั่งข้าได้มองเห็นเหยือกน้ำใบหนึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ข้ารู้สึกดีใจและรีบบินไปหาเหยือกนั้น

“เหยือกน้ำ!” ข้าบอกตัวเอง “ในที่สุดข้าก็เจอน้ำ!”

เมื่อข้ามาถึงเหยือกน้ำ ข้าก็รู้สึกดีใจ แต่เมื่อข้าพยายามเอาหัวลงไปดื่ม น้ำในเหยือกกลับไม่ถึงปากของข้า เนื่องจากปากของเหยือกแคบและน้ำในนั้นยังอยู่ต่ำมาก

ข้าพยายามใช้ปากจิ้มเข้าไปในเหยือก แต่มันไม่สามารถดื่มน้ำได้เลย น้ำยังอยู่ต่ำกว่าปากของข้ามาก

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับเหยือกน้ำ 2

“จะทำยังไงดีล่ะ?” ข้าพูดในใจ “ข้าหิวน้ำมาก แต่ไม่สามารถเอามันออกมาได้”

ข้าเริ่มมองไปรอบ ๆ จนกระทั่งข้าเห็นก้อนกรวดเล็ก ๆ บนพื้น ข้าเริ่มคิดได้ว่า “ถ้าข้าสามารถทำให้น้ำในเหยือกสูงขึ้น ข้าอาจจะช่วยให้ดื่มได้”

ข้าเริ่มหยิบก้อนกรวดหนึ่งแล้วหย่อนลงไปในเหยือกทีละก้อน ก้อนกรวดตกลงไปในน้ำเสียงดัง “พลุบ!” และน้ำในเหยือกก็เริ่มสูงขึ้น

ข้าไม่หยุดเพียงแค่ก้อนเดียว ข้ายังคงหยิบก้อนกรวดต่อไป และโยนลงไปในเหยือกเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำในเหยือกสูงขึ้นมาเพียงพอสำหรับการดื่ม

เมื่อข้าพอใจว่าน้ำสูงพอ ข้าก็เอาปากลงไปดื่มน้ำจนหมดสิ้น

“เยี่ยมไปเลย! สุดท้ายข้าก็สามารถดื่มน้ำได้!” ข้าตื่นเต้นและดีใจ

ข้าได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์นี้ นั่นคือการใช้ความคิดสร้างสรรค์และความพยายาม เมื่อเผชิญกับปัญหาที่ดูเหมือนจะยากเกินไป ข้าไม่ยอมแพ้ แต่พยายามคิดหาวิธีที่เหมาะสมและค่อย ๆ แก้ปัญหาทีละขั้นตอน

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องอีกากับเหยือกน้ำ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การใช้ความคิดสร้างสรรค์และความพยายามสามารถช่วยแก้ปัญหาที่ดูเหมือนจะยากเกินไปได้ แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะไม่มีทางออก ข้าก็ไม่ยอมแพ้และหาทางใหม่ในการแก้ปัญหา โดยใช้ความคิดและการกระทำที่เป็นขั้นตอน เพื่อให้สามารถบรรลุผลที่ต้องการได้ในที่สุด

นอกจากนี้ยังสอนให้รู้ว่าไม่ควรท้อถอยเมื่อเผชิญกับอุปสรรค แต่ควรใช้ความพยายามและความคิดในการหาทางออกที่เหมาะสมแม้ในสถานการณ์ที่ท้าทายหรือยากลำบาก

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องอีกากับเหยือกน้ำ (อังกฤษ: The Crow and the Pitcher) เป็นนิทานโบราณที่ยอดนิยมและเป็นที่รู้จักจนถึงปัจจุบัน ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 390 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้กล่าวถึงการสังเกตพฤติกรรมของกาในอดีต ซึ่งการศึกษาทางวิทยาศาสตร์

นิทานเรื่องนี้เป็นหัวข้อของบทกวีของ Bianor กวีชาวกรีกในคริสต์ศตวรรษที่ 1 CE และรวมอยู่ในนิทานของ Pseudo-Dositheus ในศตวรรษที่ 2 และต่อมาปรากฏอยู่ในนิทานภาษาละตินของ Avianus ในศตวรรษที่ 4–5

นิทานเรื่องนิแสดงให้เห็นถึงการใช้สติปัญญาย่อมเหนือกว่ากำลัง เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้อีกาสามารถทำภารกิจของมันสำเร็จลุล่วง

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องไก่ สุนัขและจิ้งจอก

ในป่าลึกที่เต็มไปด้วยอันตราย มีเพื่อนสองตัวที่อยู่เคียงข้างกันเสมอ ไก่ผู้ร่าเริงและสุนัขผู้ซื่อสัตย์ สองเพื่อนรักใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและคอยดูแลกันในยามทุกข์และสุข ทว่า ในเงามืดของป่าแห่งนี้ ยังมีจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่เฝ้ารอโอกาสใช้คำพูดหวานล่อหลอกเหยื่อผู้ไร้เดียงสา

แต่ครั้งนี้ จิ้งจอกจะประสบความสำเร็จหรือไม่ และเพื่อนแท้จะปกป้องกันได้อย่างไร? เรื่องราวของสองเพื่อนไก่กับสุนัขและจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จะเป็นอย่างไร ติดตามเรื่องราวต่อไปในนิทานอีสปเรื่องไก่ สุนัข และจิ้งจอก

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ สุนัขและจิ้งจอก

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องไก่ สุนัขและจิ้งจอก

ณ ชายป่าที่สงบเงียบ ไก่ตัวหนึ่งกำลังคุ้ยเขี่ยดินหาของกิน มันใช้ชีวิตเรียบง่าย และสนุกกับการออกหากินในตอนเช้า โดยมีเพื่อนที่ซื่อสัตย์อย่างสุนัขคอยอยู่เคียงข้าง สุนัขตัวนี้ดูแลไก่มานาน คอยปกป้องมันจากอันตรายทั้งหลาย ด้วยความระมัดระวังและความจงรักภักดีของสุนัข ไก่รู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่ออยู่กับเพื่อนรักของมัน

วันหนึ่ง ขณะที่ไก่กำลังคุ้ยเขี่ยดินอยู่อย่างเพลิน ๆ จู่ ๆ ก็มีจิ้งจอกเจ้าเล่ห์โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ มันยิ้มแย้มและเข้ามาใกล้ไก่อย่างรวดเร็ว

“สวัสดี เพื่อนที่น่ารัก” จิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “วันนี้อากาศดีมากเลยนะ มานั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงนั้นสักหน่อยดีไหม?”

ไก่ตกใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของจิ้งจอก แต่มันก็รู้สึกหลงเชื่อเล็กน้อยเพราะคำพูดของจิ้งจอกที่ดูอ่อนโยน

“ขะ-ขอบคุณ แต่ข้าไม่คิดว่าจะนั่งพักตรงนี้…” ไก่พูดอย่างลังเล

สุนัขที่ยืนเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ รู้สึกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกและสังเกตเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของมัน สุนัขจึงรีบพูดขึ้นเพื่อเตือนสติไก่ “ระวังนะเพื่อน! จิ้งจอกตัวนี้น่าจะมีแผนร้ายอยู่ อย่าไปเชื่อคำพูดของมันเด็ดขาด!”

แต่จิ้งจอกยังไม่ลดละ มันพยายามหว่านล้อมไก่ต่อไป “โอ้ สุนัขนี่ขี้ระแวงจริง ๆ ข้าแค่ต้องการเพื่อนคุยเท่านั้นเอง ไก่ มานั่งใกล้ ๆ ข้าเถอะ ข้าสัญญา ว่าจะไม่ทำอะไร”

ไก่เริ่มลังเลอีกครั้ง มันก้าวเข้าไปใกล้จิ้งจอก แต่ทันใดนั้น สุนัขก็เห็นจิ้งจอกเริ่มขยับตัวเข้าหาไก่อย่างเงียบเชียบ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ สุนัขและจิ้งจอก 2

“ระวังนะ เพื่อน! มันกำลังจะเล่นงานเจ้า!” สุนัขตะโกนก่อนพุ่งเข้าใส่จิ้งจอกด้วยความเร็ว

จิ้งจอกหันขวับไปเมื่อเห็นสุนัขกระโจนใส่ มันคำรามอย่างไม่พอใจ “คิดจะขัดขวางข้าหรือ เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าฉลาดกว่าเจ้า?”

สุนัขไม่สนใจคำพูดของจิ้งจอก มันคำรามตอบ “ข้ารู้เพียงแค่ว่า ข้าจะปกป้องเพื่อนข้าไม่ว่าเจ้าจะมีแผนอะไร!”

ทั้งสองพุ่งเข้าหากัน การต่อสู้ดุเดือดเริ่มขึ้น จิ้งจอกกระโดดหลบไปมาด้วยความรวดเร็ว มันพยายามใช้ความว่องไวหลอกล่อสุนัข แต่สุนัขก็แข็งแรงและไม่ยอมให้จิ้งจอกเข้าใกล้ไก่แม้แต่น้อย

จิ้งจอกกระโจนเข้าใส่สุนัข หวังจะใช้ฟันแหลมคมเล่นงานมัน แต่สุนัขก็หลบและกัดเข้าที่ขาของจิ้งจอกอย่างแม่นยำ จิ้งจอกสะบัดตัวและคำรามด้วยความเจ็บปวด มันรู้ว่าคงสู้กับสุนัขต่อไปไม่ไหว

ในที่สุด จิ้งจอกก็ตัดสินใจถอยหนี มันจ้องมองไก่ด้วยสายตาแค้นใจและพูดอย่างเย้ยหยัน “วันนี้เจ้ารอดไปได้ แต่ข้าจะกลับมาใหม่ในวันหน้าที่เจ้าขาดเพื่อนคอยปกป้อง!”

สุนัขคำรามใส่จิ้งจอกเป็นครั้งสุดท้าย “อย่าแม้แต่จะคิดกลับมาอีก เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์!”

เมื่อจิ้งจอกจากไป ไก่หันไปหาสุนัขด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณมากนะเพื่อนรัก ถ้าไม่มีเจ้า ข้าคงตกเป็นเหยื่อของจิ้งจอกไปแล้วจริง ๆ”

สุนัขยิ้มและตอบอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพื่อนกันต้องคอยดูแลกันเสมออยู่แล้ว”

จากนั้น ไก่และสุนัขก็เดินกลับไปยังที่ปลอดภัย พร้อมกับความเข้าใจที่ชัดเจนว่า การมีเพื่อนที่ดีคอยปกป้องและเตือนสตินั้นล้ำค่าเพียงใด

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ สุนัขและจิ้งจอก 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราควรระมัดระวังคนที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรจากภายนอก และไม่ควรหลงเชื่อคำหวานหรือคำชักชวนที่อาจซ่อนแผนร้ายอยู่เบื้องหลัง การมีเพื่อนที่ดีคอยเตือนและให้คำแนะนำที่จริงใจ จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงอันตรายได้ในเวลาที่จำเป็น

การระมัดระวังและใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะมีคำพูดหวาน ๆ หรือการชักชวนจากเพื่อนที่ดูเหมือนดี แต่เราไม่ควรหลงเชื่อจนเกินไปโดยไม่พิจารณาถึงความปลอดภัยของตัวเอง และในขณะเดียวกัน มิตรภาพที่แท้จริงจะเห็นได้จากการที่เพื่อนคอยปกป้องและช่วยเหลือเราในยามที่ต้องเผชิญกับอันตราย แม้จะมีข้อผิดพลาดหรือความเข้าใจผิดเกิดขึ้น

การมีเพื่อนที่ดีคอยปกป้องและเตือนสติเป็นสิ่งล้ำค่า ในยามที่เราถูกล่อลวงหรือเผชิญอันตราย การมีคนที่ห่วงใยและพร้อมจะช่วยเหลือสามารถช่วยให้เรารอดพ้นจากภัยได้ นอกจากนี้ นิทานยังเตือนให้เราระวังคำพูดที่ดูน่าฟังจากคนแปลกหน้า เพราะบางครั้ง คำพูดที่อ่อนหวานอาจซ่อนเจตนาร้ายไว้อย่างที่เราคาดไม่ถึง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องไก่ สุนัขและจิ้งจอก (อังกฤษ: The Cock, the Dog and the Fox)เป็นหนึ่งในนิทานของอีสป นิทานเรื่องนี้ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 252 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) แม้ว่านิทานนี้จะมีความคล้ายคลึงกับนิทานเรื่องอื่น ๆ ที่สัตว์นักล่าพยายามใช้คำเยินยอเพื่อหลอกล่อเหยื่อ เช่น “สุนัขจิ้งจอกกับอีกา” และ “แชนติเคลียร์ (ชื่อที่เรียกไก่โดยเฉพาะนเทพนิยาย) กับสุนัขจิ้งจอก” แต่ในเรื่องนี้ไก่กลับกลายเป็นผู้ชนะ ไม่ใช่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ นอกจากนี้ ยังมีนิทานในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันในเรื่องเล่าของทางฝั่งตะวันออกอีกด้วย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มนุษย์ก็เป็นเช่นเดียวกัน หากเจ้าฉลาด เจ้าจะหาหนทางป้องกันตนเองทุกครั้งเมื่อเผชิญกับปัญหา

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com

นิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

ณ ฟาร์มแห่งหนึ่งที่มีทั้งพืชพันธุ์และสัตว์น้อยใหญ่ ไก่ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ท่ามกลางเหล่าฝูงเพื่อนและมักใช้เวลาทั้งวันคุ้ยเขี่ยดินเพื่อหาอาหารตามประสา ชีวิตของมันเรียบง่ายและเต็มไปด้วยความสุขจากการได้พบเมล็ดข้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งช่วยให้มันอิ่มท้อง

แต่วันหนึ่ง ในขณะที่ไก่กำลังคุ้ยเขี่ยดินตามปกติ มันกลับพบกับบางสิ่งที่เปล่งประกายระยิบระยับ แปลกตาไปจากสิ่งที่มันเคยพบเจอ ชีวิตของมันซึ่งเรียบง่ายมาตลอดกำลังจะได้พบกับสิ่งที่ล้ำค่ามากสำหรับใครหลายคน แต่จะมีความหมายอย่างไรสำหรับไก่ตัวนี้? เรื่องราวของการค้นหาความพอเพียงและการเห็นคุณค่าที่แท้จริงจะถูกถ่ายทอดในนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็ก ๆ มีไก่ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่ฟาร์ม มันใช้ชีวิตเรียบง่ายโดยใช้เวลาทั้งวันคุ้ยเขี่ยดินเพื่อหาอาหาร ขณะที่มันกำลังคุ้ยดินอยู่นั้น ไก่คิดในใจว่า

“หากเจอเมล็ดข้าวหรือแมลงตัวอ้วน ๆ สักหน่อยก็คงจะดี ข้าจะได้อิ่มท้องสักที”

มันจึงคุ้ยเขี่ยอย่างขยันขันแข็ง มองหาของกินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง จู่ ๆ ขามันก็สัมผัสกับบางสิ่งที่แปลกออกไป ไม่ใช่เมล็ดข้าวหรือเศษอาหารตามปกติ ไก่หยุดคุ้ยและจ้องมองลงไป เห็นบางสิ่งแวววาวที่เปล่งประกายใต้แสงอาทิตย์ มันประหลาดใจและก้มดูใกล้ ๆ

“นี่อะไรน่ะ?” ไก่เอียงคอพร้อมจ้องดูสิ่งนั้นอย่างสงสัย

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย 2

เมื่อจ้องมองอยู่นาน ไก่ก็พบว่ามันคืออัญมณีเม็ดงามที่ฝังอยู่ในดิน เป็นพลอยที่มีประกายระยิบระยับ แสงสะท้อนทำให้มันดูงดงามมาก ไก่ถอนหายใจเบา ๆ และพูดกับตัวเองว่า

“โอ้โห เจ้าพลอยเม็ดงาม เจ้าช่างสวยงามจริง ๆ” มันครุ่นคิดสักพักแล้วพูดต่อ “ข้าแน่ใจว่าคนอื่น ๆ คงอยากได้เจ้าเป็นเจ้าของ เพราะเจ้าน่ะล้ำค่ามาก”

ไก่จ้องมองพลอยอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย “แต่สำหรับข้า เจ้ากลับไม่มีค่าพอ”

มันเอาขาเขี่ยอัญมณีออกและบ่นพึมพำกับตัวเอง “ข้าแค่ต้องการเมล็ดข้าวหรือแมลงอ้วน ๆ เท่านั้น เจ้าพลอยเม็ดนี้งดงามก็จริง แต่เจ้าทำให้ข้าอิ่มท้องไม่ได้เลย”

ไก่เดินคุ้ยเขี่ยต่อไป ทิ้งพลอยล้ำค่าที่แวววาวไว้เบื้องหลัง มันยังคงมองหาเมล็ดข้าวเล็ก ๆ หรือแมลงที่มันต้องการ

“หากเป็นชาวบ้านหรือพ่อค้า เขาคงดีใจมากที่ได้เจ้า” ไก่บ่นพึมพำต่อพลอยเม็ดงาม “แต่สำหรับข้า เจ้าก็เป็นแค่ก้อนหินที่ไม่มีประโยชน์เท่านั้น”

จากนั้น ไก่ก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย มันพอใจกับชีวิตเรียบง่าย และเข้าใจดีว่ามีบางสิ่งที่อาจมีค่าในสายตาคนอื่น แต่ในสายตามัน สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ช่วยเติมเต็มความต้องการของมันได้เลย

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สิ่งที่มีค่าอาจแตกต่างกันไปในสายตาของแต่ละคน สิ่งที่ดูมีมูลค่ามหาศาลสำหรับบางคน อาจไร้ความหมายสำหรับคนอื่น เพราะแต่ละคนมีความต้องการและคุณค่าที่ต่างกัน ความพอใจในสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองเป็นสิ่งสำคัญ อย่าให้สิ่งล้ำค่าของผู้อื่นทำให้เราหลงลืมสิ่งที่แท้จริงที่เราต้องการ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องไก่ได้พลอย (อังกฤษ: The Cock and the Jewel) เป็นหนึ่งในนิทานอีสป ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 503 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) และมีที่มาจากวรรณกรรมโบราณหลายแหล่งในกรีกและโรมัน นิทานเล่าเรื่องราวของไก่ตัวหนึ่งที่คุ้ยเขี่ยดินเพื่อหาอาหาร แต่บังเอิญพบกับอัญมณีล้ำค่า มันจ้องมองอัญมณีนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดว่า แม้สิ่งนี้จะมีค่าสำหรับคนอื่น ๆ แต่สำหรับมันกลับไม่มีประโยชน์ เพราะมันเพียงต้องการเมล็ดข้าวที่ทำให้อิ่มท้องเท่านั้น ไก่จึงเลือกเขี่ยอัญมณีทิ้งและเดินหน้าหาอาหารต่อไป

นิทานนี้มักถูกตีความถึงแนวคิดที่ว่าคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ครอบครอง แม้ว่าอัญมณีจะมีมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจและเป็นที่ต้องการของผู้คน แต่สำหรับไก่ซึ่งมีความต้องการพื้นฐานเพียงเพื่อความอยู่รอด สิ่งที่ดูมีค่าในสายตาผู้อื่นกลับไม่มีความหมาย นิทานนี้เตือนให้เราระลึกว่า ความพอใจและคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับบริบทและความจำเป็นของแต่ละคน

นี่คือนิทานที่ข้าเล่าให้ฟัง สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักเห็นคุณค่าของข้า กล่าวโดยผู้แต่ง

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com