ปกนิทานชาดกเรื่องหัวใจของโสมะ

นิทานชาดกเรื่องหัวใจของโสมะ

ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความทะเยอทะยาน มีบางคนที่เลือกจะยืนอยู่เงียบๆ กับความดี โดยไม่หวั่นไหวแม้ถูกร้องขอในสิ่งที่ไม่มีใครควรเรียกร้อง

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ที่เล่าถึงหัวใจดวงหนึ่ง… หัวใจที่ไม่ใช่ของผู้ใด แต่เป็นของผู้ที่เข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง กับนิทานชาดกเรื่องหัวใจของโสมะ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องหัวใจของโสมะ

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องหัวใจของโสมะ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในอาณาจักรของพระราชานามว่าวิกรม ทรงปรีชาสามารถ และมีเพื่อนสนิทสามคนคือนันทะ, โภช และธนุ พวกเขามักปรึกษาหารือกันเรื่องบ้านเมือง เรื่องศีลธรรม หรือแม้แต่เรื่องที่ดูเหมือนไร้สาระ ก็ยังเต็มไปด้วยความคิดลึกซึ้ง

วันหนึ่ง ทั้งสามนั่งถกเถียงกันเรื่องหน้าที่ของผู้ปกครอง ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด บางคนว่าคือความยุติธรรม บางคนว่าเป็นความกล้าหาญ ขณะที่อีกคนยืนยันว่าเมตตาคือคุณสมบัติสูงสุดของผู้นำ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอย่างไร กลับไม่มีใครยอมรับความเห็นของกันและกัน

พระราชาวิกรมฟังอยู่เงียบๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เราควรฟังเสียงของโสมะ” เสนาบดีผู้ซื่อสัตย์และมีปัญญายิ่งกว่าผู้ใดในแคว้น

โสมะนั่งนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเบา ๆ “หากผู้ปกครองมีแต่ความกล้าโดยไม่มีเมตตา ก็ย่อมกลายเป็นผู้กดขี่ หากมีเมตตาโดยไร้สติ ก็อาจกลายเป็นผู้อ่อนแอ หากมีความยุติธรรมแต่ไร้ความเข้าใจ ก็ไม่มีใครศรัทธา… จึงต้องมีครบทั้งสาม”

ทันใดนั้น ทั้งนันทะ, โภช และ ธนุ ก็ถึงกับนิ่งงัน พวกเขาหัวเราะเบา ๆ และต่างยอมรับว่า โสมะมองได้ลึกกว่าที่ใครคิด

หลังจากเหตุการณ์นั้น ชื่อของโสมะก็ถูกพูดถึงมากขึ้นในราชสำนัก และข่าวก็ไปถึงหูของพระราชานันทะ แห่งอาณาจักรใกล้เคียง

วันหนึ่ง พระราชานันทะนั่งสนทนากับพระมเหสี และได้กล่าวถึงโสมะ “เป็นบุรุษที่ปัญญาเฉียบคมกว่าผู้ใดที่ข้าเคยพบ”

มเหสีผู้ทะนงและหลงใหลในสิ่งพิเศษถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง “ถ้าเขาช่างวิเศษถึงเพียงนั้น… ข้าอยากได้หัวใจของเขาไว้ครอบครอง”

คำพูดนั้นไม่ได้หลุดลอยไปในอากาศ เพราะเจ้าชายธรวะ บุตรแห่งแคว้นหนึ่งซึ่งหลงรักพระธิดาของนันทะ ก็ได้ยินเข้า และเมื่อเขาทูลขอพระธิดาจากพระราชานันทะ ก็ได้รับคำตอบกลับว่า

“หากเจ้าต้องการนาง… จงนำหัวใจของโสมะมาให้เรา”

แม้หัวใจจะเจ็บ แต่ธรวะยอมรับเงื่อนไขโดยไม่ลังเล เขามุ่งหน้าไปยังอาณาจักรของราชาวิกรม และทูลขอเข้าเฝ้าเพื่อท้าเล่นเกมสกา

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องหัวใจของโสมะ 2

พระราชาวิกรมรับคำท้าของเจ้าชายธรวะด้วยรอยยิ้มบาง “ถ้าเจ้าอยากประลองกับเรา ก็เชิญ”

เกมสกาเริ่มขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของท้องพระโรง ทุกการเคลื่อนไหวบนกระดานเหมือนจังหวะของการหายใจระหว่างสองกษัตริย์ คม และรัดกุม แต่เมื่อการเล่นดำเนินไปเรื่อย ๆ พระราชาวิกรมกลับเริ่มเสียเปรียบ และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ในตาเฉียบขาด

“เจ้าชนะแล้ว” พระองค์ตรัสอย่างหนักแน่น “ขอเพียงอย่าขอในสิ่งที่เกินธรรม”

แต่ธรวะกลับกล่าวอย่างแน่วแน่ “ข้าขอเพียงสิ่งเดียว… โสมะผู้เป็นเสนาบดีของพระองค์”

ผู้คนในราชสำนักอึ้งงัน โสมะนั่งนิ่ง ไม่มีแม้แววตาสั่นไหว พระราชาวิกรมถึงกับหลับตาแน่น ก่อนจะลุกขึ้นและตรัสว่า “สัญญาคือสัญญา โสมะเป็นของเจ้า”

จากเสนาบดีผู้เปี่ยมด้วยเกียรติ โสมะกลายเป็น “ของรางวัล” ในพริบตา แต่เขายังคงสงบเยี่ยงเดิม ราวกับรู้ดีว่าสิ่งนี้จะพาเขาไปสู่บทเรียนที่ลึกยิ่งกว่าเดิม

เมื่อโสมะถูกนำตัวมายังราชสำนักของราชานันทะ เขาถูกล่ามด้วยโซ่ทองคำ และเตรียมถูกส่งมอบให้พระมเหสี

เจ้าชายธรวะไม่เต็มใจนัก แต่จำใจต้องทำตามสัญญา เขายืนต่อหน้าโสมะพร้อมดาบในมือ ใจเขาหนักจนแทบยกไม่ขึ้น

ทันใดนั้น ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ลมแรงหอบใบไม้ให้ปลิวว่อน แสงหนึ่งส่องลงมายังโสมะที่นั่งอยู่กับพื้น ราวกับโลกทั้งใบหยุดนิ่ง

เสียงอ่อนโยนแต่ทรงพลังเอื้อนเอ่ยจากที่ไม่มีใครเห็น “ผู้ที่หัวใจเปี่ยมด้วยธรรม… ไม่มีใครมีสิทธิ์พรากไปได้ แม้แต่เทพยังคุ้มครอง”

เจ้าชายธรวะถึงกับทรุดลง ดาบร่วงจากมือ สีหน้าเปลี่ยนจากเย่อหยิ่งเป็นสำนึก เขาหันไปมองโสมะแล้วพูดเบาๆ “ท่านเป็นผู้ที่ข้าควรกราบ มิใช่เป็นเจ้าของ”

เขาปลดโซ่ด้วยมือตัวเอง แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าโสมะ

ไม่นานนัก พระราชานันทะและพระมเหสีก็ออกมาขอโทษด้วยตนเอง ด้วยความละอายและสำนึก โสมะยิ้มบาง ๆ และกล่าวเพียงว่า

“ผู้ที่ให้อภัย ไม่ได้แพ้… แต่เขายิ่งใหญ่กว่าความโกรธ และเหนือกว่าความแค้น”

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องหัวใจของโสมะ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… หัวใจที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ในกำมือของผู้ใด แต่เป็นสิ่งที่อยู่กับผู้ที่รู้จักให้อภัยและไม่หวั่นไหวต่ออำนาจหรือความโลภ การมีปัญญาไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาได้ แต่คือการรักษาความดีไว้ แม้ในวันที่ไม่มีใครเห็นค่า

โสมะไม่ได้เอาชนะใครด้วยกำลังหรือคำพูด แต่ด้วยคุณธรรมที่มั่นคงในใจของตน จนแม้แต่ผู้ที่เคยคิดร้าย ก็ต้องยอมวางอาวุธและกลับใจด้วยศรัทธา

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องหัวใจของโสมะ (อังกฤษ: Soma’s Heart) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุษยชาดก คือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ โดยในเรื่องนี้ พระองค์ทรงเสวยชาติเป็นโสมะ เสนาบดีผู้เปี่ยมด้วยปัญญา ความสงบ และคุณธรรมอันมั่นคง

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งรู้สึกคับข้องใจว่าความดีและความซื่อสัตย์ของตนไม่เป็นที่ยอมรับ ถูกมองข้าม และแม้กระทั่งถูกผู้อื่นเอาเปรียบ พระองค์จึงตรัสเล่านิทานนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ความดีที่แท้ ย่อมคงอยู่ได้โดยไม่ต้องการคำสรรเสริญ และแม้โลกจะไม่เห็นค่า แต่สติและเมตตาจะนำทางให้ความดีปรากฏได้ในที่สุด

ชาดกเรื่องนี้จึงสอนให้เห็นว่า หัวใจที่เปี่ยมด้วยธรรม ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะช่วงชิงหรือบังคับได้ แต่คือของขวัญที่โลกตอบแทนให้ผู้ที่ยืนหยัดอยู่กับความถูกต้องอย่างแท้จริง

คติธรรม: “หัวใจของผู้มีธรรม ไม่มีใครพรากได้ เว้นแต่เขาจะยอมสละด้วยเมตตา”


by