ในโลกที่เต็มไปด้วยการแบ่งแยกสถานะและบทบาท ผู้คนมากมายมักเชื่อว่าเกียรติและอำนาจคือสิ่งที่ควรได้รับการยกย่องและตอบแทน ทว่าในสายตาของผู้ฝึกฝนจิตอย่างแท้จริง ไม่มีสิ่งใดสูงหรือต่ำไปกว่ากัน หากปราศจากสติและเมตตา
นิทานเซนเรื่องหนึ่งพาเราไปพบกับพระผู้เคร่งครัดในวินัยแห่งธรรมะ และเหล่าทหารที่คุ้นชินกับการได้รับการยกย่อง เมื่อเส้นทางของพวกเขามาบรรจบกัน ท่ามกลางความไม่เข้าใจในตอนแรก กลับปรากฏบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับศักดิ์ศรีที่แท้จริงของการเป็น “นักรบ” กับนิทานเซนเรื่องทหารแห่งมวลมนุษยชาติ

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องทหารแห่งมวลมนุษยชาติ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในช่วงเวลาหนึ่งที่กองทัพญี่ปุ่นกำลังซ้อมรบอย่างเข้มข้น บริเวณภูเขาในชนบทอันห่างไกล กองร้อยนายทหารกลุ่มหนึ่งจำเป็นต้องหาที่ตั้งกองบัญชาการชั่วคราว พวกเขาเดินทางมาถึงวัดเล็ก ๆ บนเขา ซึ่งเป็นที่พำนักของพระอาวุโสนามว่า “กาซัน โจเซกิ”
เมื่อเหล่านายทหารเดินเข้ามาในวัด บรรยากาศเงียบสงบและเรียบง่ายของสถานที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่คุ้นชิน แต่ด้วยเหตุจำเป็นทางการทหาร พวกเขาจึงแจ้งแก่พระในวัดว่า ต้องขอใช้พื้นที่บางส่วนของวัดเป็นกองบัญชาการ
พระกาซัน โจเซกิไม่ได้ปฏิเสธ เขาเพียงพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปบอกกับแม่ครัวในวัดว่า “จงเตรียมอาหารให้พวกทหารเช่นเดียวกับที่เราฉันกันอยู่ทุกวัน”
อาหารของวัดนั้นเรียบง่ายนัก มีเพียงข้าวสุก ถั่วต้ม และผักดอง ไม่มีเครื่องปรุง ไม่มีเนื้อ ไม่มีความหรูหราใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถึงเวลามื้อเย็น เหล่านายทหารที่คุ้นชินกับอาหารหลวงอันโอชะ กลับได้รับถาดอาหารไม้ใบเล็กที่บรรจุข้าวกับผักต้มอ่อน ๆ และน้ำชาร้อนหนึ่งถ้วย พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่พอใจ
นายทหารคนหนึ่งลุกขึ้นและเดินไปหาพระกาซันทันที “ท่านรู้หรือไม่ว่าเราคือใคร? เราคือทหารผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ ควรจะได้รับการดูแลมากกว่านี้!”
พระกาซันมองนายทหารผู้นั้นด้วยสายตาแน่วแน่ แต่เปี่ยมด้วยเมตตา “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเราคือใคร?” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง “เราก็คือทหารแห่งมวลมนุษยชาติ ผู้ฝึกฝนเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากความทุกข์”
บรรยากาศในห้องสงบลงทันที ไม่มีใครพูดอะไรอีก เสียงลมที่พัดผ่านหลังคาวัดกลายเป็นสิ่งเดียวที่ดังก้องอยู่ในใจของทุกคน

หลังคำพูดของพระกาซันจบลง นายทหารผู้นั้นยืนนิ่งอยู่นาน ใบหน้าแข็งกร้าวของเขาค่อย ๆ คลายลง แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แววตาเริ่มสั่นไหวคล้ายกับถูกบางสิ่งบางอย่างกระทบเข้าที่ใจกลางอย่างรุนแรง
เขาหันกลับไปยังกลุ่มเพื่อนทหารที่ยังคงนั่งเงียบอยู่รอบโรงฉัน หลายคนเริ่มก้มหน้าลงอย่างครุ่นคิด บางคนมองพระกาซันราวกับเพิ่งเห็นชายชราในจีวรเรียบ ๆ ผู้นี้เป็นครั้งแรก
มื้อนั้นไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย พวกเขากินข้าวเงียบ ๆ ด้วยความสงบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
เช้าวันต่อมา ทหารนายหนึ่งแอบลุกขึ้นก่อนฟ้าโพล้เพล้ และเดินไปช่วยแม่ครัวในครัวไม้เล็ก ๆ เขาหั่นผักเงียบ ๆ โดยไม่พูดสักคำ ก่อนจะมีเพื่อนทหารอีกสองสามคนตามมา
พระกาซันเดินผ่านครัว เขาเพียงหยุดมองพวกเขาสักครู่แล้วยิ้มบาง ๆ “ทหารของโลก ย่อมรู้จักสันติในใจตนก่อนที่จะสร้างสันติภายนอก”
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่พวกเขาพักอยู่ในวัดแห่งนั้น การซ้อมรบยังคงดำเนินไป แต่บรรยากาศในใจของนายทหารกลับเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีความหยิ่งผยอง ทุกคนเริ่มพูดเบาลง เดินช้าลง และรับรู้ถึงความงามของแสงแดดยามเช้า กลิ่นหอมของใบไม้ และเสียงนกที่เคยไม่ใส่ใจ
ก่อนจะออกเดินทางกลับ นายทหารคนหนึ่งมากล่าวกับพระกาซัน “ท่านอาจไม่ได้สวมชุดเกราะเช่นเรา แต่ท่านกลับทำให้เรารู้ว่าการเป็นทหาร ไม่ใช่แค่การรบ… แต่คือการปกป้อง”
พระกาซันพยักหน้าช้า ๆ “จงกลับไปเป็นทหารที่ไม่ลืมว่าศัตรูที่แท้จริง อยู่ในใจเราเอง”
เมื่อกองทหารออกจากวัด เสียงฝีเท้าบนดินกรวดนั้นไม่เร่งรีบหรือแข็งกระด้างอีกต่อไป
พวกเขากลับไปพร้อมความเข้าใจใหม่ ว่าบางครั้ง สนามรบที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ในแผนที่ แต่คือภายในตน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ที่เครื่องแบบหรือยศศักดิ์ แต่อยู่ที่ใจที่พร้อมจะลดอัตตาและเรียนรู้ความจริงของชีวิต การเป็น “ทหาร” ที่แท้ ไม่ได้หมายถึงผู้ถืออาวุธเท่านั้น แต่คือผู้ที่พร้อมจะเสียสละความแข็งกระด้างในใจ เพื่อปกป้องสิ่งที่เปราะบางที่สุด ความเมตตา ความสงบ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
พระกาซัน โจเซกิไม่ได้ใช้ธรรมะเพื่อยกตนเหนือผู้อื่น แต่ใช้ความเรียบง่ายและมั่นคงของใจ เป็นกระจกสะท้อนให้เหล่าทหารเห็นว่า “ศัตรูที่แท้จริง” อาจไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามในสนามรบ แต่คือความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนที่บดบังความสงบในใจตนเอง และเมื่อใดที่เราชนะมันได้ เมื่อนั้นแหละ… เราจึงเป็น “ทหารแห่งมนุษยชาติ” อย่างแท้จริง
อ่านต่อ: อ่านนิทานเซนสั้น ๆ สนุก ๆ ที่แฝงข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับชีวิตการปล่อยวางและความสงบ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องทหารแห่งมวลมนุษยชาติ (อังกฤษ: Soldiers of Humanity) เป็นเรื่องราวของพระเซนนามว่ากาซัน โจเซกิ (Gasan Jōseki) พระอาวุโสผู้มีบทบาทสำคัญในสายโซโตเซน (Sōtō Zen) แห่งญี่ปุ่นในยุคคามาคุระตอนปลาย และเป็นศิษย์เอกของโดเกน เซนจิ ผ่านทางเท็ตสูกะ ไคซัง
เรื่องราวนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือ “Zen Flesh, Zen Bones” โดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki ในหมวด 101 Zen Stories ซึ่งเป็นชุดเรื่องเล่าเซนที่มีอิทธิพลในโลกตะวันตก และช่วยเผยแพร่หลักคำสอนของเซนในรูปแบบเรียบง่าย ลึกซึ้ง
แนวคิดในเรื่องนี้สอดคล้องกับหัวใจของเซนที่เน้นการรู้ตน ลดอัตตา และฝึกจิตใจให้นิ่งแม้ในท่ามกลางโลกีย์ กะซังใช้เพียงถ้อยคำสั้น ๆ แต่กลับเปลี่ยนทัศนะของผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้ง สะท้อนถึงพลังของธรรมะที่ไม่ต้องมีบทเทศนาใหญ่โต แต่อยู่ในจิตที่มั่นคงต่อเมตตาและสันติ
คติธรรม: “ผู้มีอำนาจแท้ ย่อมไม่ยกตนเหนือผู้อื่น แต่ยกจิตตนให้อยู่เหนืออัตตา”