ปกนิทานเซนเรื่องถูกและผิด

นิทานเซนเรื่องถูกและผิด

ในเส้นทางของผู้แสวงหาธรรมะ คำว่า “ถูก” หรือ “ผิด” ไม่ได้ตัดสินกันเพียงด้วยกฎระเบียบ แต่ชี้วัดได้จากเจตนา เมตตา และโอกาสในการเปลี่ยนแปลง บางครั้งผู้ที่หลงทางที่สุด ก็อาจเป็นผู้ที่ใกล้การตื่นรู้ที่สุด หากได้รับการชี้นำด้วยความกรุณา

มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยอาจารย์ผู้ไม่ขับไล่ผู้ทำผิด แต่เลือกจะสอนเขาด้วยความเงียบงามของใจ กับนิทานเซนเรื่องถูกและผิด

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องถูกและผิด

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องถูกและผิด

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในช่วงเวลาหนึ่งของฤดูร้อน ณ วัดเซนเงียบ ๆ ริมเขา พระเซนชื่อดังนามว่าบังเค เต็มไปด้วยศิษย์จากทั่วญี่ปุ่นที่มาร่วมเข้าปฏิบัติธรรมในการเก็บตัวนั่งสมาธิประจำปี บรรยากาศภายในวัดนั้นสงบเรียบง่าย ทุกคนต่างทุ่มเทใจให้กับการฝึกฝน ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีสิ่งรบกวน ยกเว้นสิ่งหนึ่ง…

ของบางอย่างเริ่มหายไปจากกุฏิของศิษย์หลายคน ครั้งแรกไม่มีใครพูดอะไร แต่ไม่นานนัก ศิษย์คนหนึ่งถูกจับได้ขณะกำลังล้วงของของเพื่อน

เหล่าศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์จึงไปแจ้งบังเคทันที พร้อมเสนอให้ไล่เขาออกจากวัด

“ท่านอาจารย์ โปรดยกเว้นผู้ที่ไม่เคารพในวินัยออกไปเถิด” พวกเขากล่าวอย่างหนักแน่น

แต่บังเคเพียงนั่งฟังเงียบ ๆ และไม่ตอบอะไรเลย

ไม่กี่วันถัดมา ศิษย์คนเดิมถูกจับได้อีกครั้ง คราวนี้ขโมยของจากห้องครัว

บรรยากาศในวัดเริ่มตึงเครียด ศิษย์หลายคนรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาเห็นว่าบังเคยังคงไม่ทำอะไรเลย และเริ่มคิดว่าเขาอาจเมินเฉยต่อความไม่ยุติธรรม

ศิษย์จำนวนหนึ่งจึงรวมตัวกันเขียนคำร้อง โดยมีข้อความว่า หากบังเคยังไม่ลงโทษผู้กระทำผิด พวกเขาจะขอลาออกจากการปฏิบัติ และออกจากวัดพร้อมกันทั้งหมด

เมื่อบังเคอ่านจบ เขานั่งนิ่งครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเรียกศิษย์ทุกคนมารวมกันที่ศาลาธรรมในเช้าวันรุ่งขึ้น

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องถูกและผิด 2

ศิษย์หลายสิบคนมารวมตัวกันที่ศาลาธรรมในเช้าวันนั้น บางคนมีสีหน้าเคร่งเครียด บางคนดูผิดหวัง แต่ทุกคนรอฟังว่าบังเคจะตัดสินอย่างไร

บังเคนั่งสงบอยู่ด้านหน้า มองดูสีหน้าของศิษย์แต่ละคน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“พวกท่านเป็นพี่น้องที่ฉลาด เข้าใจดีว่าอะไรถูก อะไรผิด หากพวกท่านไม่พอใจ ย่อมสามารถไปศึกษาธรรมจากที่อื่นได้”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ

“แต่ศิษย์ผู้นี้…เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรถูกหรือผิด แล้วถ้าอาตมาไม่สอนเขา แล้วใครจะสอน?”

บังเคมองไปยังชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหา ใบหน้าของชายคนนั้นซีดเผือด ก้มหน้าไม่กล้ามองใคร

“อาตมาจะให้เขาอยู่ต่อ แม้ว่าทุกคนจะเลือกเดินจากไปก็ตาม”

บรรยากาศในศาลากลับมาเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรอีก เสียงลมพัดผ่านใบไม้เป็นเสียงเดียวที่ได้ยิน

ชายผู้เคยขโมยของ เริ่มร้องไห้อย่างเงียบ ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะรู้สึกถึงเมตตาที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

มันไม่ใช่การลงโทษ ไม่ใช่การตำหนิ แต่มันคือความไว้ใจที่ไม่มีเงื่อนไข และความเมตตาที่ซึมลึกถึงหัวใจ

นับแต่นั้นมา เขาไม่เคยคิดจะขโมยอะไรอีกเลย…

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องถูกและผิด 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การสั่งสอนอย่างแท้จริง ไม่ได้ใช้เพียงกฎหรือบทลงโทษ แต่คือความกล้าที่จะอดทน เข้าใจ และเมตตาต่อผู้ที่ยังหลงทาง เพราะบางครั้งผู้ที่ผิดพลาดที่สุด อาจเป็นผู้ที่ต้องการการชี้นำมากที่สุด

บังเคเลือกที่จะไม่ขับไล่ศิษย์ที่ขโมยของออกจากวัด แม้จะถูกศิษย์คนอื่นต่อต้าน เขาเห็นว่าเด็กหนุ่มยังไม่รู้แม้แต่ความแตกต่างระหว่างถูกและผิด และนั่นคือเหตุผลที่เขาต้องได้รับการสอนด้วยหัวใจ ไม่ใช่การผลักไสออกจากโอกาสเรียนรู้

อ่านต่อ: เรียนรู้ความหมายความสงบการปล่อยวางและสมาธิผ่านนิทานเซนสนุก ๆ สั้น ๆ ได้ข้อคิดสอนใจดี ๆ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเซนเรื่องถูกและผิด (อังกฤษ: Right and Wrong) เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือเซนคลาสสิกชื่อ “Zen Flesh, Zen Bones” ซึ่งรวบรวมโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki นักเขียนและนักแปลผู้มีบทบาทสำคัญในการนำคำสอนของเซนจากตะวันออกมาสู่โลกตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 20

เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากเหตุการณ์ในชีวิตจริงของพระบังเค โยะตะกุ (Bankei Yōtaku) พระเซนชื่อดังแห่งสมัยเอโดะ ผู้เป็นที่รู้จักจากคำสอนเรื่อง “ธรรมชาติที่ไม่เกิดไม่ดับ” (Unborn Mind) และวิธีการสอนที่ไม่อิงกับตำราหรือพิธีกรรม แต่เน้น ประสบการณ์ตรง และ การรับฟังจิตใจของผู้เรียน เป็นสำคัญ

ในยุคที่สังคมญี่ปุ่นเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์และการลงโทษแบบเข้มงวด บังเคกลับเลือกใช้ความเมตตา ความเข้าใจ และความอดทน เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงคน นิทานเรื่องนี้จึงถูกยกเป็นหนึ่งในตัวอย่างอันทรงพลังของการ “สอนด้วยใจ” ที่ไม่ใช่แค่ให้คนรู้ว่าผิด แต่ให้โอกาสได้เปลี่ยนแปลงจากภายใน.

คติธรรม: “การให้อภัยคือครูของผู้ไม่รู้ การเมตตาคือสะพานสู่การเปลี่ยนแปลง และบางคนเรียนรู้จากกฎ บางคนเรียนรู้จากความรัก แต่ผู้ที่หลงทางที่สุด มักต้องการหัวใจของครูมากกว่าคำสอนของครู”


by