ปกนิทานเซนเรื่องเปิดบ้านขุมทรัพย์ของตนเอง

นิทานเซนเรื่องเปิดบ้านขุมทรัพย์ของตนเอง

ในเส้นทางของผู้แสวงหาความหมายแห่งชีวิต หลายคนเชื่อว่าคำตอบจะพบได้จากตำราหนา ๆ หรืออาจารย์ผู้มีชื่อเสียง ทว่าในทางแห่งเซน การรู้แจ้งมักเกิดจากช่วงเวลาธรรมดา จากคำพูดที่ดูเรียบง่าย และจากการหันกลับไปเงี่ยหูฟังเสียงในใจตนเอง

มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง เล่าเรื่องของชายหนุ่มที่เดินทางข้ามแดนไปเพื่อค้นหาความรู้แจ้ง แต่กลับค้นพบว่าคำตอบแท้จริง อาจไม่เคยอยู่ที่ใดเลยนอกจากใจของเขาเอง กับนิทานเซนเรื่องเปิดบ้านขุมทรัพย์ของตนเอง

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องเปิดบ้านขุมทรัพย์ของตนเอง

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องเปิดบ้านขุมทรัพย์ของตนเอง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในแดนอาทิตย์อุทัย มีชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อว่า “ไดจู” เขาเป็นคนเงียบขรึม ช่างคิด และมีดวงตาที่มักจะมองไปไกลกว่าขอบฟ้าเสมอ

ไดจูรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต แม้เขาจะมีบ้านเรียบง่าย มีสวนหลังบ้าน และเพื่อนบ้านใจดี แต่ในใจลึก ๆ เขากลับรู้สึกว่างเปล่า

เขาเคยอ่านหนังสือธรรมะ ฟังพระเทศน์ และลองทำสมาธิ ทว่าความสงบที่เขาเฝ้าหายังไม่เคยมาเยือน

วันหนึ่ง ไดจูได้ยินเรื่องราวของปรมาจารย์เซนชื่อว่า “บาโซ” ผู้พำนักอยู่ในหุบเขาทางตะวันตกของแดนมังกร มีคนเล่ากันว่า บาโซสามารถตอบคำถามที่ไม่มีคำตอบ และพูดเพียงคำเดียวก็ทำให้คนพบทางหลุดพ้น

ไดจูไม่รอช้า เขาเก็บเสื่อบาง ๆ หนึ่งผืน ข้าวปั้นสามก้อน และออกเดินทาง

หลายวันผ่านไป เขาเดินลัดทุ่ง ปีนเขา ลุยลำธารเล็ก ๆ จนรองเท้าฟางสึกไปหมด ทว่าเขาไม่หยุด

ในค่ำคืนที่ลมหนาวพัดแรง เขานั่งพิงต้นสน ข่มตาหลับพร้อมเสียงกระซิบในใจว่า “ข้าจะต้องพบความจริง… ไม่ว่ามันอยู่ที่ใด”

รุ่งเช้าแสงแดดอุ่นส่องผ่านม่านไม้ ไดจูเดินมาถึงลานกว้างหน้าอารามเก่าแก่หลังหนึ่ง เสียงลมพัดผ่านระฆังลมเบา ๆ กลิ่นชาหอมลอยมาจากด้านใน

หน้าประตูไม้ บาโซนั่งอยู่บนเบาะฟาง เขาหลับตา ดื่มชาเงียบ ๆ ราวกับรู้ว่าไดจูจะมาถึง

ไดจูเดินเข้าไปอย่างสำรวม คุกเข่าลงตรงหน้า แล้วกล่าวเบา ๆ “ข้าชื่อไดจู ขอท่านช่วยนำทางข้าสู่การรู้แจ้งด้วยเถิด”

บาโซเปิดตาช้า ๆ จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”

“ข้ามาเพื่อแสวงหาการตรัสรู้…” ไดจูตอบด้วยเสียงมั่นคง

บาโซไม่กล่าวอะไรทันที เขาเพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วมองไดจูอีกครั้ง ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักถ้อยคำที่อยู่ลึกในใจ

จากนั้นจึงกล่าวว่า “เจ้ามีขุมทรัพย์อยู่กับตัวอยู่แล้ว เหตุใดจึงแสวงหามันจากภายนอก?”

ไดจูนิ่งงัน ดวงตาเบิกโพลง เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ยิน จึงถามกลับทันทีว่า “ขุมทรัพย์ของข้าอยู่ที่ไหนหรือ ท่านอาจารย์?”

บาโซวางถ้วยชาลง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “คำถามที่เจ้าเอ่ยออกมา… นั่นแหละ คือขุมทรัพย์ของเจ้า”

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องเปิดบ้านขุมทรัพย์ของตนเอง 2

เสียงลมเงียบลงทันทีที่คำพูดของบาโซจบลง ไดจูนั่งนิ่ง ดวงตาเขาเบิกกว้างเหมือนเพิ่งมองเห็นบางสิ่งที่ซ่อนอยู่มาตลอด

“คำถาม… คือขุมทรัพย์?” เขาพึมพำกับตนเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หัวใจเขาเต้นช้าลง ทว่าเบาสบาย ความตึงเครียดที่เคยกอดรัดเขาตลอดการเดินทางคลายออกทีละน้อย ๆ ราวกับหิมะที่ละลายเมื่อแดดอุ่นส่องต้อง

เขาไม่เข้าใจด้วยเหตุผล ไม่ใช่ด้วยตรรกะใด ๆ ทั้งสิ้น ทว่าเขารู้สึกว่าคำพูดของบาโซนั้นจริงแท้ “คำถามที่ข้าถาม? คือขุมทรัพย์ นั่นคือข้านั่นเองหรือ… สิ่งข้าที่ตามหามาโดยตลอดก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย”

ไดจูนั่งนิ่งเหมือนหินริมทางสายยาว เขามองลงในใจของตนเอง เห็นเงาของความกลัว ความหวัง ความลังเล และความฝัน ทั้งหมดล้วนเป็นส่วนหนึ่งของขุมทรัพย์ที่เขาเคยไม่ยอมรับ

เขายิ้มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน มันไม่ใช่รอยยิ้มของคนที่ได้บางสิ่ง แต่มันเป็นรอยยิ้มของคนที่เลิกค้นหา

จากวันนั้น ไดจูไม่กลับไปเป็นชายหนุ่มคนเดิม เขาไม่ได้อยู่กับบาโซนานนัก เพราะเมื่อหัวใจของเขาเข้าใจสิ่งที่ต้องเข้าใจแล้ว ไม่มีสิ่งใดต้องรออีก

เขากลับสู่หมู่บ้านเดิมที่เขาจากมา ทว่าเมื่อผู้คนมองเขา ก็รู้ได้ทันทีว่า บางสิ่งในดวงตาของไดจูได้เปลี่ยนไป

เขาไม่เทศนา ไม่สอนธรรมะ ไม่อ้างคำของครูบาอาจารย์ แต่หากใครเข้ามาคุยกับเขาด้วยความสงสัยในใจ เขามักจะตอบเพียงว่า “เปิดขุมทรัพย์ของเจ้าเองเถิด แล้วจงใช้มันให้เต็มที่…”

บางคนไม่เข้าใจ บางคนหัวเราะ บางคนเงียบไปนาน แล้วน้ำตาก็ไหล

เรื่องของไดจูกลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันในหมู่บ้าน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างเรียนรู้ว่า บางครั้งสิ่งที่เราตามหามาทั้งชีวิต อาจอยู่ตรงคำถามแรกที่เรากล้าถามตัวเอง

จงถามเถิด… แล้วฟังให้ลึกลงไป เพราะบางที เสียงข้างในนั้น ก็คือเสียงของขุมทรัพย์ที่เรามีอยู่แล้ว

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องเปิดบ้านขุมทรัพย์ของตนเอง 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การแสวงหาความรู้แจ้งหรือความหมายของชีวิต ไม่ใช่เรื่องของการออกเดินทางไปไกล แต่คือการหันกลับมามองภายในใจของตนเองอย่างลึกซึ้ง ความสงสัย ความใฝ่รู้ และแม้แต่ความทุกข์ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของขุมทรัพย์ที่ช่วยเปิดทางสู่ความเข้าใจที่แท้จริง

ไดจูเดินทางข้ามแดนเพื่อแสวงหาคำตอบจากปรมาจารย์บาโซ แต่สุดท้ายสิ่งที่เขาได้รับกลับไม่ใช่คำตอบจากภายนอก หากคือความเข้าใจว่าทุกคำถามที่แท้จริงเริ่มต้นจากใจเราเอง คำตอบที่เขาตามหามาตลอดไม่เคยอยู่ไกล หากอยู่ในเสียงถามอันลึกที่สุดภายในใจ — การรู้ว่าเราเป็นใคร ต้องการอะไร และกล้ารับฟังตัวเองอย่างแท้จริง นั่นคือขุมทรัพย์ที่ทุกคนมีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เคยรู้ว่ามันมีค่าเพียงใด

อ่านต่อ: อ่านนิทานเซนสนุก ๆ สั้น ๆ ได้ทั้งข้อคิดและปรัชญาแห่ความสงบและการปล่อยวางชีวิต

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเซนเรื่องเปิดบ้านขุมทรัพย์ของตนเอง (อังกฤษ: Open Your Own Treasure House) เรื่องราวเซนเรื่องนี้มีที่มาจากเรื่องเล่าในตำราเซนดั้งเดิม ชื่อเรื่องว่า Daiju Visits the Master ซึ่งเป็นหนึ่งในเกร็ดธรรมะที่มักถูกรวบรวมไว้ในหนังสือเซนคลาสสิก เช่น Zen Flesh, Zen Bones (เรียบเรียงโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki)

เรื่องเล่านี้เป็นบทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างผู้แสวงหาธรรมชื่อ “ไดจู” กับปรมาจารย์เซน “บาโซ” (Mazu Daoyi) จุดเด่นของเรื่องอยู่ที่คำพูดเรียบง่ายของบาโซที่กลับเปลี่ยนมุมมองของไดจูไปโดยสิ้นเชิง จากการแสวงหาความรู้แจ้งภายนอก สู่การเข้าใจว่าความจริงอาจอยู่ตรงใจของตนเองมาตลอด

นิทานต้นฉบับมีลักษณะเป็น “โคอาน” (koan) หรือเกร็ดธรรมที่ไม่เน้นคำตอบในเชิงตรรกะ แต่กระตุ้นให้เกิดความฉุกคิดและตื่นรู้ภายในใจผู้ฟัง จึงมักถูกนำมาใช้ในการฝึกจิตของนักปฏิบัติธรรมขั้นต้น หรือใช้เป็นเรื่องสั้นสำหรับเด็กที่เริ่มสนใจแนวคิดทางพุทธแบบเซน

เวอร์ชันที่นำมาเล่าใหม่นี้ ได้รับการดัดแปลงให้อยู่ในรูปแบบนิทานสมัยใหม่ โดยยังคงรักษาแก่นของคำสอนดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน เพื่อให้เข้าถึงง่ายสำหรับเยาวชนและผู้เริ่มต้น โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า “คำถามของเรานั่นเอง คือประตูสู่คำตอบ” และ “ขุมทรัพย์แท้จริง อาจอยู่ตรงที่เราหยุดมองหามันจากที่อื่น”

คติธรรม: “ผู้ที่รู้จักหันกลับไปมองใจตนเอง จะพบขุมทรัพย์ที่ผู้อื่นตามหาทั้งชีวิต”


by