ปกนิทานเซนเรื่องเสียงเดียวแห่งวิถีเซน

นิทานเซนเรื่องเสียงเดียวแห่งวิถีเซน

ในโลกของเซน บางครั้งคำตอบที่ลึกที่สุด กลับไม่อยู่ในถ้อยคำใดเลย อยู่ในความเงียบ เสียงลม หรือแม้แต่เสียงขลุ่ยเพียงหนึ่งครั้ง

มีนิทานเซนเรื่องหนึ่งกล่าวถึงชายผู้หนึ่งที่ไม่แสดงธรรมด้วยปาก แต่ทำให้ผู้คนเข้าใจธรรมด้วยการไม่พูดและจากไปอย่างเงียบงัน ทิ้งไว้เพียงเสียงเดียวที่ไม่เคยจางหายจากใจผู้ฟัง กับนิทานเซนเรื่องเสียงเดียวแห่งวิถีเซน

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องเสียงเดียวแห่งวิถีเซน

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องเสียงเดียวแห่งวิถีเซน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ยุคหนึ่งของญี่ปุ่น มีชายผู้หนึ่งนามว่า คาคุอะ ผู้ใฝ่รู้ในธรรมขั้นสูง เขาเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ตัดสินใจเดินทางไปยังแผ่นดินจีน เพื่อแสวงหาคำสอนของเซนที่แท้จริง

แต่เมื่อถึงจีน เขาไม่ได้เที่ยวไปหาครูหลายคน หรือออกแสดงธรรมให้ใครฟัง ตรงกันข้าม เขาเลือกอยู่คนเดียวเงียบ ๆ บนยอดเขาอันห่างไกล หมั่นภาวนาอย่างเงียบงันในทุกวันทุกคืน

บางครั้ง ผู้คนตามหาเขาเจอ และขอคำสอนจากเขา “ท่านบรรลุธรรมแล้วหรือ?” ใครคนหนึ่งเคยถาม

คาคุอะตอบเพียง “ธรรมะไม่มีที่ให้ถึง แต่ก็ไม่มีที่ใดที่ธรรมะไม่อยู่” แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็หายไปจากที่เดิม ราวกับสายลมเคลื่อนตัวสู่เงา

หากมีผู้ใดบังเอิญพบเขาแล้วเอ่ยปากขอคำสอน คาคุอะจะพูดเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ก่อนจะหายตัวไปยังอีกมุมหนึ่งของภูเขา ซึ่งเงียบกว่า ลึกกว่า และหาเจอได้ยากกว่าเดิม

เมื่อคาคุอะเดินทางกลับญี่ปุ่น ไม่มีใครรู้ว่าเขากลับมาตอนไหน เขาไม่เปิดสำนัก ไม่แสดงตนเป็นอาจารย์เซน แต่ข่าวเรื่องเขาก็เดินทางเงียบ ๆ ไปถึงพระราชวัง

พระจักรพรรดิทรงสนพระทัยในธรรมะ และมีรับสั่งเรียกเขาเข้าสู่วังหลวง เพื่อเทศนาให้พระองค์และเหล่าขุนนางฟัง

ในวันนั้น คาคุอะสวมจีวรสีน้ำตาลเข้ม ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีตำรา เดินเข้าสู่ท้องพระโรงเงียบ ๆ แล้วคุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์

“คาคุอะ” พระจักรพรรดิรับสั่งด้วยพระสุรเสียงเรียบนิ่ง “เราอยากได้ฟังธรรมจากปากของท่าน ด้วยตนเอง”

คาคุอะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบาง ๆ แล้วตอบด้วยเสียงนุ่ม “ขออภัยพะยะค่ะ… คำตอบของข้า ไม่อยู่ในถ้อยคำ”

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องเสียงเดียวแห่งวิถีเซน 2

หลังจากกล่าวถ้อยคำเพียงสั้น คาคุอะยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมท้องพระโรง ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาอย่างเงียบงัน

ไม่มีใครเข้าใจว่าเขาจะสอนอย่างไร

คาคุะเอื้อมมือช้า ๆ เข้าไปในจีวร แล้วหยิบขลุ่ยไม้สีเข้มเล่มเล็กออกมาอย่างเรียบง่าย เขาเงยหน้ามองขึ้นเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าลึก แล้ว เป่าขลุ่ยเป็นเสียงสั้น ๆ เพียงหนึ่งเสียง

เสียงนั้นนุ่ม ใส และเปล่งออกมาด้วยความสงบจนทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง

เสียงเดียว… ที่แฝงไว้ด้วยความว่าง ความจริง และคำสอนทั้งปวง

หลังจากเสียงขลุ่ยนั้นจางหาย คาคุอะก้มศีรษะลงช้า ๆ แล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก

ขุนนางบางคนหันมาสบตากันอย่างงุนงง ขณะที่บางคนกลับหลับตาลงอย่างเงียบงัน เหมือนได้ฟังเสียงที่อยู่เหนือถ้อยคำ

พระจักรพรรดิทรงมองตามร่างของคาคุอะที่ลับหายไป และรับสั่งเพียงแผ่วเบา “เซน… ไม่ต้องใช้ถ้อยคำเพื่อสื่อความ”

คาคุอะไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปที่ใด แต่ในใจของผู้ที่ได้ยินเสียงนั้น มันยังดังก้องอยู่ ไม่ใช่ด้วยเสียง แต่ด้วยความเข้าใจที่ลึกกว่าคำพูดใดจะพาไปถึง

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องเสียงเดียวแห่งวิถีเซน 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความจริงของธรรมะไม่ได้อยู่ในถ้อยคำที่งดงาม หรือการอธิบายที่ซับซ้อน แต่อยู่ในการสัมผัสตรงกับประสบการณ์ที่เรียบง่าย ลึกซึ้ง และไร้การปรุงแต่ง

เสียงขลุ่ยเพียงหนึ่งเดียวของคาคุอะ กลับกลายเป็นคำสอนที่ลึกยิ่งกว่าหนึ่งพันคำพูด เพราะในความเงียบระหว่างเสียงนั้น มีสัจธรรมซ่อนอยู่ เซนไม่ได้บอกให้เราคิดเพิ่ม แต่ให้เราลดสิ่งที่เกิน จนกระทั่งสิ่งที่แท้ปรากฏ

การสื่อสารของเซนจึงไม่ใช่เพื่อ “ทำความเข้าใจ” หากแต่เพื่อ “เข้าไปอยู่กับมัน” ด้วยใจที่ว่างพอจะฟังเสียงที่ไม่มีถ้อยคำเลยแม้แต่น้อย

อ่านต่อ: เรียนรู้บทเรียนความสงบและการปล่อยวางตามวิถีเซนพุทธกับนิทานเซน

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเรื่องเสียงเดียวแห่งวิถีเซน (อังกฤษ: One Note of Zen) มีต้นกำเนิดจากคำบอกเล่าในหมวดเรื่องเล่าปรัชญาเซน ซึ่งถูกรวบรวมไว้ในหนังสือชื่อ Zen Flesh, Zen Bones โดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมเกร็ดนิทานและคำสอนของพระเซนจากทั้งประเทศจีนและญี่ปุ่น ที่ชี้ให้เห็นแก่นแท้ของเซนผ่านเหตุการณ์สั้น ๆ ที่มักเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความลึก

คาคุอะ (Kakua) ถือว่าเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่เดินทางไปแผ่นดินจีนเพื่อศึกษาวิชาเซน แต่ไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้ในรูปแบบที่ผู้คนจดจำ เขาไม่ก่อตั้งสำนัก ไม่เขียนคัมภีร์ และไม่แสดงธรรมด้วยถ้อยคำ แต่กลับทิ้งเสียงเดียวไว้เป็นคำสอน เสียงที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเซนที่แท้จริง

เรื่องราวของเขาเป็นตัวอย่างอันบริสุทธิ์ของคำสอนแบบ “ไร้รูปแบบ” ซึ่งเน้นการสัมผัสตรงกับธรรมะ มากกว่าการอธิบายด้วยถ้อยคำหรือพิธีกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น

คติธรรม: “บางครั้ง เสียงเดียวที่เปล่งออกจากความว่าง อาจดังกว่าคำพูนนับพัน”


by