ในเส้นทางแห่งการแสวงหาความจริง หลายคนเข้าใจธรรมะผ่านถ้อยคำที่ลึกซึ้งและปรัชญาที่สูงส่ง แต่คำพูดที่ว่างเปล่าอาจไม่พาเราไปไกลเท่ากับการยอมรับความจริงเล็ก ๆ ในใจของตัวเอง
มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยชายหนุ่มผู้คิดว่าตนเข้าใจทุกอย่าง…จนกระทั่งเขาโดนไม้ไผ่ฟาดเข้าอย่างจัง กับนิทานเซนเรื่องไม่มีอะไรอยู่จริง

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องไม่มีอะไรอยู่จริง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในดินแดนแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สมัยที่นักดาบไม่ได้ฝึกฝนเพียงแค่ฝีมือ แต่ยังแสวงหาความสงบของจิตใจ ในยุคที่คำสอนของเซนเปรียบดั่งลมหายใจของผู้แสวงหา ความว่างและความจริงถูกถามไถ่ผ่านการนั่งนิ่งไม่ใช่การโต้เถียง
ยามาโอกะ เทสชู เป็นชายหนุ่มผู้ฝึกฝนทั้งทางกายและใจ เขาเป็นนักดาบผู้มีชื่อเสียง และยังสนใจในทางเซนอย่างลึกซึ้ง เขาเดินทางไปตามวัดต่าง ๆ เพื่อศึกษากับอาจารย์ผู้มากด้วยปัญญา หวังจะเข้าถึงความจริงที่อยู่เหนือคำพูด
วันหนึ่ง เขาเดินทางมาถึงวัดโชโคคุ และได้ขอเข้าเฝ้าอาจารย์โดคุอง ผู้เป็นพระเซนที่มีชื่อเสียงในหมู่นักปฏิบัติว่าเงียบขรึม ไม่พูดพร่ำ และมักตอบคำถามด้วยวิธีที่ไม่คาดคิด
เมื่อได้พบกัน ยามาโอกะก็รีบแสดงความเข้าใจของตนทันที ราวกับต้องการให้ท่านอาจารย์รับรู้ถึงความลึกซึ้งของตนเอง
“จิตไม่มีอยู่ พระพุทธเจ้าไม่มีอยู่ สรรพสัตว์ก็ไม่มีอยู่ ความจริงของสรรพสิ่งนั้นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง” ยามาโอกะกล่าวด้วยเสียงมั่นใจ “ไม่มีการรู้แจ้ง ไม่มีความหลง ไม่มีพระอริยะ ไม่มีปุถุชน ไม่มีการให้ และไม่มีสิ่งใดที่จะรับ”
โดคุองนั่งเงียบอยู่บนเสื่อ เขาถือกล่องยาสูบและสูบอย่างสงบ ไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย สายตาของเขามองผ่านควันบุหรี่ไปยังหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยคำพูดตรงหน้า
จากนั้นโดยไม่พูดอะไร เขายกไม้ไผ่ที่ใช้สูบขึ้นมา แล้ว ฟาด ยามาโอกะเข้าที่บ่าเสียงดังพอสมควร
“เพี๊ยะ!”
ยามาโอกะสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ความโกรธพลันแล่นขึ้นในอก ใบหน้าเขาเริ่มแดง และริมฝีปากสั่นเล็กน้อย
โดคุองจ้องเขา แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
“ถ้าไม่มีอะไรอยู่จริง… แล้วความโกรธของเจ้ามาจากไหน?”

เมื่อได้ยินคำถามของอาจารย์ โดคุอง ยามาโอกะนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาหลุบตาลง มองดูความรู้สึกในใจตัวเองที่ยังคงกรุ่นอยู่ภายในอก
เขารู้ดีว่าอาจารย์ไม่ได้ถามเพื่อให้ตอบด้วยคำพูด หากแต่กำลังชี้ให้เห็นบางสิ่งที่ลึกกว่า
“ความโกรธนั้น…มันเกิดขึ้นจริงหรือ?” เขาถามตัวเองในใจ
“หรือมันแค่เงาในจิต ที่ถูกคำพูดของข้าเองผลักให้ลุกขึ้นมา?”
เขาเคยเชื่อว่าตนเองเข้าใจคำว่า “ว่างเปล่า” อย่างถ่องแท้ แต่ในขณะนี้ เขากลับพบว่าความว่างที่ตนพูดออกมานั้น ยังเต็มไปด้วย “ตัวตน” ที่อยากถูกยอมรับ
อาจารย์โดคุองไม่ได้พูดอะไรอีก เขาสูบยาสูบของตนอย่างสงบ ลมพัดใบไม้แห้งร่วงลงบนพื้นหินเบา ๆ ยามาโอกะนั่งลงอย่างช้า ๆ หน้าท่านอาจารย์
เขาไม่พูดคำใด ไม่แสดงความโกรธหรืออวดภูมิอีกต่อไป เพียงแค่หลับตา และปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ซึมลงในจิตเหมือนน้ำหยดใส่ดินแห้ง
ในความเงียบนั้น เขาเริ่มเข้าใจ…ว่า บางที “ไม่มีอะไรอยู่จริง” ไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดออกไปทันที แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เป็น” ให้ถึงก่อน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความเข้าใจในหลักธรรม ไม่ใช่เพียงการท่องจำถ้อยคำว่างเปล่าหรืออ้างคำสอนของผู้รู้ หากแต่ต้องสัมผัสและทดสอบผ่านจิตใจของตนเองอย่างแท้จริง
ยามาโอกะ เทสชูคิดว่าตนบรรลุแล้ว เพราะสามารถพูดถึง “ความว่าง” ได้คล่องแคล่ว แต่เมื่ออาจารย์โดคุองเพียงตีด้วยไม้และถามกลับด้วยคำถามสั้น ๆ เขากลับพบว่า “ไม่มีอะไรอยู่จริง” นั้น… ไม่สามารถใช้คำพูดอธิบายได้ หากจิตยังเต็มไปด้วยความโกรธ ความอยาก หรือความอวดดีที่ไม่รู้ตัว
อ่านต่อ: นิทานเซนแฝงข้อคิดเรื่องเล่าที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยปรัชญาลึกซึ้ง
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องไม่มีอะไรอยู่จริง (อังกฤษ: Nothing Exists) มีต้นกำเนิดจากคำสอนของนิกายเซนในญี่ปุ่น และถูกบันทึกไว้ในหนังสือชุดคลาสสิก “Zen Flesh, Zen Bones” ซึ่งรวบรวมโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki
เรื่องนี้อ้างอิงเหตุการณ์ของยามาโอกะ เทสชู (Yamaoka Tesshu) นักดาบผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ฝึกฝนทั้งวิถีดาบและวิถีเซน นิทานนี้เล่าถึงช่วงที่เขายังเป็นศิษย์หนุ่ม และพยายามแสดงความเข้าใจธรรมขั้นสูงต่ออาจารย์เซนชื่อโดคุอง แห่งวัดโชโคคุ
ด้วยเหตุการณ์เพียงไม่กี่ประโยค นิทานเรื่องนี้จึงกลายเป็นตัวอย่างคลาสสิกของ “การปะทะกันระหว่างถ้อยคำกับประสบการณ์ตรง” และยังคงเป็นคำถามเปิดต่อผู้ศึกษาทางจิตใจมาจนถึงปัจจุบัน
คติธรรม: “หากยังโกรธได้ ยังมีตัวตนอยู่ ความว่างที่พูดออกมา… ก็เป็นเพียงเสียง ไม่ใช่ความจริง และปากอาจพูดถึงความว่าง แต่ใจจะเปิดเผยว่าจริงหรือเปล่า”