ปกนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม

ผู้คนมากมายมักคิดว่า ความรุ่งเรืองของแผ่นดินเกิดจากความมั่งคั่งและอำนาจ หากแท้จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพียงเงาที่พรางตา และพาให้หลงลืมหนทางแห่งเต๋าอันเรียบง่ายและสงบเย็น

มีนิทานเต้าเต๋อจิงบทหนึ่ง ที่เล่าจื๊อถ่ายทอดเรื่องราวของนครอันยิ่งใหญ่ เพื่อชี้ให้เห็นความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความโอ่อ่าหรูหรา และเป็นถ้อยคำเตือนถึงชะตากรรมของผู้ที่หลงลืมหนทางแห่งเต๋า กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม

กาลหนึ่ง ข้าเคยเดินทางผ่านรัฐหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแผ่นดินมังกร รัฐนั้นในกาลก่อนเคยเกือบจะได้เป็น “นครหลวง” ของแผ่นดิน เพราะความสมบูรณ์ที่ฟ้าและดินได้ประทานให้

ภูเขาเขียวชอุ่มล้อมรอบราวกำแพงธรรมชาติ สายน้ำเชี่ยวชัดแต่ใสสะอาดไหลผ่านทุ่งนาไร้สิ้นสุด ข้าวสาลีไหวเอนดั่งคลื่นสีทอง ผลไม้อุดมสมบูรณ์จนหอมอบอวลไปทั่วตลาด

เสียงหัวเราะของพ่อค้าแม่ขาย เสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่น และเสียงเกวียนที่เคลื่อนผ่านบนถนนหิน ล้วนเป็นดั่งดนตรีที่บรรเลงความเจริญรุ่งเรือง

ข้าเคยได้ยินชาวบ้านพูดด้วยแววตาเปี่ยมหวังว่า “วันหนึ่งรัฐของเราจะยิ่งใหญ่กว่าทุกแห่ง อาจได้เป็นเมืองหลวงใหม่ของจักรพรรดิ” ข้าเองก็ไม่อาจปฏิเสธ เพราะสิ่งที่เห็นนั้นบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์และพลังชีวิตที่แท้จริง

รัฐนี้เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่รากหยั่งลึก สาขาแผ่ไกล ดอกผลงอกงามไม่สิ้นสุด

ตอนนั้น ข้าเชื่อว่าหากผู้ปกครองของรัฐนี้มีปัญญาและความถ่อมตน พวกเขาคงได้สร้างดินแดนแห่งแบบอย่างให้แก่แดนมังกรทั้งปวง

หลายสิบปีต่อมา ข้าได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเดิมอีกครั้ง แต่สิ่งที่พบมิใช่แผ่นดินทองคำดังที่เคยเห็น หากแต่เป็นเงามืดที่กดทับจนหายใจติดขัด

ถนนที่เคยเต็มไปด้วยพ่อค้าและชาวบ้าน ตอนนี้เงียบสงัด เพียงเสียงลมพัดพาเศษใบไม้ปลิวว่อน พระราชวังตระการตาถูกสร้างสูงเด่นกลางเมือง ผนังเคลือบด้วยหยกและทอง แต่เบื้องหลังความโอ่อ่านั้นคือทุ่งนาที่ถูกทิ้งร้าง ยุ้งฉางที่เคยเต็มแน่นกลับว่างเปล่า

ชาวบ้านเดินอย่างอิดโรย เสื้อผ้าขาดวิ่น ดวงตาไร้แวว ข้าได้ยินเสียงกระซิบจากผู้เฒ่าคนหนึ่ง เขาสั่นหัวและพูดว่า “ผู้ปกครองของเราเอาทุกอย่างไปบำรุงความหรูหราของตน ข้าวปลาเราไม่มีจะกิน แต่เขากลับจัดงานเลี้ยงทุกค่ำคืน”

ในความหรูหราที่ข้าเห็น ข้ากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นเน่าเหม็นแห่งความเสื่อมถอย มันคือความว่างเปล่าที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลือกทอง รัฐที่เคยเป็นดังดวงอาทิตย์กำลังฉายแสงเจิดจ้า บัดนี้กลับเป็นเถ้าธุลีปลิวไปตามสายลม

ข้าได้แต่ถอนหายใจ แล้วเอ่ยในใจว่า “ผู้ที่หันหลังให้เต๋า แม้ครองราชสมบัติก็ไม่ต่างอะไรกับโจรผู้สวมมงกุฎ”

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม 2

เมื่อข้าเดินลึกเข้าไปในนคร เห็นทหารแต่งชุดเกราะเงาวับเดินตรวจตราอย่างเข้มงวด ประตูวังสูงใหญ่ถูกคุ้มกันราวกับกำแพงแยกคนจนออกจากความฟุ้งเฟ้อในวังหลวง

ข้าได้ยินข่าวลือเล็ดลอดออกมาว่า เจ้าแผ่นดินแห่งรัฐนี้มิได้คิดถึงประชาชน แต่กลับหมกมุ่นอยู่กับสุราหวาน อาหารหรู และนางรำที่เต้นถวายทุกค่ำคืน

มีดสลักด้วยหยกและทองถูกแขวนไว้รอบกายเป็นเครื่องประดับ ทั้งที่เกษตรกรข้างนอกกำลังขาดแคลนมีดธรรมดาสำหรับเก็บเกี่ยวข้าว คนในวังหลงใหลในเครื่องแต่งกายแพรไหม จนลืมไปว่าเสื้อผ้าของชาวบ้านเต็มไปด้วยรอยปะและคราบโคลน

ข้าเห็นแล้วก็เหมือนข้ามองโจรผู้หนึ่ง เพียงแต่โจรนั้นมิได้สวมหน้ากาก หากแต่สวมงกุฎอันหนักและหรูหรา เขาได้ปล้นเอาทรัพย์สิน เวลา และชีวิตของประชาชนไปเพื่อหล่อเลี้ยงความทะนงตนของตนเอง

ไม่นานนัก รัฐนั้นก็มิได้ล่มเพราะฟ้าดิน แต่กลับแพ้ภัยตนเอง ความฟุ้งเฟ้อของผู้ปกครองกัดกร่อนทรัพย์สมบัติ ความสิ้นหวังของประชาชนกัดกร่อนหัวใจ เมล็ดพันธุ์แห่งความเสื่อมถูกเพาะขึ้นจากความโลภและการละเลย

ข้าเห็นความแตกแยกเกิดขึ้นทั้งในหมู่ขุนนางและทหาร ผู้คนเริ่มลุกฮือเพราะทนไม่ไหวต่อความอดอยากและการกดขี่ คืนหนึ่งที่ดวงดาวดับแสง วังหลวงถูกเผาไหม้ด้วยไฟแห่งความโกรธและการแก่งแย่ง ไม่ใช่ไฟจากสวรรค์ แต่เป็นไฟที่ผู้คนและผู้นำร่วมกันก่อขึ้น ความโอ่อ่าที่เคยตั้งตระหง่านกลับกลายเป็นเพียงซากถ่านดำ

ข้ายืนอยู่ท่ามกลางซากอิฐที่แตกพัง และมองเห็นภาพอดีตซ้อนทับกับปัจจุบัน เมื่อครั้งก่อนข้าเห็นรัฐนี้อุดมสมบูรณ์ราวกับสวรรค์ แต่บัดนี้มันกลายเป็นเงาไร้ชีวิต ข้าเข้าใจแจ่มชัดแล้วว่า “ความโอ้อวดและความโลภคือเชื้อเพลิงที่เผารัฐให้เหลือเพียงเถ้าธุลี”

ข้าจึงกล่าวกับศิษย์ที่เดินร่วมทางว่า “ผู้ที่รู้จักถ่อมตนและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ย่อมยั่งยืนเหมือนสายน้ำที่ไหลไม่หยุด แต่ผู้ที่ฝืนเต๋า โอ้อวดในอำนาจและทรัพย์สิน ย่อมแตกสลายดุจปราสาทที่สร้างด้วยทราย”

“นี่แหละคือผลลัพธ์ของการปกครองที่ผิดไปจากเต๋า เมื่อผู้ปกครองกลายเป็นโจร รัฐที่รุ่งเรืองที่สุดก็จักเสื่อมสลายไปจนเหลือเพียงเถ้าธุลี”

“เจ้าจงดูเถิด ดูให้ชัด นี่คือผลลัพธ์ของการหันหลังให้เต๋า หากปกครองด้วยการโอ้อวด รัฐที่มั่งคั่งก็จักกลายเป็นเพียงเถ้าธุลีในกาลไม่นาน นี่แหละการเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม”

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความรุ่งเรืองที่ไม่ตั้งอยู่บนความพอดีและความเรียบง่าย ย่อมนำพาความเสื่อมมาสู่ตนเอง ไม่ว่าจะแผ่นดินหรือผู้ปกครอง หากมัวหลงใหลในอำนาจ ความมั่งคั่ง และการโอ้อวด ก็ย่อมไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดไป นี่คือแก่นของการเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม

ดังที่เล่าจื๊อเคยผ่านนครที่เคยเกือบเป็นศูนย์กลางของแดนมังกร เมืองนั้นงดงามโอ่อ่าด้วยวังหลวง ทุ่งนาสมบูรณ์ และผู้คนครึกครื้น แต่เมื่อผู้นำและประชาชนต่างแสวงหาเพียงความหรูหรา ปล่อยให้ความฟุ้งเฟ้อครอบงำ พวกเขาจึงสร้างหายนะให้ตนเอง ความอุดมสมบูรณ์กลับกลายเป็นความว่างเปล่า วังหลวงที่เคยสว่างไสวกลายเป็นซากถ่านดำ เมืองที่เคยรุ่งเรืองกลายเป็นเพียงเถ้าธุลีในที่สุด

อ่านต่อ: นิทานเต้าเต๋อจิงสรุปจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงเล่าในรูปแบบนิทานสนุกและเข้าใจง่ายได้ข้อคิดดี ๆ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม (อังกฤษ: Increase of Evidence) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงบทที่ 53 ซึ่งกล่าวถึงอันตรายของการละทิ้งทางแห่งเต๋าแล้วหันไปหลงใหลในความหรูหราและความฟุ้งเฟ้อ ผู้คนและผู้นำที่มัวหมกมุ่นอยู่กับอำนาจและทรัพย์สมบัติจนละเลยความเรียบง่ายและความพอดี ย่อมทำให้แผ่นดินเสื่อมโทรมลงทีละน้อย แก่นแท้ของเต๋าถูกละทิ้งไปจนเหลือเพียงความเสื่อมรอวันปรากฏ เล่าจื๊อได้บันทึกไว้ว่า:

การเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม

หากข้าพเจ้าถูกคนรู้จักขึ้นมาอย่างทันที และได้รับหน้าที่ปกครองตามเต๋า สิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวที่สุดคือ การโอ้อวดอวดอ้างตนเอง

เต๋าอันยิ่งใหญ่นั้นเรียบง่ายและราบรื่น แต่ผู้คนกลับรักทางลัดและทางเบี่ยงเบน

พระราชวังและอาคารของพวกเขาจะดูแลดี แต่ทุ่งนาเพาะปลูกไม่ดี และยุ้งฉางเก็บข้าวก็ว่างเปล่า พวกเขาสวมชุดหรูหรา มีดที่คาดเอวคมกริบ บำรุงตัวเองด้วยอาหารและเครื่องดื่มโอชะ และครอบครองทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งมากเกินจำเป็น

ผู้ปกครองเช่นนี้สามารถเรียกว่าโจรที่สวมมงกุฎ นี่เป็นสิ่งที่ขัดกับเต๋าอย่างแท้จริง!

โดยเล่าจื๊อสอนว่า ผู้ปกครองที่หันเหออกจากทางตรงแห่งเต๋า แม้จะสร้างความโอ่อ่าหรูหราเพื่อแสดงอำนาจ แต่ก็เปรียบเสมือน “โจร” ที่ปล้นชิงความสงบสุขจากประชาชน ความรุ่งเรืองที่เกิดจากการโอ้อวดไม่อาจยั่งยืนได้ และสุดท้ายจะกลับกลายเป็นเถ้าธุลี ทว่าผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่เร่งร้อน ไม่แสวงหาทางลัด แต่เดินตามทางสายกลางของเต๋าอย่างมั่นคง ย่อมปลอดภัยและยั่งยืน

นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนดังกล่าว โดยเปรียบเมืองที่เคยเกือบเป็นศูนย์กลางของแดนมังกรซึ่งครั้งหนึ่งรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์ แต่เมื่อผู้ปกครองและผู้คนหลงใหลในความฟุ้งเฟ้อและทรัพย์สมบัติ จึงสร้างหายนะให้ตนเองจนที่สุดกลายเป็นเพียงเถ้าธุลี นี่คือหัวใจของ “การเห็นชัดถึงความเสื่อมโทรม” ที่เล่าจื๊ออยากให้ผู้คนได้ตระหนักและเรียนรู้

คติธรรม: “ความรุ่งเรืองที่ไร้รากฐานแห่งเต๋า ย่อมไม่อาจยืนยาว ความเรียบง่ายและพอดีต่างหากที่นำไปสู่ความมั่นคงแท้จริง”