ในบางวัน เวลาก็เหมือนยืดยาวเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเราใช้ชีวิตไปกับหน้าที่ซ้ำ ๆ ที่ไม่มีหัวใจอยู่ในนั้น หลายคนจึงรู้สึกเบื่อหน่ายกับวันเดิม ๆ ทั้งที่เวลาเดินไปเท่าเดิมทุกวัน
มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง เล่าถึงเจ้าเมืองผู้รู้สึกว่าแต่ละวันของตนนั้นว่างเปล่า จนเมื่อได้พบกับอาจารย์เซนผู้ไม่พูดธรรมะยืดยาว แต่เขียนเพียงไม่กี่คำ…ที่เปลี่ยนทั้งมุมมองและชีวิตของผู้ฟัง กับนิทานเซนเรื่องทุกช่วงเวลามีค่า

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องทุกช่วงเวลามีค่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ภายในตำหนักใหญ่ของเจ้าเมืองคนหนึ่ง มีทุกอย่างพร้อมสรรพ ทั้งเสื้อผ้าอาหาร บ่าวไพร่ และเกียรติยศจากผู้มาเคารพทุกเช้า เขาเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ ทำงานนั่งโต๊ะทั้งวัน รับแขก วางมือบนตัก และกล่าวถ้อยคำอย่างระมัดระวังเสมอ
แต่แม้จะมีความสะดวกสบายมากมาย ใจของเขากลับว่างเปล่า
“ทำไมวันหนึ่งจึงยาวนานนัก?” เขาพึมพำกับตนเองบ่อยครั้ง “ข้ารู้สึกเหมือนนั่งรอเวลาผ่านไป โดยไม่รู้ว่ารออะไร”
เขาไม่ได้เหนื่อยกาย แต่เบื่อใจ ไม่ใช่เพราะขาดแคลนสิ่งใด แต่เพราะความรู้สึกว่าทุกวันเหมือนกันไปหมด
ในที่สุดเขาจึงเรียกอาจารย์เซนชื่อ ทาคุอัน มาพบ เพื่อขอคำแนะนำ
“ท่านอาจารย์” เขาถาม “ข้าอยากรู้ว่าควรทำเช่นไรจึงจะใช้เวลาได้ดี เวลาทั้งวันของข้ามันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน”
ทาคุอันไม่ได้ตอบทันที เขามองหน้าเจ้าเมืองเงียบ ๆ เพียงครู่ แล้วก็หยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาจากแขนเสื้อ หยิบพู่กันขึ้น เขียนลงไปอย่างมั่นคง
เขาก็เขียนอักษรญี่ปุ่นไม่ยาวมาก แล้วเขาก็วางพู่กันลง แล้วยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เจ้าเมือง
เจ้าเมืองรับมาอ่านอย่างช้า ๆ แปลทีละวรรค
“วันนี้จะไม่เกิดซ้ำอีก
เวลาหนึ่งนิ้วมีค่าดั่งอัญมณีหนึ่งฟุต
วันหนึ่งวันจะไม่หวนคืนมา
ทุกนาทีมีค่าดั่งเพชรไร้ราคา”
เขาอ่านซ้ำอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีธรรมเทศนา มีเพียงแผ่นกระดาษบาง ๆ กับหมึกที่ยังไม่ทันแห้งดี
“ข้าเข้าใจหรือยัง?” เจ้าเมืองเงยหน้าขึ้นถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ทาคุอันเพียงยิ้ม และกล่าวเบา ๆ “หากท่านยังถาม นั่นแปลว่ายังไม่เข้าใจ… แต่หากท่านหยุดถาม นั่นแปลว่าท่านเริ่มเข้าใจแล้ว”

หลังจากทาคุอันจากไป เจ้าเมืองยังคงถือกระดาษแผ่นนั้นไว้ในมือ เขาพลิกดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้เนื้อความจะสั้น แต่กลับทิ้งบางอย่างไว้ในใจที่ไม่สามารถลบได้ง่าย ๆ
วันถัดมา เขายังคงต้องรับแขกนั่งตรง วางมือตามระเบียบ พูดคำตามหน้าที่ แต่ระหว่างการกระทำเหล่านั้น ใจเขากลับไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนเคย
เมื่อเขายกน้ำชาให้แขก เขานึกถึงวรรคหนึ่ง “ทุกนาทีมีค่าดั่งเพชรไร้ราคา”
ตอนที่สายลมหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง เขานึกถึงอีกวรรค “วันนี้จะไม่เกิดซ้ำอีก”
สิ่งที่เคยเป็นความเบื่อ กลับเริ่มมีเนื้อ มีน้ำ มีรส มีความหมาย แม้จะไม่ได้เปลี่ยนกิจวัตร แต่ความรู้สึกที่เขามีต่อสิ่งเดิม กลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“แท้จริงแล้ว ข้าไม่ได้รอเวลาให้ผ่านไป…” เขาคิดในใจ “…แต่ข้าต่างหากที่ไม่เคยอยู่กับเวลาที่กำลังเกิดขึ้นเลย”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป คือสิ่งที่ไม่มีวันหวนกลับมาได้อีก ไม่ว่าจะมีทรัพย์สิน อำนาจ หรือเวลามากเพียงใด การอยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติจึงมีคุณค่ามากกว่าการรอคอยสิ่งที่ยังมาไม่ถึง หรือจมอยู่กับสิ่งที่ล่วงเลยไปแล้ว เพราะในที่สุด สิ่งเดียวที่เราครอบครองได้จริง… คือนาทีที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
ในนิทานเรื่องนี้ เจ้าเมืองไม่ได้เปลี่ยนแปลงหน้าที่ หรือหลีกหนีความจำเจ แต่เมื่อได้อ่านคำของทาคุอัน เขาเริ่มมองสิ่งเดิมด้วยดวงตาใหม่ เห็นว่าแม้การยกน้ำชา หรือการนั่งฟังคนพูด ก็เป็นช่วงเวลาที่มีค่าดั่งอัญมณี หากเราไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไปโดยไม่รู้ตัว
อ่านต่อ: เรียนรู้บทเรียนความสงบและการปล่อยวางตามวิถีเซนพุทธกับนิทานเซนสนุก ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องทุกช่วงเวลามีค่า (อังกฤษ: Inch Time Foot Gem) เรื่องราวนี้มีต้นฉบับมาจากหนังสือ “Zen Flesh, Zen Bones” ซึ่งเป็นผลงานร่วมของ Paul Reps และ Nyogen Senzaki ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957
เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในหมวด “Zen Stories” และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Inch Time Foot Gem” เป็นเรื่องจริงที่เล่าถึงทาคุอัน โซโฮ (Takuan Sōhō) พระอาจารย์เซนในสมัยเอโดะของญี่ปุ่น ผู้เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณให้กับนักรบและขุนนางหลายคน
คำสอนของทาคุอันในเรื่องนี้ปรากฏในรูปของบทกวีสั้น ๆ จำนวน 8 ตัวอักษรจีน ซึ่งแปลความได้ว่า:
“Not twice this day. Inch time foot gem. This day will not come again. Each minute is worth a priceless gem.”
“วันหนึ่งวันนี้ จะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เวลาสั้นเพียงนิ้ว กลับมีค่าดั่งอัญมณีหนึ่งฟุต วันนี้จะไม่หวนคืนมาอีก ทุกนาทีล้วนมีค่า ยิ่งกว่าเพชรไร้ราคา”
เป็นถ้อยคำที่ไม่ต้องอธิบายมาก แต่กลับเปลี่ยนมุมมองของเจ้าเมืองผู้อยู่อย่างเบื่อหน่าย ให้กลับมามองเห็นคุณค่าของชีวิตที่กำลังดำเนินอยู่ตรงหน้า เรื่องราวนี้จึงมักถูกใช้ในการสอนเรื่องการมีสติอยู่กับปัจจุบัน และการเห็นคุณค่าในช่วงเวลาที่เรียบง่ายที่สุด
คติธรรม: “นาทีหนึ่งที่หลุดลอยไป ไม่เคยย้อนกลับมาได้อีก แม้แลกด้วยเพชรพันก้อนก็ไม่อาจซื้อคืน”