ในโลกของเซนและการสร้างสรรค์ ทุกคำที่เราใช้มีความหมายลึกซึ้ง แม้แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเรียบง่ายที่สุดก็สามารถเปิดเผยความจริงที่ลึกซึ้งได้เช่นกัน การสร้างสรรค์บทกวีไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการใช้คำที่งดงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างมีระเบียบและลึกซึ้ง
นิทานเซนเรื่องหนึ่งสะท้อนถึงการฝึกฝนไม่ใช่แค่การเข้าใจคำตอบ แต่คือการเข้าใจวิธีการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ ซึ่งเป็นการสอนให้เราตระหนักถึงความหมายในทุกขณะของชีวิต กับนิทานเซนเรื่องวิธีเขียนบทกวีจีน

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องวิธีเขียนบทกวีจีน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่วัดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ท่ามกลางความเงียบสงบของสวนเซนที่เต็มไปด้วยต้นไม้และหินรอบๆ นักเรียนและผู้คนที่มาเยือนต่างนั่งลงในห้องที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความสงบและการเรียนรู้
ณ ที่นี้มีกวีญี่ปุ่นผู้มีชื่อเสียง ท่านหนึ่ง ผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการกวีกล่าวถึงบทกวีที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความหมายหลายร้อยบท
วันหนึ่ง ขณะกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มาฟังการบรรยาย มีผู้หนึ่งที่อยากทราบถึงความลึกซึ้งของการเขียนบทกวีจีน จึงได้ถามท่านกวีว่า “ท่านเขียนบทกวีจีนได้อย่างไร?”
เขาเริ่มอธิบายว่า “บทกวีจีนทั่วไปมักจะประกอบด้วย 4 บรรทัด โดยมีลักษณะการจัดระเบียบที่ชัดเจนในแต่ละบรรทัด”
เขาอธิบายลำดับของบรรทัดในบทกวีจีนว่า บรรทัดแรกจะเป็นการเริ่มต้นเรื่องหรือแนะนำประเด็นหลัก บรรทัดที่สองจะต่อเนื่องจากประเด็นนั้น บรรทัดที่สามจะเริ่มเปลี่ยนหัวข้อจากประเด็นแรกไปสู่เรื่องใหม่ และบรรทัดที่สี่จะนำทั้งสามบรรทัดมารวมกันอย่างสมบูรณ์
กวีญี่ปุ่นผู้นี้กล่าวต่อไปว่า “บทกวีจีนที่นิยมในญี่ปุ่นมักมีรูปแบบแบบนี้ และบทเพลงญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมก็สามารถแสดงถึงรูปแบบนี้ได้อย่างดี ตัวอย่างเช่นเพลงที่กล่าวถึงสองสาวจากร้านขายไหมในเกียวโต…”
เขาเริ่มยกตัวอย่างของบทเพลงที่มีท่วงทำนองคล้ายบทกวีจีน:
“สองสาวของพ่อค้าย้ายไหมอาศัยอยู่ที่เกียวโต
คนโตอายุยี่สิบ ส่วนคนเล็กอายุสิบแปด
ทหารอาจฆ่าคนด้วยดาบของเขา
แต่สาวเหล่านี้ฆ่าผู้ชายด้วยสายตาของพวกเธอ”
บทเพลงนี้ไม่เพียงแสดงถึงความงามของการใช้คำที่เรียบง่าย แต่ยังสะท้อนถึงการสร้างความลึกซึ้งและการเชื่อมโยงที่มักเกิดขึ้นในบทกวีจีนที่ถูกนำมาปรับใช้ในบทเพลงญี่ปุ่น

หลังจากที่กวีญี่ปุ่นได้ยกตัวอย่างบทกวีจีนในรูปแบบของบทเพลง นักเรียนและผู้ฟังหลายคนเริ่มเข้าใจถึงการใช้รูปแบบที่มีระเบียบในบทกวีจีน
ซึ่งไม่ได้มีแค่ความงามของคำพูดเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงลักษณะการเชื่อมโยงและการสร้างความหมายที่ลึกซึ้งในแต่ละบรรทัด
การสร้างบทกวีในลักษณะนี้ไม่ใช่แค่การใช้คำเพื่อบอกเล่าเรื่องราว แต่ยังเป็นการบ่งบอกถึงความคิดและความรู้สึกในทุกๆ การเปลี่ยนแปลงของหัวข้อที่เกิดขึ้นในบทกวี
เมื่อเรื่องราวได้เปลี่ยนจากการพูดถึงสาวทั้งสองในเกียวโตไปสู่การเปรียบเทียบกับความรุนแรงของดาบ การเชื่อมโยงนี้ทำให้ผู้ฟังหรือนักอ่านสามารถสัมผัสถึงความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งระหว่างหัวข้อทั้งสองได้
กวีญี่ปุ่นผู้มีชื่อเสียงกล่าวว่า “การเรียนรู้วิธีการเขียนบทกวีจีนไม่ได้หมายถึงการจดจำรูปแบบเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจถึงลึกซึ้งของการเปลี่ยนแปลงในแต่ละบรรทัดและวิธีที่คำพูดสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกกล่าวด้วยคำพูดธรรมดาได้”
บทเพลงตัวอย่างที่ท่านยกขึ้นมาไม่เพียงแสดงถึงการใช้รูปแบบของบทกวีจีน แต่ยังสะท้อนถึงการนำคำพูดที่ดูธรรมดาเข้ามาใช้ในการแสดงออกถึงสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าภายนอก
สองสาวในเกียวโตไม่เพียงแค่เป็นตัวละครในบทเพลง แต่ยังเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในรูปแบบของบทกวีจีนที่เชื่อมโยงความคิดและความรู้สึกในตัวผู้แต่งและผู้ฟัง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การสร้างบทกวีที่ดีไม่ใช่แค่การเลือกใช้คำที่สวยงาม แต่คือการเข้าใจการเชื่อมโยงระหว่างแต่ละบรรทัดและการทำให้เรื่องราวสมบูรณ์ในที่สุด เช่นเดียวกับการฝึกฝนเซนที่ไม่ใช่แค่การเข้าใจหรือการตอบคำถามในชีวิต แต่คือการมีสติและความตระหนักในทุก ๆ ขณะ การตื่นรู้เกิดจากการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างลึกซึ้งและเต็มใจที่จะปล่อยวางสิ่งที่ไม่จำเป็นไป
กวีญี่ปุ่นได้แสดงให้เห็นว่า บทกวีที่กล่าวถึงสาวจากเกียวโตสื่อถึงความเข้าใจลึกซึ้งที่ไม่ได้มาจากการบอกเล่าโดยตรง แต่มาจากการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดในชีวิตเหมือนกับการฝึกเซน ที่ต้องการความละเอียดและความตระหนักในสิ่งที่ดูธรรมดา การฝึกเซนเช่นเดียวกับการเขียนบทกวีจีน ต้องการการเข้าใจลึกซึ้งที่ไม่ได้มาเพียงแค่การรับรู้ แต่คือการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวในทุกขณะ
อ่านต่อ: เรียนรู้บทเรียนความสงบและการปล่อยวางตามวิถีเซนพุทธกับนิทานเซนสนุก ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องวิธีเขียนบทกวีจีน (อังกฤษ: How to Write a Chinese Poem) มีที่มาจากการศึกษาของกวีญี่ปุ่น ผู้มีชื่อเสียงในยุคที่การเขียนบทกวีจีนได้รับอิทธิพลจากลัทธิจีนและวัฒนธรรมจีนที่มีการสืบทอดมายาวนานในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงเวลาของยุคเฮอัน (Heian period) และยุคคามาคุระ (Kamakura period) ในยุคนั้น บทกวีจีนเป็นที่นิยมในหมู่นักกวีญี่ปุ่นและได้รับอิทธิพลจากการใช้คำในลัทธิและการเขียนบทกวีในวัฒนธรรมจีนที่มีรูปแบบการเขียนที่ซับซ้อนและมีระเบียบแบบแผนอย่างชัดเจน
ในนิทานนี้ กวีญี่ปุ่นผู้มีชื่อเสียงอธิบายถึงการเขียนบทกวีจีนที่มีโครงสร้างสี่บรรทัด ซึ่งสะท้อนถึงวิธีการใช้คำและรูปแบบที่มีระเบียบในการสร้างความหมายลึกซึ้ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการสื่อสารในศิลปะการเขียนจีน
นิทานนี้สะท้อนถึงการนำหลักการจากวัฒนธรรมจีนมาปรับใช้ในญี่ปุ่น และการใช้คำอธิบายในรูปแบบที่ช่วยให้เข้าใจการเชื่อมโยงในบทกวีและการสร้างความลึกซึ้งจากการฝึกฝนและการรับรู้
คติธรรม: “การเข้าใจชีวิตไม่ใช่การหาคำตอบที่สมบูรณ์แบบ แต่คือการตระหนักถึงความหมายในทุกขณะและการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ รอบตัวให้สมบูรณ์ด้วยสติและการปล่อยวาง”