ปกนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน

นิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน

ในบางครั้ง การมีความตั้งใจที่ดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความคิดเหล่านั้นถูกนำไปใช้โดยขาดความเข้าใจในหลักการพื้นฐานของโลก

มีนิทานกริมม์เรื่องหนึ่งเล่าถึงเรื่องราวตลกขบขันของแคทเธอรีน หญิงสาวผู้เปี่ยมด้วยความซื่อ แต่กลับมีตรรกะที่ผิดเพี้ยนในการใช้ชีวิต ซึ่งนำพาสามีของนางเฟรเดอริก ไปสู่ความวุ่นวายสุดโต่งในการเดินทางตามล่าสมบัติที่หายไป กับนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งชื่อเฟรเดอริก และภรรยาของเขาชื่อแคทเธอรีน ซึ่งเพิ่งแต่งงานกันและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างหนุ่มสาว วันหนึ่ง เฟรเดอริกกล่าวกับภรรยาว่า “แคทเธอรีน วันนี้ข้าจะไปไถนา เมื่อข้ากลับมา เจ้าต้องเตรียมเนื้อย่างไว้สำหรับมื้ออาหาร และเบียร์สดไว้ดับกระหายด้วยนะ”

“ไปเถิด เฟรเดอริก ไปเถิด ข้าจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม” แคทเธอรีนตอบ

เมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวัน นางจึงนำไส้กรอกออกมาจากเตาผิง ใส่ลงในกระทะทอด ใส่เนยลงไปเล็กน้อย และตั้งไว้บนไฟ ไส้กรอกเริ่มส่งเสียงทอดฉู่ฉ่า แคทเธอรีนยืนถือหูกระทะและปล่อยใจให้คิดไปเรื่อยเปื่อย

ทันใดนั้น นางก็นึกขึ้นมาว่า “ขณะที่ไส้กรอกกำลังจะเสร็จนี่แหละ น่าจะลงไปห้องใต้ดินเพื่อรินเบียร์เตรียมไว้”

นางวางกระทะทอดไว้บนไฟอย่างมั่นคง คว้าเหยือกแล้วเดินลงไปในห้องใต้ดินเพื่อรินเบียร์ เบียร์ไหลลงในเหยือก และแคทเธอรีนก็เฝ้าดูมันไหล พลันก็คิดขึ้นมาได้ว่า “แย่แล้ว! สุนัขข้างบนไม่ได้ถูกผูกไว้ มันอาจจะคาบไส้กรอกออกจากกระทะไปก็ได้! นึกได้ทันเวลาพอดี!”

นางรีบวิ่งขึ้นบันไดห้องใต้ดินทันที แต่เจ้าหมาสปิตซ์ก็คาบไส้กรอกอยู่ในปากแล้ว และกำลังลากมันหนีไปตามพื้น แคทเธอรีนไม่รอช้า รีบออกวิ่งไล่ตามมันไปจนถึงกลางทุ่ง แต่สุนัขก็วิ่งเร็วกว่านางมาก และกระโดดข้ามรอยไถนาไปอย่างว่องไว

“สิ่งที่หายไปแล้วก็คือหายไปแล้ว!” แคทเธอรีนรำพึง แล้วหันหลังกลับ เมื่อนางวิ่งจนเหนื่อย นางก็เดินกลับบ้านอย่างสบายใจและค่อย ๆ คลายความร้อน

ในระหว่างนั้นเบียร์ก็ยังคงไหลออกจากถังไม่หยุด เพราะแคทเธอรีนลืมปิดก๊อก และเมื่อเหยือกเต็มแล้ว เบียร์ก็ไหลลงสู่พื้นห้องใต้ดินไม่หยุด จนกระทั่งเบียร์ทั้งถังหมดลง เมื่อแคทเธอรีนเดินมาถึงบันได นางก็เห็นความผิดพลาดนั้น

“คุณพระช่วย!” นางร้องลั่น “ข้าจะทำอย่างไรดีหนอ ไม่ให้เฟรเดอริกรู้เรื่องนี้!”

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็จำได้ว่าบนห้องใต้หลังคายังมีแป้งสาลีอย่างดี จากงานแฟร์ครั้งที่แล้วเหลืออยู่ นางจะต้องนำลงมาเทเพื่อซับเบียร์ที่น่วมพื้นเสีย

“ใช่แล้ว!” นางบอกตัวเอง “ผู้ที่เก็บออมสิ่งของไว้เมื่อมีโอกาส ก็จะได้ใช้ในยามที่ต้องการอย่างนี้แหละ!”

นางปีนขึ้นไปบนห้องใต้หลังคา แบกกระสอบแป้งลงมาข้างล่าง และโยนมันลงไปตรง ๆ ที่เหยือกเบียร์ ซึ่งทำให้นางทำเหยือกนั้นล้มคว่ำ และเบียร์ของเฟรเดอริกที่อยู่ในเหยือกก็ไหลลงไปรวมกับเบียร์ที่ท่วมห้องใต้ดินด้วย

“ไม่เป็นไร” แคทเธอรีนปลอบใจตัวเอง “ในเมื่อสิ่งหนึ่งอยู่ตรงไหน อีกสิ่งหนึ่งก็ควรอยู่ตรงนั้นด้วย”

นางจึงโรยแป้งสาลีลงไปทั่วห้องใต้ดิน เมื่อเสร็จแล้ว นางก็ดีใจกับผลงานของตนอย่างสุดซึ้ง และกล่าวว่า “ดูสิ! ที่นี่ดูสะอาดและถูกสุขลักษณะดีจริง ๆ!”

เมื่อถึงเวลาเที่ยง เฟรเดอริกก็กลับมาถึงบ้าน “ภรรยาจ๋า วันนี้เจ้าเตรียมอะไรไว้ให้ข้าบ้าง?”

“โธ่ เฟรดดี้” นางตอบ “ข้ากำลังทอดไส้กรอกให้ท่าน แต่ขณะที่ข้าลงไปรินเบียร์ สุนัขก็คาบไส้กรอกไปจากกระทะ และขณะที่ข้าวิ่งไล่ตามสุนัข เบียร์ทั้งหมดก็ไหลออกมาจากถัง และขณะที่ข้ากำลังใช้แป้งซับเบียร์ ข้าก็ทำเหยือกเบียร์ล้มคว่ำอีก แต่ท่านไม่ต้องกังวล ห้องใต้ดินแห้งสนิทดีแล้ว”

เฟรเดอริกกล่าวด้วยความผิดหวัง “แคทเธอรีน แคทเธอรีน! เธอไม่ควรทำเช่นนั้นเลย! ปล่อยให้ไส้กรอกถูกคาบไป ปล่อยให้เบียร์ไหลออกจากถัง และแถมยังต้องโยนแป้งทั้งหมดของเราทิ้งไปอีก!”

“จริง ๆ นะ เฟรเดอริก ข้าไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ท่านควรบอกข้าก่อนสิ” นางตอบอย่างใสซื่อ

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน 2

เฟรเดอริกคิดในใจว่า “ถ้าภรรยาข้าเป็นแบบนี้ ข้าคงต้องดูแลข้าวของให้ดีกว่านี้แล้ว” เขาจึงรวบรวมเงินเก็บทั้งหมดที่มีไปแลกเป็นทองคำ

แล้วกลับมาบอกแคทเธอรีนว่า “ดูนี่ แคทเธอรีน สิ่งเหล่านี้คือเบี้ยสำหรับเล่นเกม ข้าจะนำมันไปใส่ในหม้อและฝังไว้ในคอกม้า ใต้รางอาหารวัว เจ้าอย่าเข้าไปยุ่งกับมันเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องเดือดร้อน”

“โอ๊ย ไม่หรอก เฟรเดอริก ข้าจะไม่เข้าไปที่นั่นแน่นอน” นางรับปาก

เมื่อเฟรเดอริกจากไป พ่อค้าเร่ขายเครื่องปั้นดินเผาและชามราคาถูกก็เข้ามาในหมู่บ้าน พวกเขาถามแคทเธอรีนว่าอยากจะซื้ออะไรแลกเปลี่ยนหรือไม่

“โอ๊ย พ่อค้าทั้งหลาย” แคทเธอรีนกล่าว “ข้าไม่มีเงินเลย ข้าซื้ออะไรไม่ได้ แต่ถ้าท่านสนใจเบี้ยสีเหลือง ข้าจะแลกเปลี่ยนกับท่าน”

“เบี้ยสีเหลืองรึ? ได้สิ! แต่ขอเราดูหน่อย” พ่อค้าตอบ

“ท่านจงเข้าไปในคอกม้าและขุดใต้รางอาหารวัว แล้วท่านจะพบเบี้ยสีเหลืองเหล่านั้น ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่นั่น”

พวกพ่อค้าโจรจึงเดินเข้าไป ขุดและพบทองคำบริสุทธิ์ พวกเขารีบคว้าทองหนีไปทันที โดยทิ้งหม้อและชามดินเผาไว้ให้ แคทเธอรีนคิดว่านางจะต้องใช้ของใหม่เหล่านี้ และเนื่องจากนางไม่มีที่วางในครัวแล้ว นางจึงทุบก้นหม้อทุกใบออก แล้วนำไปประดับประดาไว้บนรั้วไม้ รอบ ๆ บ้าน

เมื่อเฟรเดอริกกลับมาเห็นเครื่องประดับใหม่ ก็ถามภรรยาว่า “แคทเธอรีน เธอทำอะไรลงไปน่ะ?”

“ข้าซื้อมันมาค่ะ เฟรเดอริก โดยใช้เบี้ยที่อยู่ใต้รางอาหารวัว ข้าไม่ได้เข้าไปขุดเองนะ พวกพ่อค้าเร่ต้องขุดเอาเอง” แคทเธอรีนตอบอย่างซื่อ ๆ

“โอ้ ภรรยาเอ๋ย” เฟรเดอริกอุทาน “เจ้าทำอะไรลงไป! นั่นไม่ใช่เบี้ย แต่มันคือทองคำบริสุทธิ์ มันคือความมั่งคั่งทั้งหมดของเรา! เจ้าไม่ควรทำเช่นนั้นเลย!”

“จริง ๆ นะ เฟรเดอริก” นางตอบ “ข้าไม่รู้เลย ท่านควรเตือนข้าก่อนสิ”

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน 3

แคทเธอรีนใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาเฟรเดอริกแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ฟังนะ เฟรเดอริก! เราจะตามเอาทองกลับมาเดี๋ยวนี้แหละ! เราจะวิ่งไล่ตามพวกขโมยไป” เฟรเดอริกเห็นด้วยที่จะลองดู แต่กำชับให้นางนำอาหารติดตัวไปด้วย โดยเฉพาะเนยและชีส

“ได้เลย เฟรเดอริก ข้าจะนำไปด้วย” นางรับปาก

ทั้งสองออกเดินทาง โดยเฟรเดอริกเดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว ส่วนแคทเธอรีนเดินตามหลังอย่างเชื่องช้า นางคิดอย่างมีตรรกะแปลก ๆ ว่า “ก็ดีสำหรับข้า เวลาเราเดินกลับ ข้าจะได้อยู่ข้างหน้าบ้าง”

เมื่อมาถึงเนินเขาที่มีรอยล้อรถลึกเป็นทาง นางก็รำพึงด้วยความสงสารว่า “ดูสิ! พื้นดินผู้น่าสงสารนี้ถูกล้อรถฉีกและทำร้ายจนบาดเจ็บ คงไม่มีวันหายดีอีกแล้ว!”

ด้วยความเมตตา นางจึงหยิบเนย ที่นำมาและทาตามรอยล้อรถ ทั้งสองข้างจนหมด เพื่อให้ถนนไม่เจ็บปวดจากล้อรถอีก ขณะที่นางก้มลงทำความดีงามนั้นเองชีสก้อนหนึ่ง ก็กลิ้งออกจากกระเป๋าของนางลงไปตามเนินเขา

“ข้าเดินขึ้นมาถึงนี่ได้ครั้งหนึ่งแล้ว ข้าจะไม่เดินลงไปอีกหรอก!” นางประกาศ “ให้ตัวอื่นวิ่งตามไปเอาเองเถอะ!”

นางหยิบชีสก้อนที่สอง และกลิ้งมันลงไป แต่ชีสก็ไม่กลับมา

นางจึงปล่อยให้ก้อนที่สาม กลิ้งลงไป โดยคิดอย่างซื่อ ๆ ว่า “บางทีพวกมันคงรอเพื่อนและไม่กล้าเดินคนเดียว” เมื่อชีสทั้งสามก้อนยังคงเงียบหาย

นางก็พูดอย่างฉุนเฉียวว่า “ข้าไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร บางทีก้อนที่สามอาจจะหาทางไม่เจอ ข้าจะส่ง ก้อนที่สี่ ลงไปตามมัน!”

แต่ก้อนที่สี่ก็ไม่ได้กลับมาดีกว่าก้อนที่สามเลย แคทเธอรีนจึงโกรธ และโยนก้อนที่ห้าและหก ลงไปอีก ซึ่งเป็นก้อนสุดท้ายของนาง

นางยืนรอจนเหนื่อยอ่อน แต่เมื่อพวกมันยังคงไม่กลับมา นางก็กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “โอ๊ย! ช่างเป็นเพื่อนที่ดีที่ส่งไปตามหาความตายเสียจริง! พากันหายไปนานเชียว! ข้าจะไปตามทางของข้าแล้ว พวกเจ้าอยากวิ่งตามมาก็วิ่งมา พวกเจ้ามีขาที่อ่อนเยาว์กว่าข้า”

แคทเธอรีนเดินตามไปทันเฟรเดอริกซึ่งกำลังยืนรอด้วยความหิว “เอาล่ะ แคทเธอรีน นำสิ่งที่เจ้าเอามาให้ข้ากินหน่อย” เขาขอ นางยื่นขนมปังแห้งให้เขา “เนยกับชีสของเจ้าอยู่ไหน?” ชายหนุ่มถาม

แคทเธอรีนตอบว่า “โธ่ เฟรดดี้ ข้าทาเนยไว้ที่รอยล้อรถแล้ว ส่วนชีสจะตามมาในไม่ช้านี้แหละ ก้อนหนึ่งกลิ้งหนีข้าไป ข้าเลยส่งก้อนที่เหลือตามลงไปตามมัน”

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน 4

“แคทเธอรีน!” เฟรเดอริกอุทาน “เจ้าไม่ควรทำเช่นนั้นเลย! เอาเนยไปทาถนน แล้วปล่อยให้ชีสกลิ้งลงเนินเขาไป!”

“จริง ๆ นะ เฟรเดอริก” นางตอบกลับ “ท่านควรบอกข้าก่อนสิ”

จากนั้นพวกเขาก็กินขนมปังแห้งด้วยกัน เฟรเดอริกก็ถามถึงความปลอดภัยของบ้าน “แคทเธอรีน ตอนเจ้าออกมาจากบ้าน เจ้าล็อคบ้านดีแล้วใช่ไหม?”

“ไม่ เฟรเดอริก ท่านควรบอกข้าให้ทำเช่นนั้นก่อนสิ”

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงกลับไปล็อคบ้านเสีย แล้วนำอาหารมาเพิ่มด้วย ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่” แคทเธอรีนกลับไปที่บ้าน เธอคิดว่า “เฟรเดอริกคงไม่ชอบเนยกับชีส ดังนั้นข้าจะนำผ้าเช็ดหน้าบรรจุลูกแพร์แห้งและเหยือกน้ำส้มสายชู ไปให้เขา”

จากนั้น นางก็ปิดกลอนประตูบานบน อย่างแน่นหนา แต่ถอดประตูบานล่าง ออกจากบานพับ แล้วแบกมันไว้บนหลัง โดยเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า การนำประตูมาด้วยถือเป็นการ “ดูแลความปลอดภัยของบ้าน”

แคทเธอรีนใช้เวลาเดินทางเนิ่นนาน เมื่อนางมาถึง เธอก็กล่าวอย่างภูมิใจว่า “นี่คือประตูบ้านให้ท่าน เฟรเดอริก ทีนี้ท่านดูแลบ้านเองได้เลย”

“โอ้ สวรรค์” เฟรเดอริกถอนหายใจ “ข้ามีภรรยาที่ฉลาดเหลือเกิน! นางถอดประตูบานล่างออกเพื่อให้ทุกอย่างวิ่งเข้าไปในบ้านได้ แล้วกลับไปลงกลอนประตูบานบนไว้! ตอนนี้สายเกินไปที่จะกลับบ้านแล้ว แต่ในเมื่อเจ้าแบกประตูมาถึงนี่ เจ้าก็ต้องแบกมันต่อไป”

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน 5

ทั้งสองเดินเข้าสู่ป่าเพื่อตามหาโจร แต่ก็ไม่พบ เมื่อเริ่มมืดลง พวกเขาตัดสินใจปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อพักค้างคืน ทันทีที่พวกเขาขึ้นไปนั่งด้านบน พวกโจรก็เดินมาถึงและนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นเดียวกันนั้น พวกเขาจุดไฟและกำลังจะแบ่งปันสมบัติ

เฟรเดอริกเก็บก้อนหินและพยายามจะปาใสพวกพ่อค้าโจร แต่หินไม่โดนใครเลย พวกโจรจึงพูดว่า “เดี๋ยวก็เช้าแล้ว ลมคงพัดลูกสนร่วงลงมา”

แคทเธอรีนยังคงรู้สึกหนักประตู จึงคิดว่าเป็นความผิดของลูกแพร์แห้ง นางพูดว่า “เฟรเดอริก ข้าต้องโยนลูกแพร์ลงไปแล้ว มันหนักหลังข้ามากเหลือเกิน” เฟรเดอริกห้าม “ไม่ได้ แคทเธอรีน อย่าเพิ่งทำ มันอาจจะเปิดเผยตัวเรา” แต่แคทเธอรีนไม่สนใจ นางทนไม่ไหวจึงโยนลูกแพร์แห้งลงไป โจรที่อยู่ข้างล่างพูดว่า “ใบไม้กำลังร่วงลงมา”

ไม่นานนัก เมื่อประตูก็ยังคงหนักอยู่ แคทเธอรีนก็พูดอีกว่า “อ้า เฟรเดอริก ข้าต้องเทน้ำส้มสายชูทิ้งแล้ว” เฟรเดอริกห้ามอีกครั้ง แต่แคทเธอรีนก็ยังเทน้ำส้มสายชูออก ซึ่งกระเซ็นถูกพวกโจร พวกเขาพูดกันว่า “น้ำค้างเริ่มลงแล้ว”

ในที่สุด แคทเธอรีนก็ทนความหนักของประตูไม่ไหว นางยื่นคำขาด “เฟรเดอริก! ข้าต้องโยนประตูทิ้งแล้ว!” เฟรเดอริกร้องห้ามสุดเสียง “โอ๊ย ไม่นะ แคทเธอรีน! จงจับมันไว้ให้แน่น!”

“อ้า เฟรเดอริก ข้าปล่อยมันแล้วนะ!” นางกล่าว แล้วประตูก็ร่วงลงไปพร้อมกับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พวกโจรที่อยู่ข้างล่างร้องลั่นว่า “ปีศาจกำลังลงมาจากต้นไม้!” พวกเขาตกใจวิ่งหนีไปทันที และทิ้งทองคำทั้งหมดไว้เบื้องหลัง

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองลงมาจากต้นไม้ พบทองคำที่หายไปทั้งหมด และนำมันกลับบ้านอย่างมีความสุข

เมื่อกลับถึงบ้าน เฟรเดอริกกำชับว่า “เอาล่ะ แคทเธอรีน ตอนนี้เจ้าต้องขยันและทำงานบ้างแล้ว” “ได้เลย เฟรเดอริก ข้าจะไปที่ทุ่งนาเพื่อตัดข้าว” นางตอบ

เมื่อแคทเธอรีนไปถึงทุ่งนา นางกินจนอิ่มและหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมา นางก็ตัดเสื้อผ้าของตัวเองขาดเป็นชิ้น ๆ ในความฝัน เมื่อลืมตาขึ้นและเห็นตัวเองเกือบเปลือย นางก็พูดว่า “นี่ข้า หรือไม่ใช่ข้า? อนิจจา! นี่ไม่ใช่ข้าแน่นอน”

ในตอนกลางคืน แคทเธอรีนวิ่งกลับเข้าหมู่บ้าน เคาะหน้าต่างบ้านสามี แล้วร้องถาม “เฟรเดอริก ข้าอยากรู้ว่าแคทเธอรีนอยู่ข้างในไหม?” เฟรเดอริกตอบว่าอยู่และคงหลับแล้ว

“ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้น ข้าก็กลับถึงบ้านแล้วอย่างแน่นอน” นางจึงวิ่งจากไปอย่างสบายใจ

ข้างนอกบ้าน แคทเธอรีนพบกับโจรกลุ่มใหม่ ที่กำลังวางแผนจะขโมย นางเดินเข้าไปหาพวกเขาอย่างเปิดเผย แล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ข้าจะช่วยพวกท่านขโมย!” พวกโจรคิดว่านางคงรู้เรื่องราวในหมู่บ้านเป็นอย่างดีจึงยอมรับ แคทเธอรีนเดินนำหน้าไปอย่างมั่นใจ จากนั้นก็เริ่มตะโกนเสียงดังหน้าบ้านแต่ละหลัง “ชาวบ้าน! พวกท่านมีอะไรบ้างไหม? เราต้องการขโมย!”

พวกโจรคิดในใจว่า “นี่มันวิธีการขโมยที่บ้าบอที่สุดที่เราเคยเห็นมา!” และรีบพากันหาทางกำจัดแคทเธอรีนให้พ้นไปจากพวกเขา พวกเขาจึงบอกนางว่า “นอกหมู่บ้านบาทหลวงมีหัวผักกาดอยู่ในทุ่ง เจ้าจงไปถอนหัวผักกาดมาให้พวกเรา”

แคทเธอรีนไปถึงทุ่ง และเริ่มถอนมันขึ้นมา แต่ด้วยความขี้เกียจ นางจึงไม่ยอมเก็บมันรวมกัน ปล่อยให้หัวผักกาดกระจัดกระจายเต็มไปหมด จากนั้นมีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เห็นร่างของนางยืนทำงานอยู่ในความมืดก็ยืนนิ่ง เขาคิดอย่างตกใจว่านี่ต้องเป็นปีศาจ ที่กำลังถอนหัวผักกาดอยู่ในไร่

เขาไม่รอช้า วิ่งกลับไปหาบาทหลวงในหมู่บ้าน แล้วกล่าวอย่างตื่นตระหนก “ท่านบาทหลวง! ปีศาจอยู่ในไร่หัวผักกาดของท่าน มันกำลังถอนหัวผักกาดอยู่!”

“โอ้ สวรรค์!” บาทหลวงตอบ “ขาข้าพิการ ข้าออกไปขับไล่มันไม่ได้หรอก!”

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะแบกท่านไปเอง!” ชายคนนั้นกล่าว และแบกบาทหลวงที่ขาพิการออกไป เมื่อพวกเขามาถึงไร่ แคทเธอรีนก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงในสภาพเกือบเปลือย

“อ้า! ปีศาจ!” บาทหลวงร้องลั่น

ทั้งสองรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจกลัวอย่างที่สุด บาทหลวงที่ขาพิการกลับวิ่งได้เร็วกว่าชายที่แบกเขามาซึ่งขาดีกว่าเสียอีก ทั้งหมดก็เป็นเพราะความไร้เดียงสาและความไม่รู้ของแคทเธอรีน ทำให้ทุกคนในเรื่องต่างวิ่งหนีจากความวุ่นวายที่นางก่อขึ้น

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน 6

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การขาดสามัญสำนึกและความไร้สติอย่างสิ้นเชิงสามารถนำมาซึ่งความวุ่นวายได้ในทุกสถานการณ์ แม้แต่การทำสิ่งที่ตั้งใจให้เป็น ‘ความดี’ ก็อาจกลายเป็นการทำลายตนเองและผู้อื่นได้

การเชื่อฟังอย่างซื่อ ๆ โดยปราศจากการคิดไตร่ตรอง (เช่น การแบกประตู การทาเนยบนถนน) เป็นอันตรายยิ่งกว่าการไม่เชื่อฟังเสียอีก และบทเรียนที่ตัวละครอย่างแคทเธอรีน มักกล่าวว่า “ท่านควรบอกข้าก่อนสิ” ชี้ให้เห็นว่าการให้ความรู้หรือคำแนะนำที่ดีก็ไม่เป็นผล หากผู้รับขาดความสามารถในการเชื่อมโยงเหตุผลหรือใช้ตรรกะพื้นฐาน

นิทานนี้สอนให้เราเรียนรู้ที่จะใช้สติปัญญาและวิจารณญาณในการดำเนินชีวิต มิฉะนั้นผลที่ตามมาคือความสูญเสียทรัพย์สิน และความวุ่นวายที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนรอบข้างครับ

อ่านต่อ: คอลเลกชันนิทานกริมม์อ่านสนุกเพลิดเพลินได้ข้อคิดดี ๆ อ่านได้ทุกวัย ที่นี่ taleZZZ.com

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานกริมม์เรื่องเฟรเดอริกและแคทเธอรีน (อังกฤษ: Frederick and Catherine) นิทานเรื่องนี้มาจากคอลเลกชันนิทานของพี่น้องกริมม์ (Grimm’s Fairy Tales) อยู่ในลำดับที่ 059 KHM

โครงเรื่องจัดอยู่ในกลุ่มนิทานประเภท “นิทานตลกโง่เขลา” (Noodlehead Tale ซึ่งแก่นเรื่องคือการนำเสนอเรื่องราวของตัวละครที่มีความคิดและการกระทำซื่อ ๆ แต่ขาดสามัญสำนึกและตรรกะในการใช้ชีวิตประจำวัน

นิทานนี้มักถูกนำมาเปรียบเทียบกับนิทานตลกเรื่องอื่น ๆ ที่มีตัวละครหญิงที่ทำเรื่องผิดพลาดด้วยเจตนาดี แต่กลับนำมาซึ่งหายนะและสถานการณ์ที่ไร้สาระอย่างต่อเนื่องในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

คติธรรม: “ความพยายามโดยปราศจากสามัญสำนึกและตรรกะ มักก่อให้เกิดความเสียหายยิ่งกว่าการไม่ได้ทำสิ่งใดเลย”