ในโลกแห่งเทพนิยายอันมืดมิดและเต็มไปด้วยมนตร์ดำ พ่อมดผู้ชั่วร้ายมักจะซ่อนตัวอยู่ในคราบของความอ่อนน้อมเพื่อหลอกล่อเหยื่อ
มีนิทานกริมม์เรื่องหนึ่งเล่าถึงความรอดอันปาฏิหาริย์และกลอุบายอันชาญฉลาดของบุตรสาวคนเล็ก ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับความลับอันน่าสะพรึงกลัวและบททดสอบที่เดิมพันด้วยชีวิต กับนิทานกริมม์เรื่องนกของฟิตเชอร์

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องนกของฟิตเชอร์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ชานเมืองแห่งหนึ่ง มีชายผู้หนึ่งที่มีบุตรสาวที่น่ารักถึงสามคน พ่อมดชั่วร้ายได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น
เขาชอบแปลงกายเป็นขอทานที่น่าสงสารและอ่อนแอ แบกตะกร้าเก่า ๆ ไว้บนหลัง ทำทีเป็นขออาหารเพื่อหวังจะล่อลวงจับตัวหญิงสาวสวย ๆ ไปอย่างลับ ๆ โดยที่ไม่มีใครเคยได้เห็นหญิงสาวเหล่านั้นกลับมาอีกเลย
วันหนึ่ง พ่อมดผู้นั้นในคราบขอทานก็มายืนอยู่หน้าประตูบ้านของบุตรสาวทั้งสามคน เขาเอ่ยขออาหารด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและน่าสงสารบุตรสาวคนโต เป็นคนใจดี เธอจึงรีบออกมาพร้อมกับขนมปังชิ้นหนึ่ง
เมื่อเธอกำลังจะยื่นให้ ขอทานผู้นั้นทำเพียงแค่สัมผัส ที่แขนของเธอเบา ๆ ทันใดนั้น ร่างของบุตรสาวคนโตก็ถูกพลังลึกลับบางอย่างบีบให้กระโดดเข้าไปในตะกร้าบนหลังของเขาอย่างต้านทานไม่ได้!
พ่อมดรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วด้วยฝีเท้าที่ยาวและทรงพลัง นำบุตรสาวคนโตลึกเข้าไปในป่าทึบจนกระทั่งถึงบ้านของเขา บ้านหลังนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวแต่กลับโอ่อ่าหรูหราอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกสิ่งในบ้านเป็นประกายด้วยทองคำและอัญมณี
พ่อมดพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อยว่า “ที่รักของข้า เจ้าจะมีความสุขกับข้าอย่างแน่นอน เพราะเจ้าได้ทุกอย่างที่ใจปรารถนา”
ชีวิตอันหรูหราดำเนินไปได้เพียงไม่กี่วัน พ่อมดก็ประกาศว่าเขาต้องออกเดินทางชั่วคราว เขาจึงยื่นพวงกุญแจทั้งพวงให้กับเธอ และกล่าวเน้นย้ำว่า “กุญแจเหล่านี้ไขได้ทุกห้องในบ้าน เจ้าจะสำรวจส่วนไหนก็ได้ตามใจ ยกเว้นห้องเดียวเท่านั้นที่ต้องใช้กุญแจดอกเล็กที่สุดนี้ไข ข้าขอห้ามเจ้าอย่างเด็ดขาด หากเจ้าฝ่าฝืน โทษคือความตาย!”
นอกจากนี้ เขายังมอบไข่ ใบหนึ่งให้เธอ และกำชับว่า “จงพกไข่ใบนี้ติดตัวไว้และเก็บรักษาให้ดี เพราะหากมันหายไปหรือมีอันตราย จะนำมาซึ่งหายนะใหญ่หลวง!”
บุตรสาวคนโตรับกุญแจและไข่มา เธอให้คำมั่นว่าจะเชื่อฟังทุกประการ
ทันทีที่พ่อมดจากไป ความตื่นเต้นก็เข้าครอบงำหญิงสาว เธอเดินสำรวจบ้านตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงชั้นบน ห้องต่าง ๆ ส่องแสงระยิบระยับราวกับพระราชวัง ทำให้เธอรู้สึกราวกับความฝัน
ในที่สุด เธอก็มาถึงประตูห้องต้องห้าม เธอพยายามจะเดินผ่านไป แต่ความอยากรู้อยากเห็น ได้กลืนกินความกลัวของเธอจนหมดสิ้น เธอหยิบกุญแจดอกเล็กขึ้นมา พินิจดู แล้วตัดสินใจสอดมันเข้าไปในรูกุญแจ เมื่อบิดกุญแจเบา ๆ ประตูก็เปิดออก!
แต่เมื่อเธอก้าวเข้าไป สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทำให้เธอต้องกรีดร้องอย่างสุดเสียง! อ่างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือดสด ๆ ตั้งอยู่กลางห้อง ภายในมีซากมนุษย์ที่ถูกหั่นเป็นชิ้นส่วนลอยอยู่ ถัดไปเป็นแท่นไม้สำหรับตัดศีรษะ และมีขวานเงาวับวางอยู่ด้านบน
ความตกใจทำให้มือของเธอสั่นสะท้าน ไข่ที่เธอถืออยู่ก็หลุดมือตกลงไปในอ่างเลือด!
หญิงสาวรีบคว้าไข่ขึ้นมาและพยายามล้างคราบเลือดออกอย่างสุดชีวิต เธอถูและขัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มันก็ไร้ผล เลือดกลับมาปรากฏเป็นจุดสีแดงเข้มบนเปลือกไข่ทุกครั้ง ไม่ว่าเธอจะพยายามทำความสะอาดอย่างไร คราบเลือดแห่งความผิดก็ฝังแน่นอยู่บนไข่ใบนั้น
ไม่นานนัก พ่อมดก็เดินทางกลับมา สิ่งแรกที่เขาถามหาคือกุญแจและไข่ เธอส่งมอบให้เขาอย่างสั่นเทา พ่อมดรับไข่มาดูและเห็นรอยสีแดงฉานทันที
“ในเมื่อเจ้าเข้าไปในห้องนั้นโดยขัดคำสั่งของข้า” พ่อมดพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “เจ้าจะต้องกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้งโดยขัดต่อความต้องการของเจ้าเอง ชีวิตของเจ้าได้สิ้นสุดลงแล้ว!”
เขาทุ่มเธอลงกับพื้น ลากเธอด้วยเส้นผมไปยังห้องต้องห้าม ตัดศีรษะเธอด้วยขวานบนแท่นไม้ แล้วหั่นร่างเป็นชิ้น ๆ โยนลงไปในอ่างเลือดรวมกับศพอื่น ๆ จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปเพื่อตามหาบุตรสาวคนที่สอง และเธอก็ประสบชะตากรรมเดียวกันอย่างน่าเศร้า เมื่อความอยากรู้อยากเห็นนำเธอไปสู่ห้องต้องห้ามและไข่ที่เปื้อนเลือด
เมื่อพ่อมดกลับไปบ้านของสามพี่น้องอีกครั้ง และพาบุตรสาวคนที่สาม กลับมายังบ้านในป่า เธอได้รับกุญแจและไข่เช่นเดียวกับพี่สาวทั้งสอง แต่เธอนั้นฉลาดหลักแหลมและมีสติมากกว่า เมื่อพ่อมดจากไป เธอยังไม่ได้ทันสำรวจบ้าน เธอก็นำไข่ ไปซ่อนไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดก่อนเป็นอย่างแรก

จากนั้นเธอจึงเริ่มสำรวจบ้าน และสุดท้ายก็มาถึงประตูห้องต้องห้าม เธอใช้กุญแจดอกเล็กเปิดมันเข้าไป และสิ่งที่เธอเห็นทำให้ใจสลาย พี่สาวทั้งสองคนนอนอยู่ในอ่างเลือด ถูกสังหารและหั่นเป็นชิ้นอย่างโหดเหี้ยม
แต่แทนที่จะกรีดร้องและปล่อยให้ความหวาดกลัวเข้าครอบงำ บุตรสาวคนที่สามกลับตั้งสติ เธอกลั้นน้ำตาและเริ่มลงมือปฏิบัติการอันน่าอัศจรรย์ เธอค่อย ๆ รวบรวมชิ้นส่วนร่างกายของพี่สาวแต่ละคน ทั้งศีรษะ ลำตัว แขน และขา จัดวางให้เข้าที่อย่างระมัดระวัง
เมื่อชิ้นส่วนทุกอย่างครบถ้วนและถูกจัดเรียงอย่างถูกต้อง อัศจรรย์ก็บังเกิด! ชิ้นส่วนเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนไหวและเชื่อมต่อเข้าหากัน ร่างของพี่สาวทั้งสองก็ขยับ ลืมตาขึ้น และกลับมามีชีวิตอีกครั้ง! ทั้งสามโอบกอดกันด้วยความยินดีและซาบซึ้งในปาฏิหาริย์แห่งความรักของครอบครัว
เมื่อพ่อมดกลับมา สิ่งแรกที่เขาถามหาก็ยังคงเป็นกุญแจและไข่ บุตรสาวคนที่สามยื่นไข่ที่สะอาดบริสุทธิ์ให้แก่เขา เมื่อไม่เห็นร่องรอยของเลือดแม้แต่น้อย พ่อมดจึงกล่าวด้วยความพึงพอใจว่า “เจ้าผ่านบททดสอบแล้ว เจ้าจะได้เป็นเจ้าสาวของข้า!”
ทันทีที่เขากล่าวคำนั้น อำนาจของพ่อมดที่เหนือหญิงสาวก็สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์ พ่อมดถูกบังคับให้ทำตามที่เธอบอกทุกอย่าง บุตรสาวคนที่สามฉวยโอกาสไว้ทันที “ดีเลย! ก่อนอื่น ท่านจะต้องนำ ตะกร้าที่เต็มไปด้วยทองคำ กลับไปมอบให้พ่อแม่ของข้า เจ้าต้องแบกมันด้วยหลังของท่านเอง ส่วนข้าจะเตรียมงานแต่งงานรออยู่ที่นี่”
เธอกลับไปหาพี่สาวที่ซ่อนอยู่ในห้องเล็ก ๆ แล้วกระซิบบอกแผนการ “โอกาสที่จะช่วยพวกเราทุกคนมาถึงแล้ว เจ้าพ่อมดจะต้องแบกพวกพี่กลับไปเอง แต่ทันทีที่ถึงบ้าน จงรีบส่งคนมาช่วยข้า!”
เธอจับพี่สาวทั้งสองยัดลงในตะกร้า แล้วใช้ทองคำจำนวนมากปิดทับพวกเธอไว้จนไม่เหลือช่องว่าง จากนั้นเธอก็เรียกพ่อมดเข้ามา “ท่านจงแบกตะกร้านี้ไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะเฝ้าดูเจ้าผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ นี้ ว่าท่านหยุดพักระหว่างทางหรือไม่!”
พ่อมดยกตะกร้าทองคำขึ้นหลังแล้วเริ่มออกเดิน แต่มันหนักอึ้งจนเหงื่อไคลไหลอาบใบหน้า เมื่อเดินทางไปได้สักพัก เขาเริ่มทนไม่ไหวและพยายามจะนั่งพัก แต่ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังมาจากตะกร้า “ข้ามองเห็นนะผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ว่าท่านกำลังพักอยู่! จงเดินต่อไปเดี๋ยวนี้!”
เขาเข้าใจว่านั่นคือเสียงของเจ้าสาวของเขา จึงต้องรีบลุกขึ้นเดินต่อ แม้ว่าจะพยายามจะหยุดพักอีกกี่ครั้ง เสียงเดิมก็จะดังขึ้นมาห้ามไว้ทุกครั้ง พ่อมดจำต้องเดินต่อไปอย่างทุลักทุเลและหอบหายใจ จนในที่สุดก็สามารถนำตะกร้าทองคำ (และพี่สาวทั้งสอง) ไปถึงบ้านของพ่อแม่หญิงสาวได้สำเร็จ
ขณะเดียวกันที่บ้านในป่า เจ้าสาวผู้มีไหวพริบก็เตรียมการฉลองงานแต่งงานและส่งคำเชิญไปยังเพื่อนและพรรคพวกของพ่อมดอย่างมากมาย จากนั้นเธอก็นำกะโหลกศีรษะที่มีฟันแสยะยิ้ม มาตกแต่งด้วยเครื่องประดับและพวงมาลัยดอกไม้ แล้วนำไปวางไว้ที่หน้าต่างห้องใต้หลังคา ทำให้ดูเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองลงมาอยู่
เมื่อทุกอย่างพร้อม เธอลงไปที่ห้องใต้ดินคลุกตัวในถังน้ำผึ้ง จนเหนียวหนึบไปทั้งร่าง จากนั้นก็ฉีกที่นอนขนห่านออกและกลิ้งตัว จนกระทั่งขนห่านเกาะติดตัวเธอแน่น เธอจึงดูเหมือน “นกประหลาดที่น่าอัศจรรย์” ที่ไม่มีใครสามารถจำได้ว่าคือเจ้าสาว และเดินออกจากบ้านไป

ระหว่างทาง เธอได้พบกับแขกในงานแต่งงานที่กำลังเดินทางมาถึง เมื่อพวกเขาเห็นนกประหลาด พวกเขาจึงเอ่ยถาม
“โอ้ เจ้า นก เจ้ามาจากไหน?” แขกในงานถาม
“ฉันเป็นนกมาจากบ้านของฟิตเชอร์ ใกล้ ๆ นี่เอง” นกตอบ
“แล้วเจ้าสาวกำลังทำอะไรอยู่หรือ?” เหล่าแขกถามอีกครั้ง
“เธอกวาดบ้านสะอาดตั้งแต่ห้องใต้ดินจนถึงห้องใต้หลังคา, และข้าว่าตอนนี้เธอกำลังแอบมองอยู่ที่หน้าต่าง” เจ้าสาวในร่างนกตอบ
ในที่สุด เธอก็ได้พบกับเจ้าบ่าวผู้ที่กำลังเดินกลับมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เขาก็ถามคำถามเดียวกัน
“เจ้านก!! เจ้ามาจากไหน?” พ่อมดถาม
“ฉันมาจากบ้านของฟิตเชอร์ ใกล้ ๆ นี่เอง” นกตอบ
“แล้วเจ้าสาวกำลังทำอะไรอยู่หรือ?” พ่อมดถามอีกครั้ง
“เธอกวาดบ้านสะอาดตั้งแต่ห้องใต้ดินจนถึงห้องใต้หลังคา, และข้าว่าตอนนี้เธอกำลังแอบมองอยู่ที่หน้าต่าง” เจ้าสาวในร่างนกตอบกลับพ่อมด
พ่อมดเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นกะโหลกศีรษะที่ประดับประดาอยู่หน้าต่าง เขานึกว่านั่นคือเจ้าสาวของตน จึงพยักหน้าให้และทักทายอย่างอารมณ์ดี
เมื่อพ่อมดและแขกทั้งหมดเข้าไปในบ้านเหล่าพี่ชายและญาติ ๆ ของเจ้าสาว ที่ถูกส่งมาช่วยเหลือตามคำขอของพี่สาวที่หนีไปก่อนหน้านี้ ก็เดินทางมาถึง พวกเขารีบล็อกประตูทุกบาน ของบ้านทันทีเพื่อไม่ให้ใครหลบหนีไปได้ จากนั้นก็จุดไฟเผาบ้าน อย่างรุนแรง พ่อมดและพรรคพวกชั่วร้ายทั้งหมดจึงถูกไฟคลอกตายในกองเพลิงนั้น
นับเป็นการสิ้นสุดของความชั่วร้าย และบุตรสาวคนที่สามได้ใช้ไหวพริบอันชาญฉลาดช่วยชีวิตพี่สาวและลงโทษพ่อมดได้อย่างสมบูรณ์

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ไหวพริบและสติปัญญา เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่สามารถเอาชนะความชั่วร้ายและพละกำลังดิบได้
และยังเตือนเรื่องความอยากรู้อยากเห็นโดยไม่ไตร่ตรองอาจนำมาซึ่งอันตราย (ดังเช่นชะตากรรมของพี่สาวสองคนแรก) แต่การใช้สติปัญญาในการประเมินสถานการณ์ การวางแผนอย่างรอบคอบ และการรู้จักใช้กลอุบายอย่างชาญฉลาด (ดังเช่นบุตรสาวคนที่สามที่เก็บไข่และช่วยพี่สาวทั้งสอง) จะช่วยให้เราสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และบรรลุความยุติธรรมได้ในที่สุด
อ่านต่อ: คอลเลกชันนิทานโด่งดังจากยุโรปนิทานกริมม์อ่านสนุกได้ข้อคิดดี ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานกริมม์เรื่องนกของฟิตเชอร์ (อังกฤษ: Fitcher’s Bird) นิทานเรื่องนี้ปรากฏอยู่ในคอลเลกชันนิทานของพี่น้องตระกูลกริมม์ โดยถูกจัดลำดับไว้ที่ KHM 46
แก่นเรื่องเป็นเรื่องเล่าที่ได้รับความนิยมในยุโรป มีความคล้ายคลึงกับนิทานพื้นบ้านอื่น ๆ ในหลากประเทศในยุโรป นิทานเล่าแบบน่ากลัวเพื่อสอนเด็ก ๆ ซึ่งเน้นย้ำถึงความอยากรู้อยากเห็นที่นำไปสู่อันตราย และปัญญาของหญิงสาวในการเอาชนะพ่อมดผู้ชั่วร้าย
ชื่อ “Fitcher’s Bird” สื่อถึงการแปลงกายของบุตรสาวคนที่สามด้วยน้ำผึ้งและขนห่าน เพื่อหลบหนีและกลับสู่โลกภายนอกอย่างปลอดภัย ก่อนจะนำความยุติธรรมมาสู่พ่อมดในที่สุด
คติธรรม: “ความอยากรู้อยากเห็นที่ไร้ขอบเขต มักนำทางสู่ห้องแห่งหายนะที่ไม่มีวันกลับ และปัญญาที่สุขุมรอบคอบ ย่อมมีอำนาจเหนือกว่าไพร่พลและพละกำลัง”

