บางครั้งชีวิตก็เหมือนถนนที่เต็มไปด้วยโคลนตม ท่ามกลางความลำบากนั้น เราอาจพบสิ่งมีค่าอย่างที่ไม่คาดคิด แม้ในเวลาที่ทุกข์ทนที่สุด เราก็ยังสามารถค้นพบความสงบและความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใน
มีนิทานเซนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของพระอาจารย์กูโด พระเซนผู้เป็นอาจารย์ของจักรพรรดิในยุคโชกุน ท่านเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ และพบครอบครัวที่ทุกข์ทนจากปัญหาภายใน ท่านช่วยสอนให้พวกเขาเห็นความไม่เที่ยงของชีวิตและการปล่อยวางจากสิ่งที่ทำให้ทุกข์ กับนิทานเซนเรื่องพบเพชรบนถนนโคลนตม

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องพบเพชรบนถนนโคลนตม
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในรัชสมัยของโชกุน พระอาจารย์กูโด โทโชคุ เป็นพระเซนผู้มีชื่อเสียงและเป็นอาจารย์ของจักรพรรดิแห่งยุคนั้น ถึงแม้จะเป็นผู้มีเกียรติสูงสุด ทว่าท่านยังคงเดินทางในฐานะนักบวชที่ไม่ยึดติดกับโลก ไม่มีกำหนดการหรือเส้นทางที่ชัดเจน พระอาจารย์กูโดเดินทางไปทุกที่ในฐานะผู้แสวงหาความจริงและการปฏิบัติ
วันหนึ่ง ขณะเดินทางไปยังเอโดะ ศูนย์กลางการเมืองและวัฒนธรรมของรัฐบาลโชกุน พระอาจารย์กูโดมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อทาเคนะกะ ท่ามกลางฝนที่ตกหนักและลมพัดแรง
ท่านเปียกโชก เสื้อผ้าหมดสภาพ และรองเท้าหญ้าที่ท่านสวมอยู่ก็แหลกเป็นชิ้น ๆ การเดินทางในสภาพเช่นนี้ทำให้ท่านรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ท่านยังคงมุ่งมั่นในเป้าหมาย
ขณะเดินผ่านบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ท่านเห็นรองเท้าหญ้าแห้งหลายคู่วางอยู่ในหน้าต่าง ท่านจึงตัดสินใจเข้าไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่เพื่อให้สามารถเดินทางต่อไปได้
เมื่อหญิงสาวเจ้าของบ้านเห็นสภาพของพระอาจารย์กูโดที่เปียกโชกจากฝน ท่านก็เชิญเขาเข้ามาพักในบ้านและให้ท่านเปลี่ยนเสื้อผ้า พระอาจารย์กูโดยอมรับคำเชิญและขอบคุณเธอ เมื่อเขาเข้าไปในบ้าน ท่านสวดมนต์ให้กับศาลพระภูมิของบ้าน ก่อนจะพบกับแม่ของหญิงสาวและเด็ก ๆ ในครอบครัว
หลังจากท่านสังเกตเห็นว่าครอบครัวนี้มีท่าทางเศร้าหมอง ท่านจึงถามขึ้นว่า “ท่านมีปัญหาอะไรหรือ?”
หญิงสาวตอบด้วยความเศร้าว่า “สามีของฉันเป็นคนติดการพนันและเหล้า เมื่อเขาชนะ เขาก็ดื่มเหล้าจนเมาและกลายเป็นคนที่โหดร้าย แต่เมื่อเขาแพ้ เขาก็ไปยืมเงินจากคนอื่น บางครั้งเขาเมาเกินไปจนไม่กลับบ้านมาเลย ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดี”
พระอาจารย์กูโดฟังแล้วพูดอย่างสงบว่า “ข้าจะช่วยเขาเอง นี่คือเงินบางส่วน ให้เขาซื้อเหล้าดี ๆ และอาหารดี ๆ แล้วให้เธอไปพักผ่อนเถอะ ส่วนข้าจะนั่งสมาธิก่อนพระภูมิ”

ในคืนวันนั้น เมื่อสามีของบ้านกลับมาเมามาย เขาตะโกนลั่นว่า “เฮ้ ภรรยาที่รัก ข้ากลับมาแล้ว มีอะไรให้กินบ้าง?” เสียงที่เต็มไปด้วยความคึกคะนองและอารมณ์ที่ขุ่นมัวจากการดื่มเหล้า
พระอาจารย์กูโดซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ตอบโต้หรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ท่านกล่าวว่า “มีอะไรให้เจ้า ข้าติดฝนมาหลายชั่วโมง และภรรยาของเจ้าได้ให้ที่พักแก่ข้าคืนนี้ ในการตอบแทน ข้าซื้อเหล้าและปลาให้เจ้าแล้ว เจ้าก็ดื่มไปเถอะ”
ชายผู้เมามายไม่รู้ตัวว่าเขากำลังสนทนากับใคร จึงรับเหล้าและดื่มจนหมดแล้วนอนลงบนพื้น ขณะนั้นพระอาจารย์กูโดนั่งสมาธิข้าง ๆ เขาอย่างสงบ
ในคืนนั้น ขณะที่ชายหนุ่มนอนหลับอยู่ พระอาจารย์กูโดยังคงนั่งอยู่ในสมาธิ นิ่งสงบ ราวกับว่าทุกสิ่งในชีวิตนี้เป็นเพียงชั่วคราว
เมื่อเช้าถึง ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงุนงงและความทรงจำที่พร่าเบลอ “ท่านเป็นใคร? ท่านมาจากไหน?” เขาถามในขณะที่เห็นพระอาจารย์กูโดนั่งสมาธิอยู่ข้าง ๆ
พระอาจารย์กูโดเปิดตาขึ้นและตอบเบา ๆ ว่า “ข้าคือกูโดจากเกียวโต กำลังมุ่งหน้าไปยังเอโดะ”
ชายหนุ่มรู้สึกอับอายและขอโทษอย่างลึกซึ้ง เขาทราบดีว่าผู้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาเป็นถึงอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิขององค์จักรพรรดิเอง
พระอาจารย์กูโดยิ้มและกล่าวอย่างสงบว่า “ทุกสิ่งในชีวิตนั้นไม่เที่ยง ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลง ชีวิตนี้สั้นนัก ถ้าท่านยังคงติดอยู่กับการพนันและการดื่มเหล้า เจ้าจะไม่มีเวลาทำสิ่งที่สำคัญอื่น ๆ และสิ่งนั้นจะทำให้ครอบครัวของเจ้าต้องทนทุกข์ด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตื่นจากความฝันและพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “ท่านพูดถูก ข้ารู้สึกสำนึกผิดในตัวเอง ขอบคุณท่านมากที่สอนข้า! ให้ข้าได้ช่วยท่านและเดินพาท่านไปส่งบ้าง”
พระอาจารย์กูโดตอบว่า “ได้เลย ถ้าเจ้าต้องการ”
ทั้งสองเริ่มเดินทางไปด้วยกัน หลังจากเดินไปได้สามไมล์ ชายหนุ่มก็ขอร้องว่า “ขอเดินอีกสักห้ากิลโลนะท่านพระอาจารย์”
พระอาจารย์กูโดพยักหน้าแล้วเดินต่อไป เมื่อเดินไปสิบไมล์ ชายหนุ่มก็ขอให้เดินต่อไปอีก
สุดท้าย เมื่อเดินถึงจุดหมายสุดท้าย พระอาจารย์กูโดบอกให้ชายหนุ่มกลับไป “เจ้า กลับไปได้แล้ว”
ชายหนุ่มตอบด้วยความตั้งใจว่า “ข้าจะเดินตามท่านพระอาจารย์ไปตลอดชีวิต”
คำสอนเซนสมัยใหม่ในญี่ปุ่นมีที่มาจากบรรพบุรุษของอาจารย์ชื่อดังผู้สืบต่อจากพระอาจารย์กูโด ชื่อของเขาคือชิโดะ มุนัน ชายผู้ไม่เคยหันหลังกลับ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การปล่อยวางจากสิ่งที่ทำให้เราติดอยู่ในวงจรเดิม ๆ และยึดมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยง จะทำให้เราเข้าใจถึงความจริงของชีวิต และพบความสงบภายในจิตใจที่แท้จริง
ชายผู้ติดการพนันและเหล้าได้รับคำสอนจากพระอาจารย์กูโด ซึ่งทำให้เขาตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิต การที่พระอาจารย์กูโดยื่นมือเข้าช่วยและสอนด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด ทำให้เขาตื่นรู้ถึงความสำคัญของการปล่อยวาง และเห็นว่าเขาไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้หากยังยึดติดกับสิ่งที่ทำให้เขาเสียดายเวลาและทำให้คนอื่นต้องทุกข์ทรมานไปด้วย
อ่านต่อ: อ่านนิทานเซนสั้น ๆ สนุก ๆ ที่แฝงข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับชีวิตและความสงบ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องพบเพชรบนถนนโคลนตม (อังกฤษ: Finding a Diamond on a Muddy Road) เรื่องราวนี้เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ได้รับการบันทึกใน “101 Zen Stories” เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ Zen Flesh, Zen Bones ที่รวบรวมเรื่องราวเซน ที่มีชื่อเสียงและสอนธรรมะผ่านเรื่องราวชีวิตจริง โดยจัดทำขึ้นโดย Nyogen Senzaki และ Paul Reps ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1957
พระอาจารย์กูโด โทโชคุ (Gudō Toshoku) พระเซนผู้เป็นอาจารย์ของจักรพรรดิในยุคโชกุน เขามักเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ในฐานะนักบวชเร่ร่อน และมักจะใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายเพื่อสอนผู้คนเกี่ยวกับการปล่อยวางและการมองเห็นความไม่เที่ยงของชีวิต
ท่านได้เพชรกลางถนนโคลนตม เปรียบเสมือนการค้นพบสิ่งที่มีค่าในชีวิต แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะยากลำบากหรือเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เช่นเดียวกับที่พระอาจารย์ชิโดะ มุนัน (Shidō Bu’nan) ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์กูโด และผู้สืบทอดทางธรรม ได้ถูกเรียกว่าเป็น “เพชรบนถนนโคลนตม” เพราะจากผู้ที่เป็นคนไม่เอาถ่านจนสามารถตื่นรู้และเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองจากการสอนของพระอาจารย์กูโด ท่านไม่เคยหันหลังกลับจากเส้นทางธรรมที่แท้จริง และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการพัฒนาจิตใจและการปล่อยวางจากสิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิต
การใช้ประสบการณ์และเหตุการณ์ในชีวิตจริงของผู้คนในนิทานเซนเหล่านี้ทำให้เรื่องราวเหล่านี้มีความหมายลึกซึ้ง โดยเฉพาะในการปลุกจิตสำนึกให้ผู้ฟังและผู้อ่านเรียนรู้ถึงคุณค่าของการปล่อยวางสิ่งที่ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์และการใช้ชีวิตในทางที่มีคุณค่ามากขึ้น
คติธรรม: “ทุกสิ่งในชีวิตนั้นไม่เที่ยง ถ้าเรายึดติดกับสิ่งที่เป็นแค่ชั่วคราว เราจะเสียเวลาในการทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต และทำให้คนรอบข้างต้องทนทุกข์”