ในสายตาของเซน ความตายไม่ใช่ศัตรูของชีวิต ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย หรือเงื่อนไขสุดท้ายของการเดินทาง มันคือส่วนหนึ่งของความจริง เงียบ งาม ไม่เลือกข้าง และมาโดยไม่ต้องมีเสียงเตือน
ผู้ที่ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงจึงไม่ได้เผชิญความตาย แต่เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับมัน ราวกับสายลมที่มิได้ต่อสู้กับความว่าง มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง เล่าถึงภิกษุณีเอชุน ผู้ซึ่งไม่เพียงใช้ชีวิตอย่างแจ่มชัด แต่ยังจากไปด้วยจิตที่มั่นคงดั่งแสงในเปลวไฟ กับนิทานเซนเรื่องการจากไปของเอชุน

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องการจากไปของเอชุน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่เชิงเขาเงียบงันในชนบทญี่ปุ่น มีวัดไม้หลังเล็กตั้งอยู่ในร่มเงาไผ่ ภายในนั้นมีภิกษุณีอาวุโสผู้หนึ่งชื่อ “เอชุน” นางมีใบหน้าสงบเย็น แววตาลุ่มลึกดั่งผิวน้ำที่ไม่หวั่นไหว
เอชุนได้ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของเซนมานานหลายสิบปี จิตของนางมั่นคง ไม่มีสิ่งใดพรากความนิ่งจากใจของนางได้ แม้คำชม แม้คำติ หรือแม้แต่เรื่องที่มนุษย์ทั้งหลายหวาดกลัวที่สุดคือความตาย
เมื่อเวลาผ่านพ้นจนอายุล่วงเลยกว่าเจ็ดสิบ เอชุนเริ่มรู้ด้วยใจว่ากายนี้ใกล้หมดเวลาแล้ว แต่แทนที่จะหวั่นไหว นางกลับยิ้มบาง ๆ และเดินอยู่ในวัดอย่างสงบนิ่งเช่นเคย
เช้าตรู่ของวันหนึ่ง เอชุนเดินไปที่ลานวัดใต้ต้นสน นางเรียกสามเณรและพระหนุ่มในวัดมาพร้อมกัน แล้วกล่าวว่า
“ได้เวลาของข้าแล้ว… ขอให้ช่วยก่อฟืนเป็นวงไว้ตรงลานนี้ให้ที”
ไม่มีใครเอ่ยถามเหตุผล เพราะรู้ดีว่าเอชุนไม่พูดสิ่งใดเกินจำเป็น และน้ำเสียงของนางก็แจ่มชัด ไม่สั่นคลอน
เหล่าพระและสามเณรช่วยกันก่อฟืนอย่างเงียบงัน ไม่มีพิธี ไม่มีการร่ำลา มีเพียงความสงบอย่างประหลาดที่ปกคลุมทั้งลานวัด
เมื่อลานพร้อม เอชุนเดินไปนั่งขัดสมาธิบนกองฟืนนั้นอย่างมั่นคง สีหน้าของนางราวกับนั่งภาวนาเช่นวันปกติ ไม่มีความตึงเครียด ไม่มีความเศร้า

เมื่อกองฟืนถูกจัดเรียงรอบตัวเรียบร้อย เอชุนยังคงนั่งอยู่ตรงกลางอย่างมั่นคง ดวงตาหลับลงเบา ๆ ราวกับกำลังเข้าสมาธิ
ลมยามสายพัดผ่านเบา ๆ ธงผ้าหน้าวัดพลิ้วไหวตามจังหวะธรรมชาติ ไม่มีเสียงสวด ไม่มีใครร่ำไห้ มีเพียงความเงียบอันแน่วแน่
หนึ่งในพระหนุ่มซึ่งรู้สึกอึดอัดกับความสงบนิ่งนั้น ทนไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้นกึ่งเย้า ทั้งอยากหยั่งเชิงจิตของเอชุน
“ท่านแม่ชี! ข้างในนั้นร้อนหรือไม่?”
เอชุนเปิดเปลือกตาขึ้นเพียงเล็กน้อย ยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เรื่องเช่นนั้น… คงมีแต่คนโง่เขลาอย่างเจ้าที่จะใส่ใจ”
คำพูดของนางไม่ได้เปี่ยมไปด้วยการตำหนิ หากแต่สะท้อนความว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่ “ตัวผู้ร้อน” หรือ “ความร้อน”
เมื่อทุกอย่างพร้อม พระเณรได้จุดไฟรอบกองฟืนตามคำขอ เปลวเพลิงค่อย ๆ ลุกลามขึ้นจากขอบลาน สูบควันเข้าโอบล้อมร่างของเอชุนที่ยังคงนั่งนิ่ง
ไม่มีการไหวติง ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีแม้แต่การหายใจหนัก ภิกษุณีผู้นี้จากไปในเปลวไฟเช่นเดียวกับที่มีชีวิตอยู่ เงียบ เรียบ และว่าง
เมื่อเปลวไฟมอดลง เถ้าถ่านไม่หลงเหลือสิ่งใดให้เศร้าโศก มีเพียงใจของผู้มองเห็นที่เบิกบาน เพราะเข้าใจว่าชีวิตมิใช่ของที่จะเสีย
และการดับไป ไม่ใช่จุดจบ… แต่เป็นเพียงการคืนสู่ความจริงที่ไม่เคยจากเราไปไหนเลย

นิทานเรื่องนี้สอนให้ร้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความตายไม่ใช่ศัตรูของชีวิต หากคือครูที่เงียบงันที่สุด ผู้ถามเราว่า เราใช้ชีวิตอย่างเข้าใจหรือยัง
เอชุนมิได้แสวงหาความยิ่งใหญ่จากการจากไป แต่แสดงให้เห็นว่า ใจที่ฝึกมาอย่างแท้จริง ย่อมไม่หวั่นไหวแม้ในวินาทีสุดท้าย เซนไม่สอนให้เราหนีตาย หรือทำให้ตายดูสง่างาม แต่ชี้ให้เราเห็นว่า ความเป็นจริงของชีวิตและความตายคือสิ่งเดียวกัน เมื่อเราไม่แบ่งแยก มันก็ไม่มีสิ่งใดต้องกลัวอีกต่อไป
“เรื่องเช่นนั้น… คงมีแต่คนโง่เขลาอย่างเจ้าที่จะใส่ใจ” เป็นประโยคสั้นที่ทรงพลังมากในบริบทของเซน และสะท้อนภาวะจิตของผู้ฝึกจนล่วงพ้น “การยึดติดกับรูปนาม” ได้อย่างลึกซึ้ง เอชุนไม่สนใจว่าร่างกายจะรู้สึกร้อนหรือไม่ เพราะเธอได้ก้าวข้ามคำถามเหล่านั้นไปแล้ว สิ่งเดียวที่เธอยัง “เผา” อยู่ในกองไฟนั้น คือ “อัตตา” ที่ยึดมั่นในการมีอยู่ของตัวเรา ตัวเขา และสิ่งที่เรียกว่า “ความร้อน” นั่นเอง
ในมุมของเซน ไฟไม่อันตรายเท่าความคิดที่ยังยึดติด และเอชุนเพียงชี้ให้เห็นว่า คนที่ยังถามว่า “ร้อนหรือไม่” อาจยังไม่เคยรู้จริงว่า อะไรคือ “ความจริงแท้” ที่ไร้ตัวตนเผาไหม้ได้เลย
“เพลิงเผาร่าง แต่ไม่อาจเผาใจที่ว่างจากความยึดมั่น ใจเช่นนั้น คืออิสรภาพแท้ในทุกลมหายใจ”
อ่านต่อ: นิทานเซนแฝงข้อคิดเรื่องเล่าที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยปรัชญาลึกซึ้ง
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องการจากไปของเอชุน (อังกฤษ: Eshun’s Departure) นิทานเรื่องนี้ปรากฏในหมวดนิทานเซนคลาสสิกจากหนังสือรวมเรื่องเล่าเซนชื่อดัง เช่น Zen Flesh, Zen Bones ซึ่งเป็นการรวบรวมเกร็ดชีวประวัติและคำสอนของพระและแม่ชีสายเซนที่มีชื่อเสียง
“เอชุน” (Eshun) เป็นภิกษุณีเซนผู้ปรากฏชื่อในหลายเรื่องเล่าเก่า แม้จะไม่มีข้อมูลแน่ชัดในประวัติศาสตร์หลัก แต่เรื่องของเธอมักถูกเล่าขานในฐานะ แบบอย่างของจิตที่ไม่หวั่นไหวแม้ยามเผชิญความตาย ซึ่งถือเป็นหัวใจของการปฏิบัติธรรมตามแนวทางเซน
การที่เอชุนเลือกเผาร่างตนเองในลานวัดอย่างสงบ มิได้เป็นการประท้วงหรือกระทำด้วยอัตตา หากเป็นการแสดงออกถึงความเข้าใจอันแจ่มชัดในธรรมชาติของชีวิตและความตาย ตามวิถีเซน ที่ไม่แยก “การมา” หรือ “การไป” ออกจากกันเลย เรื่องนี้จึงถูกจารึกไว้ในหมวดนิทานเพื่อการตรัสรู้ ไม่ใช่เพื่อให้เศร้า แต่เพื่อให้ตื่นรู้
คติธรรม: “ผู้ที่ไม่หวั่นไหวแม้ยามดับสูญ คือผู้ที่ไม่เคยถูกสิ่งใดครอบครองได้ตั้งแต่ต้น”