Category: นิทานชาดก

  • นิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง

    นิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง

    ไม่ใช่ทุกความอดทนจะพาไปถึงธรรม และไม่ใช่ทุกความทุกข์จะนำไปสู่ความบริสุทธิ์มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่งที่บอกเราว่า…เจ็บ ไม่ใช่คำตอบของการหลุดพ้น บางคนเดินลงเหว ด้วยหัวใจที่เชื่อว่ากำลังไต่ขึ้นเขา บางความตั้งใจจึงไม่ใช่บุญ หากปราศจากปัญญาคอยนำ เพราะหนทางแห่งธรรม ไม่เคยมีเลือดของตัวเองเป็นรอยเท้า กับนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้ทรมานตนเอง กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนเทือกเขาหิมาลัย มีฤาษีรูปหนึ่ง ใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษมานาน ไม่ข้องเกี่ยวกับหมู่ชน ดำรงตนด้วยความสงบเรียบง่าย แต่ยังแสวงหาความศักดิ์สิทธิ์อันสูงสุด ด้วยความปรารถนาว่าจะพ้นจากสังสารวัฏได้โดยเร็ว วันหนึ่ง เขาได้ยินถ้อยคำที่เล่าต่อกันมาในหมู่ผู้แสวงธรรมว่า “ผู้ศักดิ์สิทธิ์แท้ คือผู้ที่ยอมทนต่อความทุกข์อย่างที่สุด ทรมานกายจนหลุดพ้น” ฤาษีได้ฟังแล้วใจหวั่นไหว เขาเริ่มเชื่อตามนั้นโดยไม่ไตร่ตรอง และตัดสินใจจะทดลองพิสูจน์ด้วยตนเอง หากความบริสุทธิ์จะได้มาด้วยความเจ็บปวด เขาก็จะยอมเจ็บที่สุดเท่าที่มนุษย์จะทนได้ เขาละทิ้งอาศรมเดิม เดินลึกเข้าสู่ป่าทึบที่ไม่มีผู้คนเข้าไปถึง ไม่พูด ไม่พบใคร ปฏิเสธแม้แต่ร่มไม้หรือความสะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาใช้ใบไม้แห้งรองนั่ง ใช้ดินเผาไฟแทนอาหาร เมื่อฤดูร้อนมาถึง เขาก็นั่งใต้ต้นไม้ตลอดวัน ปล่อยให้แดดแผดเผาร่างจนผิวไหม้ โดยไม่ปกป้องแม้แต่ใบไม้ใบเดียว เมื่อฤดูหนาวมา เขานั่งกลางหิมะที่ตกโปรย คลุมร่างด้วยเพียงจิตอธิษฐาน ไม่สวมผ้า ไม่ก่อไฟ ปล่อยให้ความหนาวกัดกระดูก บางวันเขากินเพียงขี้เถ้า บางวันเลียดินจากพื้นดินแข็ง ด้วยเชื่อว่า “ยิ่งปฏิเสธรส ยิ่งเข้าใกล้ความบริสุทธิ์” เขาทรมานกายอย่างไม่ยั้งหยุด นานนับปี ร่างกายเหี่ยวแห้งลงทุกวัน…

  • นิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้สร้างแม่น้ำ

    นิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้สร้างแม่น้ำ

    บางครั้ง ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ไม่ได้อยู่ในเสียงพูด หรือฤทธิ์อำนาจ แต่อยู่ในใจที่กล้าเงียบ เพื่อฟังเสียงของผู้อื่นให้ชัด มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่งที่บอกเราว่า ความเสียสละนั้นสร้างได้มากกว่าสิ่งที่ฟ้าประทาน เพราะเมื่อใจตั้งมั่นด้วยเมตตา ผลที่เกิดขึ้น อาจไกลเกินกว่าที่มือจะเอื้อมถึง และแม้ในวันที่ทุกสิ่งแล้งลงหมด ความอ่อนโยนก็ยังสามารถหลั่งไหลออกมาดั่งสายน้ำ จากคนเพียงหนึ่งคน ที่ไม่เคยหวังสิ่งใดเลย กับนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้สร้างแม่น้ำ เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้สร้างแม่น้ำ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในนครใหญ่แห่งหนึ่ง มีเศรษฐีผู้มั่งคั่งจนผู้คนต่างยกย่องว่าทรัพย์ของเขาเหมือนแม่น้ำที่ไม่เหือดแห้ง แต่ถึงจะมีทุกสิ่ง เขากลับมีบุตรชายเพียงคนเดียว บุตรนั้นเติบโตท่ามกลางความสะดวกสบาย ได้เรียนรู้ทุกศาสตร์ตามที่บิดาจัดหา และได้เห็นโลกในแง่มุมที่หลากหลาย แต่เมื่อเติบใหญ่ เขากลับมิได้หลงใหลในทรัพย์สมบัติ กลับรู้สึกว่าความอิ่มจากภายนอกนั้นไร้ความหมายเมื่อใจยังว่างเปล่า “ข้าควรแสวงหาสิ่งที่ไม่ดับไปพร้อมร่างนี้” เขาคิด และในคืนหนึ่ง ก็เข้าไปกราบลาบิดาอย่างสงบ “ข้าขอสละทุกสิ่ง เพื่อแสวงหาความจริงที่อยู่เหนือความร่ำรวย” บิดานิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ไม่มีน้ำตา ไม่มีถ้อยคำห้ามปราม มีเพียงแววตาที่รู้ว่าการปล่อยครั้งนี้…ยิ่งใหญ่กว่าการให้ทรัพย์ใดทั้งสิ้น เมื่อเข้าสู่ป่า บุตรเศรษฐีกลายเป็นฤาษีผู้ถือพรตอย่างเคร่งครัด สละคำพูด สละอำนาจทางโลก และฝึกตนในอาศรมกลางป่าห่างไกล ท่านปฏิบัติตนด้วยเมตตา ไม่เอ่ยคำรุนแรงแม้แต่กับใบไม้ และไม่บริโภคสิ่งใดโดยไร้สติ วันเวลาผ่านไป ศิษย์ผู้แสวงหาธรรมเริ่มเข้ามาใกล้ ก่อกระท่อมล้อมอาศรม ฤาษีไม่ได้ห้าม เพราะท่านมิได้สั่งสอนด้วยคำพูด หากแต่ด้วยการกระทำ ท่านยอมลำบากแทนผู้อื่น…

  • นิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้กินเนื้อตุ๊กแก

    นิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้กินเนื้อตุ๊กแก

    ในโลกของผู้แสวงหาความสงบ มีบางคนสงบเพียงเปลือกนอก แต่ภายในกลับยังวุ่นวายด้วยกิเลสซ่อนลึก มีเรื่องเล่านิทานชาดกที่เผยให้เห็นว่า คราบนักพรต…มิได้ขาวเสมอไป เมื่อจิตยังไม่วาง ความดีที่แสดงก็ย่อมเป็นเพียงเงาบาง และเมื่อเงานั้นบางเกินไป แสงแห่งกรรมก็ย่อมส่องทะลุได้ทุกครั้ง แม้จะอยู่กลางป่า ในที่ไม่มีผู้คนเห็นก็ตาม กับนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้กินเนื้อตุ๊กแก เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องฤาษีผู้กินเนื้อตุ๊กแก กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ป่าลึกเงียบสงบซึ่งไร้รอยเท้ามนุษย์ มีสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งอาศัยอยู่มาเนิ่นนาน มันคือตุ๊กแก แต่ไม่ใช่ตุ๊กแกธรรมดา หากเป็นร่างภพหนึ่งของดวงจิตศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีฤทธิ์รู้ทันสรรพสิ่ง พักอยู่ใต้โพรงไม้ใหญ่ ร่มเย็น ปราศจากภัย วันหนึ่ง มีฤาษีผู้หนึ่งเดินเข้ามาในบริเวณนั้น เขาสร้างกระท่อมหลังเล็กขึ้นข้างต้นไม้ ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ บำเพ็ญตนตามที่ตนเข้าใจ เมื่อดวงจิตศักดิ์สิทธิ์ในร่างตุ๊กแกเห็นฤาษีเข้ามาอาศัยอยู่ใกล้ จึงเกิดความเคารพจากก้นบึ้งใจ ทุกวัน เมื่อตะวันคล้อยต่ำ มันจะเลื้อยออกจากโพรงเงียบ ๆ เข้าไปในกระท่อม ก้มศีรษะลงเบา ๆ แล้วก็เลื้อยกลับโดยไม่รบกวนสิ่งใด ฤาษีเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ “สัตว์ตัวนี้ช่างแปลกนัก…ทุกวันมันมาแล้วก็ไป ไม่น่าจะใช่เพียงสัตว์ป่า” เขาคิด แต่มิได้เอ่ยวาจา แม้ภายนอกฤาษีจะดูสำรวม แต่มโนภายในกลับยังเต็มไปด้วยราคะที่ยังไม่ขาด วันหนึ่ง เขานึกถึงรสของเนื้อตุ๊กแกซึ่งเคยลิ้มมาในอดีตชาติเป็นฆราวาส รสสัมผัสในปากยังไม่เลือนหายจากจิตใต้สำนึกนั้น เขาเริ่มมองตุ๊กแกด้วยสายตาเปลี่ยนไป มิใช่ด้วยความเอ็นดู หากแต่เต็มไปด้วยความอยาก “สัตว์นี้อ้วนพี เนื้อน่าจะแน่นและหอมดีไม่น้อย” เขานั่งนิ่งอยู่ในกระท่อม ใจคิดแผนการ…

  • นิทานชาดกเรื่องความกลัวของนักธนู

    นิทานชาดกเรื่องความกลัวของนักธนู

    บางครั้ง คนที่ไม่ยกดาบ กลับทำให้ศัตรูหวั่นกลัวยิ่งกว่ากองทัพ บางคำพูดที่ไม่ดัง ก็ทำให้ใจคนสั่นมากกว่าคำขู่ใด ๆ มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ที่เกิดจากศรเพียงดอกเดียว…ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่กลับเปลี่ยนใจเจ็ดกษัตริย์ให้ล่าถอยโดยไม่เสียเลือดสักหยด มิใช่เพราะอำนาจ หากเพราะคนถือศรนั้น…รู้ดีว่าอะไรควรยิง และอะไรควรนิ่ง และการนิ่งบางครั้ง ก็แม่นยำยิ่งกว่าศรใดในโลก กับนิทานชาดกเรื่องความกลัวของนักธนู เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องความกลัวของนักธนู ในกาลครั้งหนึ่ง มีกษัตริย์เจ็ดพระองค์จากเจ็ดแคว้น ร่วมมือกันวางแผนรุกรานนครเล็กแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดน นครนั้นมีเจ้าชายหนุ่มเป็นผู้ครองนครแทนพระบิดาที่สละราชสมบัติแล้ว แม้เขาจะมีตำแหน่ง แต่ยังอ่อนวัย ขาดทั้งประสบการณ์และใจมั่นคง ยิ่งเมื่อรู้ว่าเจ็ดกษัตริย์กำลังจะยกทัพมา เขาก็ถึงกับตัวสั่น หวาดหวั่นจนไม่อาจคิดสิ่งใดได้ถนัด “เราจะต้านได้อย่างไร…” เขาพึมพำขณะยืนบนหอคอย มองเห็นทหารศัตรูเริ่มเคลื่อนไหวอยู่ลิบ ๆ ที่ชายป่า แม้ทหารของนครจะยังอยู่ แต่หัวใจของผู้เป็นผู้นำกลับไม่ยืนหยัดพอจะจุดประกายแก่ใครได้ เขาจึงรีบร่างสาส์นส่งไปถึงผู้เดียวที่เขาไว้ใจที่สุด นั่นคือพี่ชายแท้ ๆ ของเขา ผู้เคยปกครองนครนี้ก่อนสละราชสมบัติเพื่อหลีกทางให้น้อง และออกเดินทางไปแสวงหาสัจธรรมในดินแดนห่างไกล ข่าวถูกส่งไปด้วยความเร่งร้อน และไม่นานนัก เจ้าชายพี่ก็มาถึง เขาขี่ม้าเพียงตัวเดียว ไม่มีกองทหาร ไม่มียศศักดิ์ติดตัว แต่เมื่อก้าวลงจากหลังม้า เสียงสนทนาในวังกลับเงียบลงราวกับสายลมหยุดพัด เขาเข้าไปหาน้องชายที่กำลังนั่งหน้าซีดอยู่ในห้องโถง แล้ววางมือเบา ๆ บนบ่าของน้อง “อย่ากลัวเลยน้องรัก” เขากล่าวอย่างมั่นคง “ตราบใดที่พี่ยังมีลมหายใจ จะไม่มีอันตรายใดแตะต้องแผ่นดินนี้ได้”…

  • นิทานชาดกเรื่องชีวิตหลังความตาย

    นิทานชาดกเรื่องชีวิตหลังความตาย

    ในโลกที่ความเชื่อกลายเป็นรากของการกระทำ หลายคนเลือกเดินตามสิ่งที่ตนคิดว่าจริง บางความเชื่อทำให้คนหยุดทำชั่ว แต่บางความเชื่อก็เปิดทางให้ชั่วโดยไม่รู้สึกผิด มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเพราะความคิดเพียงประโยคเดียว ว่าหลังความตาย… ไม่มีอะไร แต่หากความจริงนั้นลึกกว่าที่ตาเห็น และยาวไกลกว่าชีวิตเดียว สิ่งที่คนทำไว้ในวันนี้ อาจไม่จางหายไปพร้อมลมหายใจสุดท้าย และผู้ที่รู้แจ้งในข้อนี้ ย่อมไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างประมาท กับนิทานชาดกเรื่องชีวิตหลังความตาย เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องชีวิตหลังความตาย ในกาลก่อน มีนักบวชผู้หนึ่งตั้งตนอยู่ในธรรม บำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัด ไม่ย่อหย่อนในวัตรปฏิบัติ ด้วยผลแห่งความเพียรบริสุทธิ์นั้น เมื่อละสังขารจากโลกมนุษย์ เขาจึงได้ไปบังเกิดในเทวโลก มีวิมานอันงดงาม มีกลิ่นหอมทิพย์ และเสียงแห่งสวรรค์เป็นเพื่อนยามสงัด แม้จะเสวยสุขในแดนทิพย์อย่างเหลือล้น แต่มโนของเขายังไม่ละจากโลกมนุษย์ เขามักทอดสายตามองลงมายังปฐพีเบื้องล่าง ติดตามความเป็นไปของสรรพชีวิตด้วยจิตเมตตาและความห่วงใย เทวดาองค์อื่นอาจเพลินอยู่กับทิพยสมบัติ แต่เขากลับพินิจอยู่ในความทุกข์ของสัตว์โลก ยามเห็นผู้คนหลงผิด ดำเนินไปในทางมืดโดยไม่รู้ตน เขาย่อมเศร้าใจ และปรารถนาอยากให้พวกเขาได้รู้เห็นความจริง เหมือนที่ตนเคยเห็น “ชีวิตในโลกนี้ มิใช่ปลายทาง… หากเพียงเป็นบทหนึ่งในเรื่องยาวของวิญญาณ” เขาคิดอยู่เสมอ และคำคิดนั้น ก็เป็นเหตุแห่งเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น วันหนึ่ง นักบวชมองลงมายังเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง เมืองนั้นมั่งคั่ง มีความเจริญรุ่งเรือง ทั้งวัง หอคอย และถนนหนทางล้วนแน่นหนา แต่ใจของผู้ปกครองกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า พระราชาผู้ครองนครนั้นทรงมีความเชื่อประหลาดว่า “ชีวิตมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อดับก็สิ้น ไม่มีภพหน้า…

  • นิทานชาดกเรื่องหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น

    นิทานชาดกเรื่องหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น

    บนทางเดินสายหนึ่ง ชีวิตหลายชีวิตเคยเดินเคียงกัน แม้จะแตกต่างในบทบาท หน้าที่ และแรงที่เหลืออยู่ บางครั้ง คำว่า “เหนื่อย” ทำให้ใครบางคนลืมที่จะเห็นใจผู้เดินร่วมทาง มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยคำขอเล็ก ๆ ที่ถูกปฏิเสธ และผลที่ย้อนคืนมาไม่เล็กเลย เพราะน้ำใจ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นมีให้ตามสิทธิ์ แต่มักกลับคืนมา ตามสิ่งที่เราเคยหว่านลงไว้กับเขา ไม่ว่าจะตั้งใจ… หรือเฉยเมย กับนิทานชาดกเรื่องหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องหว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านชายป่าห่างไกล มีชายชาวบ้านคนหนึ่งเลี้ยงลาตัวหนึ่งกับสุนัขอีกตัวไว้ใช้สอย ลาแบกของให้เขายามเดินทาง ส่วนสุนัขเฝ้าบ้านและเดินเคียงข้างคอยระวังภัย ทั้งสามอยู่ร่วมกันมานาน วันหนึ่งเขาเดินทางเข้าเมืองเพื่อนำของไปขาย ลาต้องแบกกระสอบหลายใบแน่นหลัง ส่วนสุนัขก็เดินตามเงียบ ๆ ตลอดทาง แสงแดดส่องแรง ฝุ่นลอยคลุ้งตลบตลอดระยะทางกลับบ้าน ขาทุกคู่เหนื่อยล้า ท้องก็ร้องด้วยความหิว เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง พวกเขาเห็นทุ่งหญ้ากว้างริมทาง มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งให้ร่มเงาพอดี ชายคนนั้นพยักหน้าเบา ๆ พลางพูดกับตนเองว่า “พักตรงนี้สักหน่อยก็แล้วกัน” เขาปล่อยลายืนพักใต้ร่มไม้ แล้วทิ้งตัวลงนอนราบบนพื้นหญ้าอย่างไม่เอ่ยคำ ลมหายใจของเขาแผ่วลงทันที บ่งบอกถึงความเหนื่อยสะสมที่มากเกินจะฝืน ลาค่อย ๆ เริ่มเคี้ยวหญ้าเขียวใต้เท้าอย่างเงียบงัน เสียงขากรรไกรบดหญ้าดังสม่ำเสมอ ขณะที่สุนัขนอนอยู่ไม่ห่าง…

  • นิทานชาดกเรื่องความเจ็บปวดของแม่

    นิทานชาดกเรื่องความเจ็บปวดของแม่

    ในโลกที่ความรักมักถูกอ้างเพื่อครอบครอง ความจริงของหัวใจจึงไม่อาจวัดด้วยถ้อยคำหรือแรงยื้อ บางครั้ง การยอมแพ้เงียบ ๆ กลับแสดงความรักได้ดังกว่าคำใดทั้งหมด มีเรื่องเล่านิทานชาดก ที่เปิดเผยหัวใจของผู้เป็นแม่ได้ชัดเจนกว่าสิ่งใด มิใช่เรื่องของชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่เป็นเรื่องของการยอม… เพื่อไม่ให้ผู้เป็นที่รักต้องเจ็บ ท่ามกลางเหตุการณ์เรียบง่ายที่เกิดขึ้นริมแม่น้ำสายหนึ่ง ความจริงของรักแท้… ก็เผยตัวอย่างไม่มีสิ่งใดกลบได้ กับนิทานชาดกเรื่องความเจ็บปวดของแม่ เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องความเจ็บปวดของแม่ แสงแดดยามสายทอดตัวลงเหนือผิวน้ำใสของแม่น้ำสายหนึ่ง ในชนบทที่เงียบสงบ ชายตลิ่งร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และดอกหญ้าที่ไหวเอนตามแรงลม หญิงชาวบ้านผู้หนึ่งเดินมาถึงลำธารพร้อมลูกน้อยในอ้อมแขน ท่าทางเธอเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานในเรือน แต่แววตายังอ่อนโยนไม่เปลี่ยน เธอวางลูกน้อยไว้บนเสื่อผืนเล็กริมฝั่ง ใกล้ที่ตนจะลงไปตักน้ำอาบ เด็กทารกนอนมองฟ้าด้วยความไร้เดียงสา พลางยิ้มละไมกับใบไม้ที่ปลิวตามลม “เจ้าอยู่นี่ก่อนนะลูก แม่จะอาบน้ำแป๊บเดียว” หญิงนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนค่อย ๆ ก้าวลงสู่ลำธาร ที่ไม่ห่างไปนัก เงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในพุ่มไม้ มันคือปีศาจตนหนึ่งผู้หิวกระหายเนื้อเด็ก และกำลังมองทารกน้อยอย่างตาไม่กะพริบ ปีศาจตนนั้นแปลงกายเป็นหญิงสาวใบหน้าพริ้มเพรา แต่งตัวเหมือนหญิงชาวบ้านทั่วไป ก่อนย่างเท้าออกมาจากพงไม้ด้วยท่าทางนุ่มนวล มันเดินเข้าใกล้ทารกช้า ๆ แล้วหยุดยืนใกล้เสื่อ หญิงผู้เป็นแม่เหลือบมองขึ้นจากลำธาร “ข้าขออุ้มลูกเจ้าไปเดินเล่นหน่อยได้ไหม ดูน่ารักนัก” ปีศาจกล่าวด้วยเสียงหวาน หญิงนั้นมองดูหญิงแปลกหน้าอย่างลังเลเล็กน้อย แต่ด้วยที่อีกฝ่ายดูสุภาพอ่อนโยน ประกอบกับไม่มีท่าทีเป็นภัย นางจึงพยักหน้าอนุญาต “ได้จ้ะ ระวังหน่อยก็พอ” ปีศาจยิ้มแย้มรับคำ แล้วช้อนตัวทารกขึ้นมาเบา…

  • นิทานชาดกเรื่องเด็กชายผู้ช่วยมด

    นิทานชาดกเรื่องเด็กชายผู้ช่วยมด

    ในกาลก่อน เมื่อโลกยังหมุนไปด้วยจังหวะของธรรมชาติ ทุกชีวิตเล็กใหญ่ต่างดำรงอยู่ร่วมกัน โดยไม่รู้ชะตากรรมล่วงหน้า มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ที่เงียบงามแต่ทิ้งร่องรอยในใจไม่จางหาย มันไม่ใช่เรื่องรบพุ่ง หรือปาฏิหาริย์จากฟากฟ้า แต่เป็นเหตุการณ์เล็ก ๆ ของเด็กชายกับเหล่ามดที่เกิดขึ้นในวันธรรมดาวันหนึ่ง ซึ่งทำให้คำว่า “เมตตา” ไม่ใช่เพียงถ้อยคำ แต่เป็นสิ่งที่มีน้ำหนักอย่างแท้จริง กับนิทานชาดกเรื่องเด็กชายผู้ช่วยมด เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องเด็กชายผู้ช่วยมด กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมลำธารสายหนึ่ง มีจอมปลวกตั้งอยู่เงียบงาม เป็นบ้านของกองทัพมดนับพัน พวกมันมีระเบียบวินัยและความขยันเป็นเลิศ ตื่นเช้าทุกวันเพื่อทำหน้าที่ของตน มดงานแบกอาหาร มดทหารลาดตระเวน และมดพี่เลี้ยงดูแลลูกมดในรัง ทุกชีวิตดำเนินไปด้วยความกลมเกลียว ไม่มีใครขัดแย้งกัน วันหนึ่ง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ก้อนเมฆสีเทาลอยมืดเข้ามาอย่างช้า ๆ ก่อนที่ลมแรงจะเริ่มพัดและหยดฝนเม็ดแรกจะตกกระทบพื้น “ดูสิ ท้องฟ้ามืดขนาดนี้ ฝนคงตกหนักแน่” มดทหารตัวหนึ่งยกหนวดชี้ไปบนฟ้า ไม่นานนัก สายฝนก็เทกระหน่ำลงมา เสียงฟ้าร้องดังสนั่น พื้นดินเริ่มอ่อนตัว ลำธารที่เคยไหลเอื่อยก็กลายเป็นสายน้ำเชี่ยวกราก ระดับน้ำค่อย ๆ สูงขึ้นทุกนาที ภายในจอมปลวก มดราชินีออกคำสั่งอย่างเร่งด่วน “น้ำขึ้นเร็วเกินไป พวกเราต้องอพยพออกจากรังเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นจะไม่เหลือที่ให้ซ่อนอีกต่อไป” เสียงรับคำสั่งดังระงมไปทั่วรัง เหล่ามดต่างพากันขนเสบียง อุ้มลูกมด และรวมตัวกันที่ทางออก ทุกตัวรู้ดีว่าการเดินทางในสายฝนเป็นเรื่องอันตราย…