ปกนิทานชาดกเรื่องพระโพธิสัตว์กับปีศาจ

นิทานชาดกเรื่องพระโพธิสัตว์กับปีศาจ

บางครั้ง คนที่นั่งฟังธรรมทุกวัน อาจหลงคิดว่าตนมีธรรม แต่หากจิตไม่เปลี่ยน ความฟังก็เป็นเพียงเสียงผ่าน มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนว่า… ธรรมไม่ช่วยผู้ที่ไม่ยอมช่วยตนเอง

แต่ถึงกระนั้น ธรรมก็ไม่ปิดประตูให้ใคร หากจิตยังเปิด แม้เพียงชั่ววินาที ก็อาจเปลี่ยนปลายทางของชีวิต แม้เป็นปีศาจ… หากยอมเชื่อเมื่อถึงที่สุด ก็ยังมีทางรอดเสมอ กับนิทานชาดกเรื่องพระโพธิสัตว์กับปีศาจ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพระโพธิสัตว์กับปีศาจ

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องพระโพธิสัตว์กับปีศาจ

ในกาลหนึ่ง พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ เมื่อเติบใหญ่ก็สละเรือน บำเพ็ญตนเป็นอยู่กลางป่าลึก ถือพรตสงบ สำรวมคำ สำรวมจิต ไม่เกี่ยวข้องกับโลกภายนอก แม้อยู่โดดเดี่ยว แต่เสียงธรรมของท่านกลับแผ่ไปไกล

ในป่านั้นเอง มีปีศาจตนหนึ่งเร่ร่อนอาศัยอยู่ เป็นอสูรผู้หิวกระหาย ชอบล่อลวงกินมนุษย์เป็นอาหาร แต่ไม่ใช่ไร้สำนึกเสียทีเดียว เพราะทุกเมื่อที่ได้ยินว่า พระโพธิสัตว์กำลังแสดงธรรม มันจะเดินทางมานั่งฟังอยู่ใกล้ ๆ ไม่กล่าวคำ ไม่แสดงตน แต่ก็ไม่พลาดสักครา

พระโพธิสัตว์รู้ว่าผู้ฟังนั้นคือปีศาจ ท่านก็ยังแสดงธรรมด้วยใจเมตตา ไม่เลือกคน ไม่ขับไล่ ไม่ถามกลับ แม้รู้ว่าธรรมที่กล่าวไปจะมิได้ซึมซับเข้าสู่ใจผู้ฟังผู้นั้นเลยก็ตาม

วันหนึ่ง มีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินทางผ่านป่า นางเป็นผู้มีผิวผ่อง วาจาอ่อน และดวงหน้างดงามสะอาดตา เดินทางจากเรือนของตนเพื่อไปเยี่ยมบิดามารดา แม้เพียงลำพัง แต่นางมิได้หวาดกลัว เพราะเชื่อว่าในป่าไม่น่ามีภัยใดซ่อนอยู่

ปีศาจเฝ้ามองจากที่ไกล และทันทีที่เห็นนาง มันก็เกิดความใคร่ในรูปกายนั้น จึงลอบสะกดรอยแล้วใช้เวทมนตร์จับนางขังไว้ในกล่องสมบัติหนาแน่นอย่างมิดชิด

“ข้าจะไม่ยอมให้นางหนี ข้าจะกลืนกล่องนี้ไว้กับตัวทุกครั้งที่เดินทาง” ปีศาจครุ่นคิดด้วยความหลงใหล และเชื่อว่าวิธีนี้จะเก็บนางไว้ได้ตลอดไป

ในวันหนึ่ง ขณะมันเดินผ่านลำธารกลางป่า รู้สึกกระหายน้ำจึงถ่มกล่องลงไว้ที่ริมฝั่ง แล้วจึงลงไปอาบน้ำในลำธารโดยไม่คิดระวังสิ่งใด เพราะเชื่อว่านางไม่มีทางหนีได้อีก

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพระโพธิสัตว์กับปีศาจ 2

เมื่อปีศาจลงไปในแม่น้ำ หญิงสาวภายในกล่องเริ่มพลิกวิธีคิด ไม่ปล่อยให้ความกลัวครอบงำ นางค่อย ๆ ขยับมือ ค้นหาช่องทางระบายอากาศ และพยายามดันฝากล่องออก แม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอให้เสียงภายนอกเล็ดลอดเข้ามาได้

บังเอิญขณะนั้น มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินผ่านมา เขาเป็นนักเดินทางผู้ถือดาบวิเศษซึ่งได้รับมาจากครูบาอาจารย์เพื่อใช้ปราบเหล่าสัตว์ร้าย เมื่อนางเห็นเขาเดินผ่าน ก็รีบส่งเสียงร้องเบา ๆ จนชายหนุ่มหยุดฝีเท้า

เมื่อเขาเข้าใกล้และรู้ความจริง หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านได้โปรดจงช่วยข้าที หากเจ้าต่อสู้กับปีศาจนี้ด้วยดาบ มันอาจใช้เวทหนีไปได้ ข้าจะซ่อนดาบของท่านไว้ในกล่องนี้เอง แล้วเมื่อมันกลืนข้าอีกครั้ง ดาบก็จะอยู่ในท้องมันเช่นกัน”

ชายหนุ่มลังเลครู่หนึ่ง แต่เห็นความกล้าของหญิงสาวก็รู้ว่านางไม่ได้พูดด้วยความลนลาน เขาจึงยื่นดาบให้นางด้วยความเชื่อมั่นในชะตา นางรับไว้และกลับเข้าไปในกล่อง ปิดฝาแน่นตามเดิม รอให้ปีศาจกลับมา

ไม่นาน ปีศาจขึ้นจากน้ำ เมื่อเห็นกล่องก็กลืนเข้าไปทันทีโดยไม่เอะใจใด ๆ จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังอาศรมของพระโพธิสัตว์เช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

เมื่อปีศาจเดินเข้าสู่อาศรม พระโพธิสัตว์ผู้กำลังนั่งสงบอยู่ใต้ร่มไม้ ก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ มองไปยังปีศาจแล้วกล่าวด้วยเสียงเรียบแต่นิ่งลึก “วันนี้ชีวิตเจ้าตกอยู่ในอันตราย… อย่าหลงคิดว่าทุกสิ่งยังเหมือนเดิม”

ปีศาจชะงักกึก มันรู้ทันทีว่า พระโพธิสัตว์ผู้นี้มิใช่ผู้พูดพร่ำโดยไร้สาระ ทุกถ้อยคำล้วนผ่านตาเห็นธรรม มันจึงรีบถ่มกล่องออกมาทันทีด้วยความตระหนก

ทันใดนั้น ฝากล่องเปิดออก หญิงสาวพร้อมดาบวิเศษก็ปรากฏตรงหน้า สายตาของปีศาจเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดหวั่น หากมันกลืนกล่องนั้นไว้อีกเพียงครู่เดียว ดาบนั้นอาจได้คร่าชีวิตมันไปแล้ว

พระโพธิสัตว์ยังคงนั่งนิ่ง ไม่กล่าวคำตำหนิใด ๆ มีเพียงเสียงแผ่วเบาว่า “ความหลงคือยาพิษที่ฆ่าตนเองโดยไม่ต้องมีศัตรู”

ปีศาจยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะก้มหน้าลงและกล่าวสั้น ๆ ว่า “ข้าจะไม่กักขังผู้ใดอีก” แล้วปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระตามคำของพระโพธิสัตว์ จากนั้นจึงหายตัวไปในความเงียบ โดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพระโพธิสัตว์กับปีศาจ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ผู้ใดแม้ฟังธรรมอยู่ทุกวัน แต่ไม่เปลี่ยนการกระทำ ย่อมไม่ต่างจากผู้ที่ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย

ปีศาจในเรื่องนี้นั่งฟังธรรมของพระโพธิสัตว์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังคงทำชั่วด้วยความหลง จนเกือบสิ้นชีวิตเพราะความไม่ระวังตน โชคดีที่ธรรมยังช่วยได้ทัน ไม่ใช่เพราะมันฟังดี แต่เพราะมันเชื่อในคำเตือนสุดท้ายของผู้พูดจริงจากใจ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องพระโพธิสัตว์กับปีศาจ (อังกฤษ: Bodhisattva and the Monster) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุสสชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ โดยแสดงให้เห็นพลังแห่งธรรมะที่แม้ผู้ไม่ได้ปฏิบัติตาม ก็ยังได้รับอานิสงส์จากการรับฟังในยามคับขัน

พระพุทธองค์ตรัสเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งมักฟังธรรมเสมอ แต่ยังประพฤติผิดธรรม พระองค์จึงทรงเล่าย้อนถึงชาติหนึ่งที่พระองค์เสวยชาติเป็นฤาษีผู้มีจิตเมตตา แม้ปีศาจจะยังทำบาปอยู่ ท่านก็ไม่รังเกียจในการแสดงธรรม

ปีศาจในเรื่องแม้ไม่เข้าใจธรรมแท้ แต่เมื่อถึงคราวอันตราย คำเตือนเพียงหนึ่งคำจากพระโพธิสัตว์ก็ยังช่วยให้รอดจากภัยได้ ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “แม้เพียงฟังธรรม ก็ยังดีกว่ามิได้ฟังเลย”

ฟังธรรมโดยไม่เปลี่ยนใจ ย่อมไม่ต่างจากปีศาจในคราบผู้ดี แต่หากยังมีใจเชื่อเมื่อถึงคราวตาย ธรรมก็ยังพอมีทางช่วยไว้ได้


by