ปกนิทานชาดกเรื่องการเป็นคนดี

นิทานชาดกเรื่องการเป็นคนดี

ความดีนั้น ไม่ใช่เครื่องแต่งกายที่จะใส่เมื่อมีคนมอง และไม่ใช่ชื่อเสียงที่สร้างจากคำพูดของผู้อื่น มีเรื่องเล่านิทานชาดก ที่สะท้อนว่า ความดี… วัดได้ยามที่ไม่มีใครยกย่อง

บางคนดูงามเมื่ออยู่ต่อหน้า แต่ภายในกลับมืดเกินแสงธรรม บางครั้ง คำพูดของคนแปลกหน้ากระเทาะความจริงได้ลึกยิ่งกว่าธรรมเทศนา และบางที… การตั้งคำถามกับตนเอง ก็คือประตูแรกของการเป็นคนดีจริง ๆ กับนิทานชาดกเรื่องการเป็นคนดี

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องการเป็นคนดี

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องการเป็นคนดี

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในราชสำนักของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง มีปุโรหิตซึ่งเป็นเสาหลักทางธรรมประจำแผ่นดิน ผู้คนเคารพนับถือเขา ทั้งในฐานะผู้รู้ ผู้ทรงธรรม และผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ทุกถ้อยคำของเขาเป็นที่ฟัง ทุกการกระทำเป็นที่เชื่อ

แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะที่เขานั่งเงียบอยู่คนเดียวในห้องโถงกลาง พระทัยก็เกิดคำถามขึ้นว่า

“เราได้รับความเคารพเช่นนี้…เพราะเราเป็นผู้ดีมีชาติกำเนิด? เพราะเรามีความรู้? หรือเพราะเรามีความดีจริง ๆ กันแน่?”

คำถามนั้นไม่อาจละทิ้งจากใจได้เลย เขาเริ่มพินิจตนเอง แต่ยิ่งคิดกลับยิ่งไม่แน่ใจ เขาจึงตัดสินใจจะทดสอบคำตอบด้วยวิธีหนึ่ง วิธีที่อาจทำให้เสียสิ่งที่มีอยู่ แต่ก็จะได้ความจริงกลับมา

ปุโรหิตเดินไปยังโรงหล่อเหรียญทองของหลวง เขาแสร้งทำทีเป็นเพียงผู้มาเยี่ยมตามหน้าที่ ก่อนจะหยิบเหรียญทองที่ยังไม่เสร็จดีขึ้นมาดู แล้วเก็บใส่ชายผ้าเงียบ ๆ คนทำเหรียญเห็นแต่ไม่เอ่ยวาจา ด้วยยังเชื่อในเกียรติของชายตรงหน้า

วันต่อมา เขาทำอีกครั้ง และวันที่สาม เขาก็ทำอีกโดยไม่ลังเล

แต่คราวนี้ คนทำเหรียญตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว “ท่านเป็นขโมย! ข้าเคยคิดว่าท่านเป็นคนดี แต่บัดนี้ข้าไม่เชื่ออีกแล้ว”

คำพูดนั้นทิ่มแทงกว่าดาบ เขาถูกจับด้วยเจ้าหน้าที่หลวง และถูกลากออกไปยังท้องพระโรงเพื่อเผชิญหน้ากับพระราชา ไม่มีใครกล้าห้าม ไม่มีใครตั้งคำถาม เพราะภาพของเขาได้ถูกทำลายแล้วในพริบตา

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องการเป็นคนดี 2

ระหว่างทางที่เขาถูกนำตัวไปยังท้องพระโรงโดยช่างหล่อเหรียญและทหารเวร ปุโรหิตเดินผ่านกลุ่มผู้คนที่ยืนมุงดู เขาไม่ได้หลบตาใคร ไม่ร้องแก้ต่าง และไม่มีสีหน้าใดเลยบนใบหน้า นอกจากความนิ่งลึกที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่อธิบายได้

ข้างทางนั้น มีชายเลี้ยงงูผู้หนึ่งนั่งอยู่กับกล่องไม้ที่มีฝาปิด เขากำลังเตรียมเชือกและไม้ขลุ่ยอยู่เงียบ ๆ ปุโรหิตมองเห็นและกล่าวด้วยความหวังดี “เจ้าจงระวังงู อย่าลืมว่ามันกัดได้แม้เจ้าจะเลี้ยงมันก็ตาม”

ชายเลี้ยงงูเหลือบตามองเพียงแวบ ก่อนตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า “นิสัยของงูนั้น ใคร ๆ ก็รู้ ข้าจึงระวังมันเสมอ แต่คนที่ต้องระวังให้มากกว่ากลับเป็นพวกที่ดูเป็นคนดี… แต่ใจกลับเหมือนงูต่างหาก”

คำพูดนั้นไม่ดัง ไม่แรง แต่กลับฝังแน่นในอกยิ่งกว่าคำกล่าวหาทั้งหมดที่ผ่านมา

เมื่อปุโรหิตได้เข้าเฝ้าพระราชา เขาไม่รอให้ผู้ใดกราบทูล แต่เป็นฝ่ายกล่าวขึ้นก่อน “ข้าแต่พระองค์… เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ข้าเป็นผู้กระทำเอง ด้วยจงใจ”

พระราชาทรงนิ่ง ขณะที่ทุกคนในท้องพระโรงเงียบกริบ

“ข้าเพียงอยากรู้ ว่าที่ผู้คนเคารพเรานั้น เพราะสิ่งใดกันแน่…ชาติกำเนิด ความรู้ หรือความดี”

เขาเล่าทุกอย่างด้วยเสียงราบเรียบ ตั้งแต่การทดลอง การถูกกล่าวหา จนถึงถ้อยคำของชายเลี้ยงงู พระราชาทรงฟังอย่างเงียบงัน จนกระทั่งเขาพูดจบ แล้วจึงตรัสตอบว่า “เจ้าได้คำตอบแล้วใช่หรือไม่”

ปุโรหิตก้มศีรษะ “ข้าได้แล้ว พระองค์ ข้าเข้าใจว่า… ความดีนั้นไม่อาจสร้างด้วยภาพลักษณ์ ไม่อาจวัดด้วยความรู้ หากแต่ฝังอยู่ในการกระทำที่ผู้คนสัมผัสได้ตลอดเวลา”

พระราชาทรงพยักหน้า ไม่ลงโทษ ไม่กล่าวตัดสิน มีเพียงรับสั่งให้เขากลับไปยังตำแหน่งเดิม และตั้งแต่นั้น ปุโรหิตก็ไม่สงสัยอีกเลย ว่าเหตุใดผู้คนจึงเคารพคนคนหนึ่ง… แม้จะไม่รู้จักเขาเลย

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องการเป็นคนดี 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความดีแท้ ไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิดหรือความรู้ หากอยู่ที่ความสม่ำเสมอในการกระทำ และความซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ไม่มีใครเห็น

ปุโรหิตผู้ทดสอบตนเองด้วยการทำผิด แม้เพียงเล็กน้อย กลับได้เห็นว่าความไว้วางใจนั้นเปราะบางเพียงใด และว่าความดีที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ประกาศ แต่คือสิ่งที่ผู้คน “รู้” โดยไม่ต้องมีใครพูด

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องการเป็นคนดี (อังกฤษ: Being Good) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุสสชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ โดยมีแก่นเรื่องว่าด้วยการตั้งคำถามถึงคุณค่าของ “ความดี” และความเข้าใจผิดที่อาจเกิดจากภาพลักษณ์ภายนอก

พระพุทธองค์ตรัสเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อภิกษุรูปหนึ่งตั้งคำถามว่า ตนควรทำสิ่งใดจึงจะเป็นที่เคารพนับถืออย่างแท้จริง พระองค์จึงทรงเล่าย้อนถึงชาติหนึ่งที่พระองค์เสวยชาติเป็นปุโรหิตผู้ได้รับความเคารพจากผู้คนทั้งแผ่นดิน แต่ก็ยังเกิดความสงสัยในจิตใจ

พระองค์แสดงให้เห็นว่า ความดีมิใช่สิ่งที่ผู้อื่นกำหนดให้ มิใช่สิ่งที่ตกทอดจากวงศ์ตระกูล หรือแสดงออกผ่านตำแหน่ง หากคือสิ่งที่สะสมผ่านการกระทำและความสม่ำเสมอที่ไม่มีใครเห็นแต่ทุกคนสัมผัสได้

ความดีที่แท้ ไม่ได้อยู่ในคำยกย่อง แต่อยู่ในการกระทำที่ไม่เปลี่ยน…แม้ไม่มีใครมองเห็น


by