ในโลกของเซน คำตอบที่แท้จริงมักไม่ได้อยู่ในถ้อยคำ หากแต่อยู่ในช่องว่างระหว่างการกระทำและความเงียบ ความรู้แจ้งไม่ใช่สิ่งที่ต้องอธิบายให้เข้าใจ แต่คือสิ่งที่สัมผัสได้โดยไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย
มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง ที่เล่าถึงอาจารย์ผู้ไม่เคยยิ้มตลอดชีวิต แม้จะสอนธรรมะมานานนับสิบปี แต่กลับเผยรอยยิ้มครั้งแรกในวาระสุดท้ายเพราะคำตอบที่ไม่มีคำพูด กับนิทานเซนเรื่อง รอยยิ้มในช่วงชีวิตของเขา

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องรอยยิ้มในช่วงชีวิตของเขา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในวัดเล็กหลังเขาทางตะวันตกของแคว้น มีอาจารย์เซนชื่อโมคุเง็น ผู้เป็นที่เคารพในหมู่ศิษย์ทั่วภูมิภาค เขาเป็นชายชราผู้ไม่พูดพร่ำ ไม่กล่าวธรรมอ้อมค้อม และไม่เคยยิ้มออกมาสักครั้งเลยตลอดยี่สิบปีที่สั่งสอนศิษย์
ศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าเล่าว่า “แม้ได้ยินเสียงหัวเราะจากอาจารย์องค์อื่น แต่เรากลับไม่เคยเห็นแม้เพียงรอยยิ้มของท่านโมคุเง็น”
เขาเคร่งขรึมในท่าทางและคำสอน ยิ่งกว่านั้น สายตาของเขาคมและเงียบ เหมือนลมหายใจของผู้ที่รู้แจ้งแต่ไม่เปิดเผย
ศิษย์คนหนึ่งชื่อเอนโจอยู่กับเขามานานนับสิบปี แม้ไม่เคยได้คำชม แต่เขายังคงอยู่ รับใช้ ดูแล และฝึกสมาธิอย่างเงียบงัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ฟ้าเหนือวัดเต็มไปด้วยเมฆขาว อากาศสงบเหลือเกิน ราวกับรู้ว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
อาจารย์โมคุเง็นนอนบนเสื่อฟาง ใบหน้าซีดจาง แต่แววตายังเฉียบชัด
ในห้องไม้เล็ก ๆ ที่ล้อมด้วยศิษย์ใกล้ชิด อาจารย์โมคุเง็นเอ่ยด้วยเสียงช้าแต่หนักแน่น “เจ้าทั้งหลายอยู่กับข้ามากว่าสิบปี จงแสดงให้ข้าเห็นความเข้าใจเซนของเจ้าที่แท้จริง ใครแสดงได้ชัดที่สุด ผู้นั้นจะได้รับจีวรและบาตรของข้า เป็นผู้สืบธรรม”
ศิษย์ทั้งห้องนิ่งงัน ทุกสายตาจับจ้องไปยังใบหน้าอันเคร่งขรึมของท่าน ไม่มีใครกล้าขยับ ไม่มีเสียงตอบใดถูกเปล่งออกมา
แต่แล้ว เอนโจ ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เตียงของอาจารย์ เขาไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเพียงยื่นมือไปข้างหน้าแล้ว เลื่อนถ้วยยาไปข้างหน้าอีกไม่กี่นิ้ว
โมคุเง็นมองเขานิ่ง สายตาไม่เปลี่ยน แล้วกล่าวด้วยเสียงที่เย็นกว่าเดิม “เพียงเท่านี้หรือ นั่นคือทั้งหมดที่เจ้ารู้?”
เอนโจยังคงเงียบ เขายื่นมือไปอีกครั้ง แล้ว เลื่อนถ้วยยากลับไปยังที่เดิม
ในห้องที่ไม่มีเสียงใด ความเงียบกลายเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความหมาย

หลังจากเอนโจเลื่อนถ้วยยากลับไปที่เดิม ห้องทั้งห้องก็ยังเงียบงัน ไม่มีใครกล้าหายใจแรง ทุกคนเฝ้ามองสีหน้าของอาจารย์โมคุเง็น รอว่าเขาจะตอบอย่างไร
แล้วทันใดนั้นเอง…
บนใบหน้าอันนิ่งเฉียบตลอดชีวิตของเขา รอยยิ้มบางเบาก็ผุดขึ้น ราวกับแสงอาทิตย์อุ่นส่องผ่านม่านเมฆหนา
ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีถ้อยคำธรรมะยืดยาว มีเพียงประโยคสั้น ๆ ที่เปี่ยมด้วยทั้งความกรุณาและความรู้แจ้ง
“เจ้ามันเจ้าเล่ห์จริง ๆ”
“อยู่กับข้ามาสิบปี ยังมองไม่เห็นทั้งร่างกายของข้าเลยหรือ”
ศิษย์ทั้งหลายตะลึงกับรอยยิ้มนั้น ไม่ใช่เพราะมันอบอุ่น แต่เพราะมันจริง มันเต็ม มันมีน้ำหนักของคำสอนที่ไม่ต้องพูด
“รับจีวรและบาตรของข้าไป มันเป็นของเจ้า” โมคุเง็นกล่าวก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ รอยยิ้มนั้นยังคงอยู่บนใบหน้าจนลมหายใจสุดท้ายสิ้นไป
เอนโจประคองของทั้งสองชิ้นไว้ในมืออย่างนิ่งสงบ ไม่มีพิธีกรรม ไม่มีเสียงร่ำไห้ มีเพียงสายลมที่พัดใบไม้ร่วงเบา ๆ ผ่านหน้าต่างไม้
ศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก้มศีรษะให้เอนโจ ไม่ใช่เพราะเขา “ตอบคำถาม” ได้ดีที่สุด แต่เพราะเขาเข้าใจว่า “การกระทำที่ว่างเปล่าแต่เต็มด้วยสติ คือคำสอนที่ลึกที่สุดของเซน”
วันต่อมา เอนโจกวาดลานวัดเหมือนทุกวัน มีศิษย์ใหม่เข้ามาทักด้วยความเคารพ “ท่านอาจารย์ ท่านเรียนธรรมะจากอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านคงได้รับคำสอนล้ำค่ามากมาย”
เอนโจหยุดกวาดไม้ แล้วกล่าวเพียงว่า “บางครั้ง รอยยิ้มเดียว ก็สอนเราได้มากกว่าพันคำพูด”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความเข้าใจในเซนไม่ได้อยู่ที่คำพูดหรือคำตอบเฉียบคม แต่อยู่ที่การกระทำอันเรียบง่ายที่เกิดจากจิตที่ตื่นรู้และอยู่กับปัจจุบันจริง ๆ เพราะเซนไม่ใช่สิ่งที่อธิบายได้ดีที่สุด แต่คือสิ่งที่ไม่ต้องอธิบายก็สัมผัสได้
เอนโจไม่ได้พยายามจะแสดงความรู้หรืออวดความเข้าใจต่อหน้าศิษย์คนอื่น เขาเพียงเลื่อนถ้วยยากระทำอย่างเงียบ ง่าย และตรงไปตรงมา โดยไม่คาดหวังคำชม แต่กลับกลายเป็นคำตอบที่ทะลุผ่านกรอบคำถามเดิม โมคุเง็นผู้ไม่เคยยิ้ม ยังยิ้มออกในวาระสุดท้าย เพราะเขาเห็นว่าศิษย์ของตนเข้าใจสิ่งที่ไร้ถ้อยคำ นั่นคือการรู้เห็นธรรมะทั้งร่างกาย ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของคำสอน
อ่านต่อ: นิทานเซนแฝงข้อคิดเรื่องเล่าที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยปรัชญาลึกซึ้ง
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องรอยยิ้มในช่วงชีวิตของเขา (อังกฤษ: A Smile in His Lifetime) มีที่มาจากเกร็ดธรรมะในแนวเซน ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือชุดคลาสสิกอย่าง Zen Flesh, Zen Bones ซึ่งรวบรวมโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki
เรื่องต้นฉบับเป็นบันทึกเกี่ยวกับพระเซนชื่อโมคุเง็น (Mokugen) ผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าไม่เคยยิ้มตลอดชีวิต แม้ในช่วงที่เขาอบรมศิษย์มายาวนานกว่า 10 ปี แต่ในวาระสุดท้าย เขากลับยิ้มเพียงครั้งเดียว เมื่อศิษย์คนหนึ่งตอบคำถามสุดท้ายด้วยการกระทำที่เงียบงันและเปี่ยมด้วยความหมาย
เรื่องนี้เป็นตัวอย่างคลาสสิกของวิถีเซน ที่เน้นการแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านการตีความทางวาจา และชี้ให้เห็นว่า การรู้แจ้ง มักอยู่ในสิ่งเรียบง่าย ไม่ใช่สิ่งที่ซับซ้อนหรือพิธีรีตองใหญ่โต
คติธรรม: “ธรรมะแท้จริง ไม่ต้องพูด ไม่ต้องแปล เพียงแตะต้องด้วยใจที่ว่างและการกระทำที่ตื่นรู้”