ปกนิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย

นิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย

บางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทันที บางคำก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ชัด เพราะแท้จริงแล้ว คำสอนบางอย่างไม่ได้ถูกส่งผ่านประโยคตรง ๆ แต่ซ่อนอยู่ในภาพที่เปรียบให้เราคิดเอาเอง

พระสูตรบทหนึ่งในรูปแบบนิทานเซนเรื่องหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ภิกษุผู้หนึ่งฟัง เรื่องของชายผู้เผชิญความตายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่กลับพบรสหวานบางอย่างระหว่างกลางนั้น กับนิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งเดินทางข้ามทุ่งหญ้าเพียงลำพัง เขาแบกถุงผ้าเล็ก ๆ ใส่อาหารและน้ำ ตั้งใจจะเดินทางไปยังหมู่บ้านอีกฟากหนึ่งของภูเขา ขณะกำลังเดินผ่านพงหญ้า เขาได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ตรงเข้ามาจากด้านหลัง

เมื่อหันกลับไป เขาเห็นเสือโคร่งตัวใหญ่กำลังวิ่งเข้าหาเขาด้วยสายตาที่แน่วแน่ เขาตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น รีบหันกลับแล้วอุทานว่า “ไม่จริงน่า… เสืองั้นหรือ?”

เขาเริ่มวิ่งหนีทันที โดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง วิ่งข้ามลำธาร ผ่านโขดหิน และในที่สุดมาถึงหน้าผาสูงชันที่ไม่มีทางให้เดินต่อได้ เขามองลงไปเห็นความลึกที่ชวนเวียนหัว ขณะเดียวกัน เสือก็เข้าใกล้เรื่อย ๆ

เขามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว และเห็นเถาวัลย์เส้นหนึ่งยื่นออกมาจากรอยแยกในหิน เขารีบคว้าหมับและกระโดดลงไป ห้อยตัวไว้กลางอากาศ เสือบนหน้าผาก้มลงมามองเขาอย่างไม่ลดละ ส่งเสียงคำรามเบา ๆ อย่างหงุดหงิด

“เอาเถอะ… อย่างน้อยก็ยังไม่ถูกกินตอนนี้…” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

ชายคนนั้นแขวนตัวอยู่กลางหน้าผา มีเพียงเถาวัลย์เส้นเดียวที่พยุงเขาไว้จากความตาย เสือบนหน้าผาก้มลงมาด้วยสายตาเฝ้ารอ ขณะที่ด้านล่างของเขา เสืออีกตัวหนึ่งนั่งรออยู่เงียบ ๆ เหมือนรู้ว่าจะได้อาหารในไม่ช้า

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย 2

เขาหันซ้ายขวาอย่างสิ้นหวังแล้วพูดกับตัวเองว่า “ข้างบนก็ไม่ได้ ข้างล่างก็ไม่รอด… แล้วข้าควรทำอะไรดี ?”

ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นเถาวัลย์ที่ตัวเองกำลังเกาะไว้ กำลังถูกหนูสองตัวกัดทีละน้อย ตัวหนึ่งสีขาว อีกตัวสีดำ พวกมันแทะเถาวัลย์อย่างสลับกันไปมาอย่างเงียบ ๆ

“พวกเจ้า… หยุด เดี๋ยวนี้ !” เขาอุทานเสียงดัง แต่หนูทั้งสองก็ไม่สะทกสะท้าน ยังคงกัดต่อไปอย่างมั่นคง เถาวัลย์เริ่มขาดลงอย่างช้า ๆ ไม่มีอะไรหยุดมันได้

เขาหายใจแรง ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ผนังหินข้างตัว ใกล้ ๆ มือของเขา มีสตรอว์เบอร์รีลูกหนึ่งแดงสดงอกออกมาจากต้นเล็ก ๆ เขาเบิกตากว้างแล้วพูดกับตัวเองว่า “อยู่ตรงนี้… ได้ยังไง ?”

เขาจ้องมองผลไม้เล็ก ๆ นั้นอย่างลืมความกลัวชั่วขณะ

เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปช้า ๆ ค่อย ๆ เอื้อมไปยังสตรอว์เบอร์รีลูกนั้น เถาวัลย์ในมืออีกข้างยังคงเป็นสิ่งเดียวที่ค้ำจุนเขาไว้จากการตกลงไปในเหว เมื่อปลายนิ้วสัมผัสผลไม้ เขารู้สึกได้ถึงความเย็น ความนุ่ม และความสดใหม่อย่างไม่น่าเชื่อ เขาจับมันอย่างระมัดระวัง แล้วเด็ดออกมาจากต้น

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย 3

“นี่หรือ… ที่ข้ายังมีโอกาสได้ลิ้มรสอยู่ตอนนี้ ?” เขาพูดกับตัวเอง ขณะที่เถาวัลย์ยังคงถูกกัดกร่อนจากหนูทั้งสอง เขารู้ดีว่าไม่มีอะไรหยุดมันได้ และเสือทั้งสองตัวก็ยังไม่จากไปไหน แต่เขากลับรู้สึกว่ามือที่ถือผลไม้ไว้แน่นนั้นมั่นคงกว่าความกลัวในใจเสียอีก

เขคอมสตรอว์เบอร์รีเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ และเงียบ ๆ แล้วกล่าวเสียงเบาแต่ชัดเจนว่า “หวาน… หวานกว่าที่ข้าเคยกินมาทั้งชีวิต…”

ในวินาทีนั้น เขาไม่รู้ว่าเถาวัลย์จะขาดเมื่อไร ไม่รู้ว่าเสือจะกระโจนลงมา หรือเขาจะร่วงลงไปสู่ความตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า แต่สิ่งที่เขารู้แน่ชัดก็คือ เขาได้ลิ้มรสสตรอว์เบอร์รีลูกหนึ่งอย่างแท้จริง โดยไม่ถูกรบกวนจากอดีตหรือความกังวลในอนาคต

เขาไม่ยิ้ม ไม่หลับตา ไม่แสดงท่าทีใดเกินจำเป็น แต่ความนิ่งสงบในใจของเขานั้นชัดเจนกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เสียงคำรามของเสือ ความกรอบของเสียงเถาวัลย์ที่ถูกกัด หรือแม้แต่แรงลมจากหน้าผา ล้วนเงียบลงในใจเขา

“ข้ารู้แล้ว ว่าข้าอยู่ตรงไหน และอะไรที่ยังอยู่กับข้าในตอนนี้…” เขาพูดเสียงเบาในใจของตัวเอง ไม่ได้หมายถึงสตรอว์เบอร์รีเท่านั้น แต่หมายถึงการมีชีวิตอยู่ในขณะนั้นจริง ๆ

แม้สภาพแวดล้อมรอบตัวยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือจิตใจของเขาเอง

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย 4

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… แม้เราจะอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอน ความกลัว หรือความตายที่รออยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่หากเราสามารถวางใจให้อยู่กับปัจจุบันขณะได้จริง ๆ ชีวิตก็ยังมีความหวานซ่อนอยู่ในวินาทีนี้เอง

ชายหนุ่มผู้หนีเสือไม่ได้ถูกสอนให้แก้ปัญหา ไม่ได้ถูกชี้ทางหนี หรือได้รับปาฏิหาริย์ใด ๆ เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางออก มีเพียงเถาวัลย์ที่กำลังจะขาด หนูที่กัดไม่หยุด และเสือที่รอทั้งสองด้าน แต่ท่ามกลางทุกอย่างนั้น เขากลับมองเห็นผลสตรอว์เบอร์รีและเลือกจะลิ้มรสมันด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยม ไม่มีการหนี ไม่มีการหวัง และไม่มีการปฏิเสธ เขาใช้ชีวิตจริง ๆ ในขณะนั้น และนั่นคือหัวใจของคำสอนที่พระพุทธเจ้าต้องการให้เห็น ความสุขที่แท้จริงมีได้แม้ในภาวะคับขัน หากจิตใจไม่หลงออกจากปัจจุบัน

อ่านต่อ: ค้นพบหลักธรรมพุทธศาสนาวิถีเซนผ่านนิทานเซนสั้น ๆ สนุก ๆ ได้ข้อคิดดี ๆ ให้กับชีวิต

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเซนเรื่องคำอุปมาอุปไมย (อังกฤษ: A Parable) นิทานเรื่องนี้มาจากหนึ่งในอุปมาอุปไมยที่ปรากฏในพระสูตรของพระพุทธเจ้า และได้รับการบันทึกไว้ในชุด 101 Zen Stories ซึ่งเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าแนวเซนโดย Nyogen Senzaki พระเซนชาวญี่ปุ่นผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พุทธธรรมในโลกตะวันตก และ Paul Reps นักเขียนชาวอเมริกัน หนังสือนี้ถูกรวมพิมพ์ในชื่อ Zen Flesh, Zen Bones ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957

เรื่องราวนี้ถือเป็นหนึ่งเป็นหนึ่งในนิทานเซนที่โด่งดังที่สุดในบริบทของ “การมีสติในปัจจุบันขณะ (Present Moment Awareness)” และ “ความเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต” โดยใช้อุปมาของชายที่เผชิญกับอันตรายจากทุกทิศทาง แต่กลับพบรสแห่งชีวิตในช่วงเวลาที่เหลืออยู่เพียงเสี้ยววินาที

ชื่อนิทานที่ว่า “คำอุปมาอุปไมย” เป็นใช้การเปรียบเทียบเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผ่านภาพในใจ ไม่ใช่ผ่านเหตุผล เช่น เสือแทนภัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หนูแทนกาลเวลา สตรอว์เบอร์รีแทนความสุขที่มีอยู่ในปัจจุบัน นั่นเอง

คติธรรม: “ในขณะที่ชีวิตยังคงไม่แน่นอน และความตายอาจอยู่ใกล้เพียงปลายมือ หากใจไม่หลงไปในอดีตหรืออนาคต เราก็ยังสามารถลิ้มรสความหวานของชีวิตในขณะนี้ได้อย่างเต็มที่”


by