ปกนิทานเต้าเต๋อจิงคำเตือนต่อสงคราม

นิทานเต้าเต๋อจิงคำเตือนต่อสงคราม

ในโลกที่อำนาจและความรุนแรงมักถูกเชื่อว่าเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ ลึกลงไปยังมีหลักธรรมอันละเอียดอ่อนของเต๋าที่ชี้ให้เห็นถึงพลังแห่งความสงบและการรู้จักยับยั้ง

มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง บันทึกบทเรียนของผู้นำและการจัดการความขัดแย้ง ที่สะท้อนถึงการดำเนินชีวิตตามธรรมชาติและการประพฤติที่ไม่ฝืนเหตุการณ์รอบตัว กับนิทานเต้าเต๋อจิงคำเตือนต่อสงคราม

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องคำเตือนต่อสงคราม

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงคำเตือนต่อสงคราม

ค่ำวันหนึ่ง ข้าเดินทางไปตามเส้นทางเก่าที่ทอดสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้นชายแดน
ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเห็นทุ่งนาที่อุดมสมบูรณ์และเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างร่าเริง

แต่วันนี้กลับเงียบงันราวกับถูกพรากวิญญาณไปแล้ว บ้านเรือนหลายหลังกลายเป็นซากไหม้ดำ เหลือเพียงควันจาง ๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

ไร่นาที่เคยเต็มไปด้วยรวงข้าว กลับกลายเป็นพื้นดินแข็งแห้งแล้ง เต็มไปด้วยหนามและวัชพืชที่งอกแทน

ข้าเห็นชายชรานั่งก้มหน้าอยู่หน้าบ้านร้าง เด็กเล็กเกาะชายเสื้อแม่ร้องไห้เสียงสั่น น้ำตาของพวกเขาเหมือนหยดเลือดที่ซึมลงบนผืนดิน

ข้าจึงถามขึ้นเบา ๆ ว่า “เกิดสิ่งใดขึ้นกับหมู่บ้านแห่งนี้หรือ ทำไมจึงรกร้างเช่นนี้?”

ชายชราเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาหม่นหมอง “กองทัพใหญ่เพิ่งยกมาตั้งค่ายไม่ไกลจากที่นี่ พวกเขาเก็บอาหารไปหมด เผาบ้านไว้ไม่กี่หลังเพื่อขู่ชาวบ้าน คนหนุ่มถูกเกณฑ์ไปรบ… เหลือไว้เพียงพวกเราเท่านี้”

เสียงนั้นสั่นเครือ แต่คำพูดกลับหนักแน่นดุจหินทับอก

ข้าฟังแล้วรู้สึกถึงความจริงอันโหดร้ายว่า ทุกที่ที่กองทัพยกผ่าน ย่อมเหลือเพียงความทุกข์ยากและปีแห่งความอดอยากที่จะตามมา

ไม่นาน ข้าได้ยินข่าวว่าแม่ทัพใหญ่ของกองทัพนั้นคือ “ซุนวู” ผู้ที่ชื่อเสียงโด่งดังเรื่องกลยุทธ์และชัยชนะในสนามรบ

ความอยากรู้ทำให้ข้าเดินต่อจนถึงชายป่าที่ติดค่ายทัพ เบื้องหน้าคือกำแพงไม้สูงตระหง่าน มีธงทิวโบกสะบัด เสียงกลองศึกดังสะท้อนมาอย่างต่อเนื่อง

แต่ในท่ามกลางความโกลาหลนั้น ข้ากลับสัมผัสได้ถึงความสงบที่บางเบา คล้ายกับว่ามีใครบางคนยืนคุมอยู่ด้วยสติอันมั่นคง

บนหอสูงนั้นเอง ข้าเห็นซุนวูยืนพิงราวไม้ เขามิได้หัวเราะ มิได้ยกถ้วยสุราฉลองเหมือนเจ้าแคว้นทั้งหลาย

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและความเหน็ดเหนื่อย

ข้าได้ยินเสียงสนทนาของเขากับนายทหารใกล้ตัวลอดออกมา “แม่ทัพ… พวกเราชนะแล้ว จะไล่ตีต่อไปหรือไม่?”

ซุนวูส่ายหน้าเบา ๆ “พอแล้ว ชัยชนะที่เบื้องหลังเต็มไปด้วยซากบ้านเรือนและน้ำตาของผู้คน ไม่ใช่สิ่งควรฉลอง การศึกมีไว้เพื่อป้องกัน มิใช่เพื่ออวดอำนาจ”

คำพูดนั้นก้องอยู่ในใจข้า

และในแววตาของเขา ข้าเห็นชัดว่า เขาเข้าใจสงครามมิใช่วิถีของเต๋า แต่เป็นเพียงสิ่งจำเป็นที่มนุษย์ต้องเผชิญ

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องคำเตือนต่อสงคราม 2

คืนนั้น ข้าเดินผ่านแนวค่าย เห็นกองทหารจำนวนมากพักผ่อนอยู่รอบกองไฟ หลายคนพันแขนพันขาด้วยผ้าเปื้อนเลือด บางคนก้มหน้าซ่อนน้ำตา

เพราะแม้ได้ชัยชนะ แต่ก็สูญเสียเพื่อนร่วมรบไปไม่น้อย

ข้าจึงยิ่งรู้สึกว่า สงครามไม่เคยมีผู้ชนะที่แท้จริง มีเพียงบาดแผลที่แบ่งกันคนละแผล

รุ่งเช้า ข้าได้รับโอกาสเข้าพบซุนวูโดยบังเอิญ

เขามองข้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเรียบแต่หนักแน่น “ท่านคือเล่าจื๊อใช่หรือไม่? ข้าได้ยินว่าท่านเป็นผู้ใฝ่รู้ในเต๋า”

ข้ามิได้ตอบอะไรทันที

เขาจึงถอนหายใจยาวและพูดว่า “ท่านเห็นหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ นี้? บ้านเรือนพัง ผู้คนทุกข์ยาก นี่คือสิ่งที่ข้าไม่เคยต้องการ แต่บางครั้งแผ่นดินถูกบังคับให้เลือดไหล มิใช่เพราะเราปรารถนา หากเพราะมิอาจหลีกเลี่ยง”

ข้าตอบเขาไปว่า “ผู้ใดที่คิดใช้กำลังเพื่อยึดครองสิ่งใด สุดท้ายสิ่งนั้นจะหลุดลอยจากมือ การใช้ดาบเพียงขู่ให้ผู้คนสยบ ย่อมนำความพินาศมากกว่าความมั่นคง”

ซุนวูเงียบไปนาน สายตาเขามองออกไปไกล คล้ายกำลังครุ่นคิดถึงถ้อยคำนั้น

หลายวันต่อมา ข้าออกจากค่าย เดินผ่านหมู่บ้านที่ถูกทิ้งร้าง เงียบงันราวกับเวลาหยุดเดินทว่าในความเงียบนั้น ข้ากลับได้ยินเสียงเตือนก้องอยู่ในใจ “เมื่อใดที่กองทัพใหญ่ยกผ่าน ที่นั่นจะเหลือเพียงหนามและปีแห่งความอดอยาก”

ประโยคนี้คือความจริงที่ข้าอยากบันทึกไว้ในตำรา เพื่อให้ผู้คนรุ่นหลังเข้าใจว่า การอวดอำนาจด้วยสงคราม

คือการผลักตนเองให้ห่างไกลจากเต๋า และเร่งวันสิ้นสุดของตน

ข้าเขียนลงบนแผ่นไผ่ว่า

“แม่ทัพผู้ฉลาด ย่อมโจมตีเพียงเมื่อจำเป็น และหยุดทันทีที่ทำได้
เขาไม่โอ้อวด ไม่ทะนง ไม่แสวงหาความยิ่งใหญ่จากเลือดและเถ้าถ่าน
เพราะรู้ดีว่า สิ่งใดถึงที่สุดแล้วก็ต้องเสื่อมลง”

แล้วข้าก็สรุปแก่ตัวเองเงียบ ๆ ว่า คำเตือนที่แท้จริงของสงคราม มิได้มีไว้เพียงสำหรับเจ้าแคว้นหรือแม่ทัพใหญ่

แต่ยังสำหรับชีวิตของเราทุกคน หากเราพยายามบังคับ ยึดครอง หรือข่มผู้อื่น สิ่งนั้นก็จะย้อนกลับมาทำร้ายเราเอง

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องคำเตือนต่อสงคราม 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การใช้กำลังเพื่อต้องการครอบครองหรือยึดสิ่งใดโดยไม่จำเป็นย่อมนำมาซึ่งความพินาศและความทุกข์ ทั้งต่อผู้อื่นและต่อผู้ที่ก่อการเอง การโจมตีหรือการป้องกันควรกระทำเฉพาะเมื่อจำเป็น และต้องหยุดทันทีเมื่อสิ่งนั้นสำเร็จ มิใช่เพื่อโอ้อวดหรือเสริมอำนาจ นี่แหละคำเตือนเรื่องสงครามที่เล่าจื๊ออยากจะบอก

ในนิทาน เล่าจื๊อเห็นแล้วว่าผู้ใดที่หลงระเริงในชัยชนะ มักลืมไปว่าผลลัพธ์ของความรุนแรงกลับทำลายชีวิตบ้านเมืองและจิตใจผู้คน เหตุการณ์ของซุนวูทำให้เล่าจื๊อตระหนักว่า ความสงบ ความถ่อมตน และการลงมือเฉพาะสิ่งจำเป็น คือหนทางแห่งเต๋าที่แท้จริง แม้เราจะเป็นผู้ปกครองกองทัพหรือผู้นำชีวิตตนเอง การไม่ฝืนธรรมชาติและไม่กระทำเกินความจำเป็น ย่อมนำมาซึ่งความมั่นคงและความสงบยืนยาวทั้งแก่ตนและผู้อื่น

อ่านต่อ: เรียนรู้ปรัชญาเต๋าลึกซึ้งแบบเข้าใจง่าย ๆ ผ่านนิทานเต้าเต๋อจิงสั้น ๆ สนก ๆ ที่นี่

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเต้าเต๋อจิงคำเตือนต่อสงคราม (อังกฤษ: A Caveat Against War) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงบทที่ 30 ซึ่งกล่าวถึง “คำเตือนเรื่องสงคราม” อันเป็นแก่นแท้ของวิถีเต๋า การใช้กำลังเพื่อต้องการครอบครองหรือยึดอำนาจมิใช่วิถีของเต๋าแท้จริง เพราะทุกการกระทำเกินจำเป็นย่อมนำมาซึ่งความทุกข์และความพินาศต่อทั้งผู้คนและผู้กระทำ เล่าจื๊อได้บันทึกไว้ว่า:

คำเตือนเกี่ยวกับสงคราม

ผู้ใดปรารถนาช่วยเจ้าแผ่นดินให้สอดคล้องกับเต๋า
ย่อมไม่ใช้กำลังทหารเพื่อยืนยันความเป็นใหญ่ของตน
หนทางเช่นนี้ ย่อมได้รับผลตอบแทนตามธรรมชาติของมัน

ทุกที่ที่กองทัพตั้งค่าย
หนามและพุ่มไม้รกร้างจะงอกขึ้น
ในลำดับของกองทัพใหญ่ มักมีปีที่ขาดความอุดมสมบูรณ์

ผู้บัญชาการผู้ชำนาญโจมตีเพียงครั้งเดียวให้ชัดเจน แล้วหยุด
เขาไม่กล้าเดินหน้าต่อเพื่อยืนยันและสมบูรณ์ความเป็นใหญ่
เขาตีครั้งเดียว แต่ระมัดระวังไม่ให้ตนโอ้อวด อวดอ้าง หรือหยิ่งยโส
เขาตีเพราะจำเป็น ไม่ใช่เพราะปรารถนาความเป็นใหญ่

เมื่อสิ่งใดถึงความสมบูรณ์เต็มที่ มันย่อมเริ่มแก่
นี่เรียกได้ว่าไม่สอดคล้องกับหลักเต๋า
และสิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับเต๋า ย่อมสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว

เล่าจื๊อสอนว่า ผู้ที่เข้าใจหลักธรรมของบทนี้ย่อมรู้จักลงมือเฉพาะเมื่อจำเป็น และหยุดทันทีเมื่อบรรลุเป้าหมาย การกระทำเช่นนี้คือการผสานตนเข้ากับธรรมชาติของเหตุการณ์ ไม่ฝืน ไม่บังคับ และไม่โอ้อวด ผู้ที่ดำรงตนตามวิถีนี้จะรักษาความสงบและความมั่นคงแก่บ้านเมืองและผู้คนโดยรอบ

นิทานเรื่องนี้จึงถูกบันทึกขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนของบทดังกล่าว โดยใช้เรื่องราวของแม่ทัพและกองทัพเป็นเครื่องเตือนใจว่าการกระทำเกินความจำเป็น แม้เพื่อความชอบธรรม ย่อมย้อนกลับมาทำลายตนเองและผู้อื่น นี่คือหัวใจของ “คำเตือนต่อสงคราม” ที่เล่าจื๊อปรารถนาให้ผู้คนทุกยุคได้ตระหนักและเรียนรู้

คติธรรม: “ผู้ใดใช้กำลังเกินจำเป็น ย่อมตกอยู่ใต้ผลของมัน ผู้รู้จักหยุดและลงมือเพียงเท่าที่ควร ย่อมนำความสงบมาสู่ตนและผู้อื่น”