ปกนิทานเซนเรื่องพระพุทธเจ้า

นิทานเซนเรื่องพระพุทธเจ้า

การใช้ชีวิตในแบบที่ต่างกันอย่างสุดขั้วอาจเปิดมุมมองใหม่ให้กับเราได้ และการพบกันระหว่างอาจารย์สองท่านที่มีแนวคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

มีนิทานเซนเรื่องหนึ่งที่เล่าถึงการยึดมั่นในกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมา หรือการเข้าใจชีวิตตามธรรมชาติของตัวเอง คือหนทางที่แท้จริงในการค้นหาความสงบภายในใจ กับนิทานเซนเรื่องพระพุทธเจ้า

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องพระพุทธเจ้า

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องพระพุทธเจ้า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในช่วงยุคเมจิที่โตเกียว มีอาจารย์สองท่านที่มีลักษณะและวิธีการสอนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อาจารย์คนแรกชื่ออุนโช่ เขาเป็นอาจารย์สอนศาสนาพุทธสายชิงงอน ซึ่งเป็นสายที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด

อุนโช่มีวินัยในตัวเองสูงมาก เขาจะไม่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมา และจะไม่รับประทานอาหารหลังจากเวลา 11 โมงเช้า นอกจากนี้ เขายังถือปฏิบัติตามศีลและข้อห้ามอื่น ๆ อย่างเคร่งครัดตามแบบที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้

อีกฝ่ายหนึ่งคืออาจารย์ตันซาน เขาเป็นอาจารย์สอนปรัชญาที่มหาวิทยาลัยจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวคิดและวิธีการที่ต่างออกไป

ตันซานไม่ได้ยึดติดกับคำสอนหรือข้อห้ามใด ๆ เขาเชื่อว่าเมื่อใดที่เขารู้สึกอยากทำอะไร เขาก็จะทำตามความรู้สึกของตนเอง เช่น หากเขารู้สึกหิวเขาก็จะกิน หรือหากเขารู้สึกง่วงก็จะนอน โดยไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับกฎเกณฑ์หรือข้อจำกัดต่าง ๆ ที่สังคมตั้งขึ้น

วันหนึ่ง อุนโช่ได้เดินทางไปเยี่ยมตันซานที่บ้าน ขณะนั้นตันซานกำลังนั่งดื่มไวน์อยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนาไม่อนุญาตให้ผู้ปฏิบัติธรรมสัมผัสโดยเด็ดขาด

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องพระพุทธเจ้า 2

คำพูดของตันซานทำให้อุนโช่รู้สึกโกรธมาก เขายืนอยู่ชั่วขณะและพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่ในที่สุด เขาก็ไม่อาจเก็บความรู้สึกนั้นไว้ได้อีกต่อไป เขาเดินไปหาตันซานและจ้องตาเขาอย่างดุดัน

“เจ้าหมายความว่า ข้าไม่ใช่มนุษย์เพราะข้าไม่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาหรือ?”

อุนโช่พูดเสียงดังและแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน “แล้วถ้าข้าไม่ใช่มนุษย์ ข้าคืออะไร?”

ตันซานยังคงนั่งนิ่ง ๆ เขาพลันยิ้มอย่างสงบ ราวกับคำถามของอุนโช่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตอบอย่างจริงจัง

ตันซานตอบกลับด้วยเสียงที่เบาและสงบ “ข้าคิดว่าเจ้าคือพระพุทธเจ้า”

คำพูดนี้ทำให้อุนโช่หยุดนิ่งไปทันที ความโกรธที่เคยปะทุขึ้นเริ่มค่อย ๆ จางหายไป เขายืนมองตันซานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและสงสัย

อุนโช่เคยเชื่อว่าการปฏิบัติตามข้อห้ามและวินัยในศาสนาคือหนทางเดียวที่จะทำให้เขาเป็นบุคคลที่ดีและศักดิ์สิทธิ์ แต่คำพูดของตันซานทำให้เขารู้สึกถึงความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา

เขาคิดว่าการถือศีลคือการทำตามข้อบังคับภายนอก แต่ตันซานกลับเห็นว่าการหลีกเลี่ยงจากความปรารถนาทางโลกไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เขาเป็นคนดี แต่คือการมองทะลุไปถึงแก่นแท้ของการเป็นมนุษย์การเข้าใจความหมายของการมีชีวิต

ตันซานยิ้มอย่างอบอุ่นและกล่าวเสริม “การที่เจ้าปฏิบัติตามข้อห้ามนั้นดีแล้ว แต่การไม่ยึดติดกับมันและเข้าใจมันอย่างแท้จริง คือการที่เจ้าสามารถเห็นพระพุทธเจ้าในตัวเอง”

อุนโช่ยืนเงียบไปสักพัก คำพูดของตันซานซึมลึกลงในใจของเขา ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า บางครั้งการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นั้น อาจไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงในชีวิต แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือการเข้าใจและตระหนักถึงสิ่งที่อยู่ภายในตัวเรา

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องพระพุทธเจ้า 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การปฏิบัติตามคำสอนและกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมาในชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำตามที่ถูกต้องภายนอก แต่คือการเข้าใจและยอมรับตัวตนที่แท้จริงภายในตัวเอง และบางครั้งสิ่งที่สำคัญกว่ากฎเกณฑ์ คือการมองลึกเข้าไปในแก่นของสิ่งที่เราทำ

อุนโช่ที่ยึดมั่นในข้อห้ามและวินัยทางศาสนาตลอดชีวิต เขาเคยเชื่อว่าการทำตามข้อบังคับจะทำให้เขามีชีวิตที่บริสุทธิ์และดีงาม แต่คำพูดของตันซานที่บอกว่า “เจ้าคือพระพุทธเจ้า” ทำให้เขาเริ่มเห็นว่า บางครั้งการเข้าใจธรรมชาติของตัวเอง และการไม่ยึดติดกับข้อห้ามต่าง ๆ อาจนำไปสู่การตระหนักรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าแค่การทำตามคำสั่งภายนอก ชีวิตที่เต็มไปด้วยการตระหนักรู้ในความจริงภายในตัวเองนั้น คือการเป็นมนุษย์ที่แท้จริง

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเซนเรื่องพระพุทธเจ้า (อังกฤษ: A Buddha) นิทานเรื่องนี้มาจากคำสอนของเซน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดในหลายสำนวนของนักปรัชญาและพระภิกษุในศาสนาพุทธสายเซน โดยเป็นเรื่องราวของอาจารย์อุนโช่ (Unsho) และอาจารย์ตันซาน (Tanzan) ที่เป็นตัวแทนของความแตกต่างในการปฏิบัติธรรมและความเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต

นิทานนี้เป็นการสะท้อนถึงการมองเห็น “ความจริง” ในชีวิตมนุษย์ที่ไม่ได้มาจากการทำตามข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นมนุษย์ผ่านการไม่ยึดติดและการตระหนักรู้ในความเป็นจริงภายในตัวเอง ซึ่งเป็นปรัชญาของเซนที่เน้นการสัมผัสและเข้าใจความจริงในชีวิตแบบตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องผ่านตัวอักษรหรือคำสอนที่ซับซ้อน

นิทานนี้อาจได้รับการถ่ายทอดผ่านการสนทนาของพระภิกษุเซนในช่วงยุคเมจิของญี่ปุ่น ซึ่งมักจะใช้เรื่องราวในชีวิตประจำวันเพื่อสอนหลักการเซนให้กับศิษย์หรือผู้ที่มาเรียนรู้เรื่องราวทางปรัชญาและจิตวิญญาณ

คติธรรม: “การไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ภายนอก แต่เข้าใจความจริงภายในตัวเอง คือหนทางสู่ความสงบและการเข้าใจชีวิตที่แท้จริง”


by