ในยุคสมัยที่โลกยังเต็มไปด้วยความสงบสุข พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะมอบพรอันล้ำค่าให้แก่มนุษย์ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่สมบูรณ์และเปี่ยมด้วยความสุข แต่ของขวัญล้ำค่านี้กลับมาพร้อมกับคำเตือนสำคัญ และหน้าที่ที่จะต้องรักษาไว้ด้วยความระมัดระวัง
เรื่องราวของมนุษย์ผู้ได้รับโถแห่งพร แต่กลับถูกทดสอบด้วยความอยากรู้อยากเห็น จะนำเราไปพบกับบทเรียนที่ลึกซึ้งและเปี่ยมความหมาย กับนิทานอีสปเรื่องโถแห่งพร
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องโถแห่งพร
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โลกยังเต็มไปด้วยความสมบูรณ์พูนสุข ธรรมชาติงดงาม และชีวิตของมนุษย์ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและสงบ พระเจ้าเฝ้ามองโลกอย่างพึงพอใจ และตัดสินใจที่จะมอบของขวัญล้ำค่าให้กับมนุษย์ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
พระเจ้าจึงรวบรวมพรและสิ่งดีงามทั้งหลายไว้ในโถศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความรัก ความมั่งคั่ง ความแข็งแรง และปัญญา ฯลฯ พระเจ้าปิดฝาโถอย่างแน่นหนา และเลือกมนุษย์ผู้หนึ่งที่ดูเหมาะสมที่สุดในการเก็บรักษา “จงเก็บโถนี้ไว้ให้ดี และอย่าเปิดมันเป็นอันขาด” พระเจ้าตรัสเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากเจ้าทำ พรทั้งหมดจะหลุดลอยไป และไม่มีทางได้มันกลับคืนมา”
มนุษย์ผู้ถูกเลือกน้อมรับโถด้วยความเคารพ “ข้าสาบานว่าจะปกป้องโถนี้ไว้ด้วยชีวิต ข้าจะไม่เปิดมัน” เขากล่าวด้วยความตั้งใจจริง
วันเวลาผ่านไป มนุษย์เก็บโถไว้อย่างดีในบ้านของเขา ทุกครั้งที่มองเห็นโถ เขาจะคิดถึงคำสั่งของพระเจ้าและความสำคัญของสิ่งที่อยู่ข้างใน แต่แล้ววันหนึ่ง ความอยากรู้อยากเห็นเริ่มกัดกินจิตใจของเขา “ในโถนี้จะมีอะไรอยู่กันแน่?” เขาพึมพำกับตัวเอง “มันจะงดงามเพียงใด? หรือมันอาจเป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน?”
เสียงในหัวของเขาเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป “ข้าแค่เปิดดูเพียงนิดเดียว ไม่เป็นไรหรอก” เขาพูดพลางยกฝาโถขึ้นอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น พรทั้งหมดในโถพุ่งออกมาเป็นแสงสว่างเจิดจ้า ความสุข ความรัก ความมั่งคั่ง และความแข็งแรง ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายลับไป มนุษย์ตกใจและพยายามปิดฝาโถ แต่สายเกินไปแล้ว ทุกอย่างหายไปหมด
“ไม่! ข้าทำอะไรลงไป!” มนุษย์ร้องไห้ เขาทรุดตัวลงกับพื้นและมองโถที่ว่างเปล่าด้วยความเสียใจ “พรเหล่านี้ควรอยู่บนโลก แต่ข้ากลับทำให้มันหลุดลอยไป”
ขณะที่เขานั่งร้องไห้อยู่ พระเจ้าเสด็จลงมา มองมนุษย์ด้วยความสงบ “เจ้าทำให้พรทั้งหมดสูญเสียไปเพราะความอยากรู้อยากเห็น” พระเจ้าตรัส “แต่จงเงยหน้าขึ้นดูในโถนั้น เจ้าคิดว่ามันว่างเปล่าจริงหรือ?”
พระเจ้าตรัสต่อว่า “เจ้าสูญเสียสิ่งดีงามทั้งหมดที่ข้าให้ไว้เพราะความอยากรู้อยากเห็นของเจ้า แต่เจ้าจงจำไว้ว่า ความหวังยังคงอยู่กับเจ้า มันจะเป็นแสงสว่างในยามที่เจ้าเผชิญกับความมืดมิด ความหวังจะช่วยเจ้าต่อสู้และเรียกคืนสิ่งดีงามกลับมา หากเจ้ารู้จักใช้มันอย่างชาญฉลาด”
มนุษย์เงยหน้าขึ้นมองโถที่อยู่ในมือ เขาสังเกตเห็นบางสิ่งยังคงอยู่ภายใน สิ่งนั้นคือ “ความหวัง” ที่ยังคงหลงเหลืออยู่
“ความหวังยังคงอยู่กับเจ้า” พระเจ้ากล่าว “แม้เจ้าจะสูญเสียสิ่งดีงามไปทั้งหมด แต่ตราบใดที่ความหวังยังอยู่ เจ้าก็มีพลังที่จะต่อสู้และเรียกคืนสิ่งเหล่านั้นได้”
มนุษย์ถือโถในมือแน่น เขาพยักหน้าด้วยแววตาที่เริ่มเปล่งประกาย “ข้าจะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดของข้าเป็นจุดจบ ข้าจะใช้ความหวังนี้สร้างชีวิตที่ดีขึ้น และเรียนรู้ที่จะรักษาสิ่งที่ข้าได้รับในอนาคต”
พระเจ้ายิ้มเล็กน้อยก่อนเสด็จกลับไปยังสวรรค์ ตั้งแต่นั้นมา แม้มนุษย์จะสูญเสียพรหลายอย่าง แต่ความหวังยังคงอยู่ในหัวใจของพวกเขา มันกลายเป็นแสงสว่างในยามที่โลกดูมืดมิด เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้า และสร้างสรรค์สิ่งดีงามด้วยตัวเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้เราจะสูญเสียสิ่งล้ำค่าหรือทำผิดพลาดจนสูญเสียโอกาสสำคัญในชีวิต แต่ตราบใดที่เรายังมีความหวัง เรายังคงมีพลังที่จะลุกขึ้นใหม่และสร้างสิ่งดีงามกลับคืนมาได้อีกครั้ง ความหวังคือแสงสว่างที่ช่วยนำทางในยามที่ทุกอย่างดูมืดมนที่สุด
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องโถแห่งพร (อังกฤษ: The Jar of Blessings) นิทานเรื่องนี้ถูกบันทึกโดย บาบริอุส (Babrius) โดยเล่าว่าเหล่าเทพเจ้าส่งโถที่บรรจุพรต่าง ๆ ทั้งความสุข ความรัก ความมั่งคั่ง ฯลฯ มาให้มนุษย์ นิทานนี้กล่าวถึง “ชายโง่เขลา” คนหนึ่งซึ่งอยากรู้อยากเห็นจึงได้เปิดไหเพราะความอยากรู้อยากเห็น และปล่อยพรเหล่านั้นให้หลุดลอยไป เมื่อฝาถูกปิดลงอีกครั้ง “ความหวัง” เป็นสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ในไห โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำสิ่งดีงามที่หายไปกลับคืนมาให้กับมนุษย์
นิทานเรื่องนี้ ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 312 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)