ปกนิทานกริมม์เรื่องปริศนา

นิทานกริมม์เรื่องปริศนา

ในโลกที่เต็มไปด้วยปริศนาและเรื่องเล่ามากมาย บางครั้งเพียงความกล้าหาญและสติปัญญาก็สามารถพลิกชะตาชีวิตได้

มีนิทานกริมม์เรื่องหนึ่ง เล่าถึงเจ้าหญิงกับพี่ชายสิบสองคน เรื่องราวเต็มไปด้วยเวทมนตร์ ความลึกลับ และบททดสอบที่ท้าทายใจ กับนิทานกริมม์เรื่องปริศนา

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องปริศนา

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องปริศนา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เจ้าชายรูปงามองค์หนึ่งเกิด “อยากออกไปเห็นโลกกว้างด้วยตัวเอง” แบบไม่ต้องมีราชองครักษ์เป็นโขยง ทรงพาไปด้วยเพียง “ข้ารับใช้คนสนิท” ที่ซื่อสัตย์และฉลาดเฉียบขาด วันหนึ่ง ทั้งคู่เดินทางลึกเข้าไปในป่ากว้างใหญ่จนพระอาทิตย์ลับฟ้า ความมืดเริ่มกลืนทุกอย่าง แต่ยังไม่เจอบ้านคนสักหลัง

ระหว่างกำลังงงว่าจะนอนตรงไหน ก็เห็น “หญิงสาวคนหนึ่ง” เดินไปยังบ้านหลังเล็ก ๆ พอเข้ามาใกล้ เจ้าชายก็เห็นเลยว่า นางสวยสุด ๆ แต่สีหน้าเศร้าหมองเหมือนมีเรื่องกังวลใจ ทรงถามอย่างสุภาพ “สาวสวย เรากับคนรับใช้ขอพักค้างคืนที่นี่ได้ไหม?”

สาวเจ้าตอบเสียงสั่น “ได้เพคะ แต่ว่า… หม่อมฉันไม่แนะนำให้เข้าไปเลยเพคะ แม่เลี้ยงของหม่อมฉันเป็นแม่มดใจร้าย ชอบทำเรื่องร้าย ๆ กับคนแปลกหน้า…”

ถึงจะรู้ว่าข้างในคือ “บ้านแม่มด” แต่จะให้เดินกลางป่ามืด ๆ ต่อก็แย่กว่า อีกอย่าง เจ้าชายไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว จึงตัดสินใจเข้าไป

ในบ้าน แม่มดนั่งอยู่หน้าเตาไฟ ตาแดงก่ำจ้องมองสองคนแปลกหน้าราวกับกำลังชั่งใจว่าจะจับใส่หม้อดีไหม แต่ก็ทำทีเป็นพูดต้อนรับ “สวัสดียามค่ำ นั่งลงพักก่อนสิจ๊ะ แขกของข้า”

ที่เตาไฟมีหม้อใบเล็กเดือดปุด ๆ กลิ่นไม่น่าไว้ใจที่สุด ลูกสาวแม่มดแอบกระซิบเตือนพวกเขาเบา ๆ “อย่ากินอะไรนะเพคะ อย่าดื่มด้วย แม่เลี้ยงชอบปรุงของอันตราย”

ทั้งคู่จึงนอนโดยไม่แตะอาหารสักคำ และรอดปลอดภัยจนถึงเช้า

เมื่อเตรียมตัวจะออกเดินทาง เจ้าชายขึ้นม้าพร้อมออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด แต่แม่มดรีบเรียก “เดี๋ยวก่อน จะให้เครื่องดื่มอำลาซักแก้ว!”

ข้ารับใช้เป็นคนยืนคอยอยู่เพียงลำพัง ขณะเจ้าชายขี่ม้าออกไป ไม่นาน แม่มดกลับมาพร้อมแก้วใส่น้ำบางอย่าง ส่งให้คนใช้ไปให้เจ้านาย ทว่า โชคชะตาเล่นตลก แก้วนั่นแตกก่อนถึงมือ! ของเหลวสาดใส่ม้าของเจ้าชายเต็ม ๆ และทันทีที่โดน… ม้าก็ล้มตายลงทันทีด้วยพิษร้ายแรง

ข้ารับใช้ตกใจสุด ๆ รีบวิ่งตามเจ้านายไปเล่าเรื่องทั้งหมด แต่ก็ไม่อยากทิ้งอานม้าไว้ เลยวิ่งกลับไปเก็บ ทว่าเมื่อถึงที่มี “อีกา” ตัวหนึ่งกำลังกินซากม้าอยู่

“ไม่รู้วันนี้จะได้อะไรกินมากกว่านี้ไหมนะ” เขาพึมพำก่อนฆ่าอีกาไปหนึ่งตัว และเอาซากมันติดตัวไปด้วย

ทั้งสองเดินทางต่อทั้งวันในป่ามืดทึบ กว่าจะหลุดออกมาก็ถึง “โรงแรมเล็ก ๆ” ในเขตเงียบสงัด และมอบอีกาให้เจ้าของโรงแรมทำเป็นอาหารค่ำ

แต่หารู้ไม่…ที่นี่คือ “รังโจรสังหาร” ที่รวมตัวกัน 12 คน!

ค่ำนั้น โจรทั้งสิบสองพร้อมเจ้าของโรงแรมรวมถึงแม่มดใจร้าย (ใช่ เป็นพวกเดียวกัน!) นั่งกินซุปที่ทำจาก “เนื้ออีกาพิษ” ที่ข้ารับใช้ให้ทำ และเพียงไม่กี่คำ ทุกคนก็ดิ้นตายคาที่

เหลือเพียง “ลูกสาวแม่มดใจร้าย” คนเดียวที่ไม่ข้องเกี่ยวกับความชั่ว นางเปิดห้องเก็บสมบัติทั้งหมดให้เจ้าชาย แต่พระองค์ปฏิเสธ “เจ้ารักษามันเถิด ข้าไม่ต้องการของเหล่านี้”

และทั้งคู่ก็ออกเดินทางต่อ…

หลังเดินทางอีกนานแสนนาน เจ้าชายก็มาถึงเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง ที่นี่มีข่าวลือสะพัดไปทั่ว “เจ้าหญิงงามล้ำ แต่หยิ่งสุดขั้ว ชอบท้าแข่งปริศนา หากใครตั้งปริศนาให้ท่านตอบไม่ได้ จะได้แต่งงานกับท่าน แต่ถ้าตอบได้… คนตั้งปริศนาต้องถูกตัดหัว!”

จนถึงวันนี้ มีหนุ่มผู้กล้า 9 คนที่โดนตัดหัวไปเรียบร้อย ทั้งเมืองจึงหวาดกลัว แต่เจ้าชายกลับคิดอีกอย่าง “ความงามระดับนั้น ข้าขอยอมเสี่ยง!”

เจ้าชายก้าวเข้าวังและตั้งปริศนาง่าย ๆ แต่แปลกประหลาดว่า “สิ่งหนึ่งฆ่าใครไม่ได้แต่กลับตายเอง และสิ่งหนึ่งไม่ได้ฆ่าใครแต่กลับทำให้คนตายถึงสิบสองคน”

เจ้าหญิงงงเป็นไก่ตาแตก เปิดตำราปริศนาทุกเล่ม คิดจนหัวแทบไหม้ แต่ก็ตอบไม่ได้ เลยออกอุบายสกปรก สั่งให้คนของตัวเองแอบไปดักฟังเจ้าชายตอนละเมอในยามหลับ เผื่อเจ้าชายพูดเฉลยออกมาเอง

แต่ทว่า!…

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องปริศนา 2

คืนแรก คนที่นอนในเตียงกลับไม่ใช่เจ้าชาย แต่เป็น “ข้ารับใช้จอมกะล่อนของเจ้าหญิง” หญิงรับใช้ผู้มาดักฟังโดนเขาถลกผ้าคลุมตัวเองออกแล้วไล่ตีด้วยไม้เรียว วิ่งร้องจ๊ากออกไป

คืนสอง ส่งคนใหม่มา ก็โดนแบบเดิม โดนตีไม่ยั้ง พร้อมถูกยึดผ้าคลุมอีกเช่นกัน

คืนที่สาม เจ้าชายคิดว่าปลอดภัยแล้วจึงนอนเอง แต่คราวนี้ “เจ้าหญิงตัวจริง” มาเองในชุดคลุมสีเทาหม่น แอบนั่งใกล้ ๆ รอจังหวะและกระซิบถามเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าชายนิ่งเหมือนหลับ

สิ่งหนึ่งฆ่าใครไม่ได้แต่กลับตายเอง คืออะไรหรือ?”

เจ้าชายที่ยังไม่หลับ เขาตอบทันที “อีกาที่กินเนื้อม้าพิษแล้วตายไง”

เจ้าหญิงตาโต รีบถามต่อ “แล้วสิ่งหนึ่งไม่ได้ฆ่าใครแต่กลับทำให้คนตายถึงสิบสองคนล่ะ?”

“ก็โจรสิบสองคนนั่นไง ที่กินเนื้ออีกาแล้วตายหมดทั้งโต๊ะอาหาร”

รู้คำตอบแล้ว เจ้าหญิงเตรียมย่องหนีกลับ แต่เจ้าชายจับปลายผ้าคลุมของนางไว้แน่นจนต้องทิ้งผ้าแล้ววิ่งหนีไป

เช้าวันถัดมา เจ้าหญิงประกาศว่า “ข้าตอบปริศนาได้แล้ว!” ต่อหน้า 12 ผู้พิพากษา แต่เจ้าชายทัดทานทันที

“นางแอบเข้ามาในยามดึก ถ้าไม่ถามข้า ก็ไม่มีวันรู้”

ผู้พิพากษาจึงขอ “หลักฐาน” ข้ารับใช้นำ “ผ้าคลุมสามผืน” ที่ยึดมาออกมาแสดง และเมื่อเห็นผืนสีเทาหม่นของเจ้าหญิง ทุกคนก็รู้ทันทีว่าเรื่องเป็นอย่างไร

ผู้พิพากษาจึงประกาศว่า “จงปักผ้าคลุมนี้ด้วยทองและเงิน มันจะเป็นผ้าคลุมแต่งงานของเจ้า!”

และเจ้าหญิงผู้หยิ่งทะนงก็กลายเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายผู้ฉลาดเฉลียวในที่สุด…

เมื่อความจริงเปิดเผยกลางศาล เจ้าหญิงสวยหยิ่งก็หน้าเสียไปครึ่งรอยยิ้ม เพราะตั้งแต่เกิดมา เธอไม่เคยรู้สึก “แพ้” ต่อผู้ใด ทั้งความงาม สติปัญญา และฐานะ ล้วนทำให้เธอเชิดหน้ามาโดยตลอด แต่กลับมาพ่ายให้กับเจ้าชายต่างเมือง และยิ่งกว่านั้น ยังถูกจับได้ว่าลอบโกงด้วย

แต่ตามกติกาที่เธอเป็นคนประกาศเอง “หากตอบปริศนาไม่ได้ ต้องแต่งงานกับผู้ตั้งปริศนา” จึงถอยไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

ขณะนั้นเอง ผู้คนทั้งเมืองฮือฮา ไม่ใช่เพราะนางจะแต่งงาน แต่เพราะ “ผ้าคลุมสีเทา” ถูกสั่งให้ปักด้วยทองและเงินอย่างหรูหรา เพื่อกลายเป็น “ผ้าคลุมเจ้าสาว” ที่ทั้งเมืองรอชม

ด้านเจ้าชาย แม้จะรู้ว่าเจ้าหญิงเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่กลับรู้สึกเอ็นดูที่นางถึงขั้นต้องใช้เล่ห์กลในยามจนตรอก เขายิ้มขณะมองผ้าคลุมในมือ เห็นเส้นไหมที่ยังขาดนิด ๆ ตอนเขาดึงมันไว้ในคืนนั้น

ส่วนข้ารับใช้คนสนิท แอบยืนลูบกิ่งไม้เรียวที่ใช้ตีสาวใช้สองคืนติดอย่างภูมิใจ “ดีนะที่ข้าไหวตัวทัน ไม่งั้นเรื่องทั้งหมดหลุดแน่”

คนในวังถึงกับลือว่า ถ้าไม่มีเขา เจ้าหญิงคงโกงสำเร็จไปแล้ว

วันที่เมืองทั้งเมืองตั้งตารอ วันอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายผู้กล้า กับเจ้าหญิงผู้ฉลาด (แต่โกงไม่สำเร็จ)

ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยผ้าแพร ธงประดับ และคนมุงดูอย่างตื่นเต้น เมื่อเจ้าหญิงออกมากับผ้าคลุมสีเทาที่ปักด้วยทองและเงิน ทุกคนตะลึง เพราะมันสวยงามราวแสงจันทร์ต้องประกายดาว และสำคัญกว่านั้น… มันเป็น “หลักฐานแห่งความจริง” ที่ทำให้ทุกอย่างลงเอยอย่างยุติธรรม

เจ้าหญิงเดินเคียงข้างเจ้าชายอย่างสง่างาม แม้จะรู้สึกอายที่เคยแอบลอบฟัง แต่ก็นับถือความกล้าหาญและสติปัญญาของเจ้าชายอยู่ลึก ๆ ส่วนเจ้าชายก็คิดเพียงว่า “คนที่พยายามจนถึงขนาดนี้ ย่อมมีน้ำใจฮึกเหิมและมีไฟในใจไม่แพ้ข้าเลย”

ด้านข้ารับใช้ ได้รับคำยกย่องจากทุกคนในวัง ว่าเป็นผู้ช่วยกู้ศักดิ์ศรีของเจ้านาย และเป็นเหตุให้เจ้าหญิงไม่อาจโกงตามใจตัวเองได้

หลังพิธีแต่งงาน เมืองทั้งเมืองเฉลิมฉลองกันสามวันสามคืน เรื่องราวของอีกาพิษ ม้าแม่มด และโจรร้ายสิบสองคน กลายเป็นตำนานที่เล่าขานไม่รู้จบว่า “ปริศนาหนึ่งข้อ สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้ทั้งเมือง”

และเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็ครองรักอย่างสนุกปนเฮฮา เพราะต่างฝ่ายต่างฉลาดเกินกว่าจะถูกอีกฝ่ายหลอกง่าย ๆ แต่ก็รักกันพอ ๆ กับที่เถียงกัน

จบอย่างสวยงามและมีสีสัน สมกับตำนานเรื่องปริศนาพาซวย หรือพารักกันแน่?

ภาพประกอบนิทานกริมม์เรื่องปริศนา 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความซื่อสัตย์และสติปัญญาคือเกราะป้องกันอันยิ่งใหญ่ แม้เล่ห์กลหรือความไม่ยุติธรรมจะพยายามโอบล้อมเราเพียงใด ความจริงก็จะปรากฏเสมอ ผู้ที่ยืนหยัดในความดีเท่านั้นจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะท้ายที่สุด

อ่านต่อ: คอลเลคชั่นนิทานกริมม์อ่านง่ายอ่านสนุกได้ทุกวัย

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานกริมม์เรื่องปริศนา (อังกฤษ: The Riddle) นิทานกริมม์เรื่องปริศนามหาภัย นิทานเรื่องนี้มาจากคอลเลคชั่นนิทานพี่น้องกริมม์ (Grimm’s Fairy Tales) ลำดับที่ 022 KHM ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดนิทานคลาสสิกที่รวบรวมเรื่องราวพื้นบ้านยุโรปโบราณ.

เนื้อหาของนิทานเล่าถึงเจ้าชายผู้กล้าและผู้ช่วยของเขาในการเดินทาง พบเจอกับแม่มดร้ายและอุปสรรคมากมาย ก่อนจะใช้ความเฉลียวฉลาดแก้ปริศนาอีกากับอุบัติเหตุของม้าที่ตาย จนสามารถชนะปริศนาของเจ้าหญิงผู้ภูมิใจและได้รับชัยชนะและความรักในที่สุด

นิทานนี้แต่งขึ้นเพื่อสอนเด็ก ๆ ให้เห็นว่าความเฉลียวฉลาดและความรอบคอบสามารถช่วยเอาชนะอุปสรรคได้ เช่นเดียวกับเจ้าชายที่ใช้ไหวพริบแก้ปริศนาและเอาชนะอันตรายต่าง ๆ รวมถึงแม่มดและโจร และสอนว่าการสังเกต การคิดอย่างรอบคอบ และความกล้าหาญสามารถนำมาซึ่งชัยชนะและความยุติธรรม

คติธรรม: “ปริศนาหนึ่งข้อสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตคนบางคนได้ หากผู้คนรู้จักความกล้า ความฉลาด และความยุติธรรม”