ในโลกนิทานที่สิ่งของธรรมดาก็มีชีวิตและเสียงหัวเราะ “ฟาง ถ่าน และถั่ว” คือสามสหายที่บังเอิญพบกันเพราะต่างหนีความตายมาคนละทาง
มีนิทานกริมม์เรื่องหนึ่งเล่าถึงเรื่องราวการผจญภัยของพวกเขากลับสะท้อนนิสัยมนุษย์ได้อย่างแยบยล ทั้งความใจร้อน ความกลัว และความระมัดระวัง ก่อนจะนำไปสู่บทสรุปที่ทั้งชวนยิ้มและชวนคิดในเวลาเดียวกัน กับนิทานกริมม์เรื่องฟาง ถ่าน และถั่ว

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องฟาง ถ่าน และถั่ว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็กเงียบสงบแห่งหนึ่ง มีหญิงชราผู้ใช้ชีวิตตามลำพัง วันหนึ่งเธอเก็บถั่วมาหนึ่งกำเพื่อจะนำมาหุงกินเป็นอาหารเย็น เธอจัดไฟในเตาแล้วหยิบฟางกำใหญ่ยัดเข้าไปเพื่อให้ไฟลุกเร็วขึ้น
ขณะที่เธอกำลังเทถั่วลงหม้อ เมล็ดถั่วหนึ่งเมล็ดร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว และไปกลิ้งหยุดอยู่ข้าง ๆ เส้นฟางเส้นหนึ่ง
ไม่นานนักถ่านแดงลุกโชติช่วงก้อนหนึ่งกระเด็นออกจากเตา และตกลงมาตรงจุดเดียวกันพอดี
ทันทีที่ทั้งสามมาพบกัน ฟางเป็นฝ่ายทักก่อน
ฟาง “โอ้ เพื่อนใหม่ทั้งสอง พวกเจ้ามาจากที่ใดกันหรือ?”
ถ่าน: “ข้ากระโดดออกมาจากเตาน่ะสิ! โชคดีที่หลุดออกมา ไม่งั้นข้าคงไหม้จนเป็นขี้เถ้าไปแล้ว”
ถั่ว “ข้าเองก็รอดหวุดหวิดเช่นกัน หากหญิงชราโยนข้าลงหม้อ ข้าก็คงถูกต้มเละไม่มีชิ้นดีเหมือนพวกเพื่อน ๆ ของข้า”
ฟางถอนใจพลางว่า “โชคชะตาของข้าเองก็ไม่น่ารอดนักนะ หญิงชราจับพวกพี่น้องของข้าโยนเข้ากองไฟทีละกำ กำละหกสิบเส้น เธอเผาจนเหลือแต่ควัน โชคดีที่ข้าหลุดรอดออกมาได้เหมือนกัน”
ทั้งสามมองหน้ากัน ต่างรู้ดีว่าถ้าอยู่ต่อไปก็เสี่ยงต่อการพบจุดจบแบบเดียวกับเพื่อนของตน
ถ่านถามด้วยความหวาดหวั่น “แล้วพวกเราควรทำอย่างไรต่อไปดี?”
ถั่วเสนออย่างมั่นใจว่า “ในเมื่อพวกเรารอดชีวิตมาอย่างปาฏิหาริย์ ข้าว่าพวกเราควรรวมตัวกันเป็นสหาย และออกเดินทางไปยังดินแดนใหม่ที่ปลอดภัยกว่า ก่อนที่โชคร้ายครั้งใหม่จะไล่ตามมาถึงเรา”
ฟางและถ่านเห็นด้วยทันที
และแล้วฟาง ถ่าน และถั่ว ก็ออกเดินทางไปด้วยกัน การผจญภัยที่ไม่มีใครคาดคิดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ทั้งสามเดินทางผ่านป่า ผ่านทุ่งหญ้า จนกระทั่งมาถึงลำธารใสสายหนึ่ง แม้จะเป็นลำธารเล็ก แต่กลับกั้นทางพวกเขาไว้เพราะไม่มีสะพานหรือท่อนไม้สำหรับข้ามเลย
พวกเขาหยุดยืนคิดด้วยความกังวล
ถ่าน “เราจะข้ามไปได้อย่างไรล่ะ? ข้าโดนน้ำนิดเดียวก็ดับสนิทแน่!”
ถั่ว “ข้าเองก็ลอยน้ำไม่เป็น จะกระโดดก็ไม่พ้น”
ฟางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
ฟาง “ข้ามีความคิด! ข้าจะขึงตัวข้ามลำธารให้พวกเจ้าเดินผ่านไป เหมือนสะพานไม้ไง!”
ถ่านและถั่วมองหน้ากันอย่างปลาบปลื้ม
ฟางเหยียดตัวจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างองอาจกล้าหาญ
ถ่านที่ใจร้อน กระโดดขึ้นสะพานฟางทันที แต่เมื่อเดินไปถึงกลางลำธารและได้ยินเสียงน้ำเชี่ยวไหลผ่านข้างใต้ เขาก็ชะงักตัวสั่น
ถ่านพูดอย่างตื่นตกใจ “โอ้ไม่… เสียงน้ำมันน่ากลัวเกินไป ข้าเดินต่อไม่ไหว!”
เสียงนั้นทำให้ฟางเริ่มรู้สึกร้อนวูบ ฟึบ! ความร้อนจากถ่านทำให้ฟางติดไฟทันที จึงทำให้ขาดเป็นสองท่อนและตกลงสู่ลำธาร
ถ่านลื่นตามลงไป “ฉ่าาา!” ก่อนจะสิ้นใจในสายน้ำในพริบตา
ถั่วที่ยืนอยู่ฝั่งเกาะตัวอย่างปลอดภัย เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจนอดหัวเราะไม่ได้
เขาหัวเราะดังลั่นจนตัวสั่น และปริแตกออกเป็นสองซีก!
ทันทีที่ชีวิตกำลังจะจบลงของเขา โชคชะตาก็เตรียมเรื่องไม่คาดฝันให้เขาอีกครั้ง…

หลังจากถั่วหัวเราะจนตัวเองแตกออกเป็นสองซีก เขานอนนิ่งอยู่บนพื้นดิน เหมือนชีวิตกำลังจะดับตามเพื่อนทั้งสองไป
โชคดีเหลือเกินที่ในตอนนั้นเอง มีช่างตัดเสื้อพเนจร ผู้ใจดีเดินทางผ่านมา เขานั่งพักริมลำธารและก้มลงมองสิ่งเล็ก ๆ ที่กระดิกอยู่บนพื้น “เอ๊ะ? เจ้าคืออะไรน่ะ ทำไมถึงผ่ากลางแบบนี้?”
ถั่วร้องด้วยเสียงแผ่วเบา “ช่วยข้าด้วย… ข้าเพียงหัวเราะแรงไปหน่อย ตัวเลยแตกออก ข้าไม่อยากตายเหมือนฟางกับถ่าน!”
ช่างตัดเสื้อหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะหยิบเข็มด้ายขึ้นมา “อย่ากังวลไปเลย เพื่อนตัวเล็ก ข้าจะเย็บเจ้าให้เหมือนเดิมเอง”
ด้วยความอ่อนโยน เขาใช้ด้ายเส้นหนึ่งเย็บถั่วให้กลับมาติดกันอย่างประณีต แต่ด้ายที่เขาใช้ในเวลานั้นเป็นด้ายสีดำ เท่าที่เขามี
เมื่อเย็บเสร็จ ถั่วดีดตัวขึ้นอย่างดีใจ “ขอบคุณมากท่านช่าง! ข้ารอดชีวิตเพราะท่านจริง ๆ”
ช่างตัดเสื้อยิ้มและตอบว่า “ก็แค่ช่วยเพื่อนตัวน้อยเท่านั้น จำไว้ล่ะ ห้ามหัวเราะแรงจนตัวแตกอีกล่ะ!”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บนตัวถั่วทุกเมล็ดในโลกจึงมีรอยเย็บสีดำเป็นเส้นยาว เหมือนรอยแผลที่ถั่วผู้โชคร้ายเคยได้รับในวันนั้น
ถั่วขอบคุณด้วยหัวใจปั่นป่วน ก่อนจะตัดสินใจออกเดินทางต่อ ผจญภัยด้วยความหวังครั้งใหม่ ในโลกที่ยังเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดอีกมากมาย
แม้ฟาง ถ่าน และถั่ว จะเดินทางร่วมกันเพียงไม่นาน แต่มิตรภาพของพวกเขาทั้งสามได้ทิ้งร่องรอยไว้ในโชคชะตาของแต่ละฝ่าย
หลังจากถูกช่างตัดเสื้อเย็บจนฟื้นคืนชีพ ถั่วเฝ้านึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ฟางที่เสียสละทำตัวเป็นสะพานให้เพื่อนข้ามลำธาร และถ่านผู้ใจร้อนที่ต้องจบชีวิตเพราะความกลัวของตนเอง
ถั่วคิดในใจอย่างเศร้าแต่เข้าใจชีวิตมากขึ้นว่า “มิตรภาพบางครั้งก็สั้นราวประกายไฟ แต่ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้ทั้งชีวิต…”
ถั่วเดินไปเรื่อย ๆ พร้อมรอยเย็บสีดำบนตัวที่เตือนเขาเสมอว่าเขาเคยรอดตายมาได้อย่างไร
และทำให้เขาไม่ลืมบทเรียนสำคัญ แม้เพื่อนจะจากไป แต่ความกล้าหาญและความจริงใจของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไป
จากนั้นเรื่องราวของฟาง ถ่าน และถั่วก็ถูกเล่าขานไปทั่วหมู่บ้าน จนกลายเป็นนิทานประจำเตาผิงของชาวบ้าน ที่เด็ก ๆ ฟังแล้วก็หัวเราะบ้าง เสียใจบ้าง และได้คิดตามเสมอ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… แม้เราจะต่างกันเพียงใด ทั้งฟาง ถ่าน และถั่ว ก็มีชีวิตรอดเพราะช่วยกันคิดและร่วมทาง แต่เมื่อความใจร้อน ความกลัว และความประมาทเข้าครอบงำ ความพินาศก็เกิดขึ้นได้ในพริบตา ขณะเดียวกัน ความเมตตาเล็ก ๆ ของช่างตัดเสื้อได้พิสูจน์ว่า ความดีเพียงเส้นด้ายเดียวก็สามารถเยียวยาชีวิตหนึ่งให้กลับมายืนได้อีกครั้ง
อ่านต่อ: นิทานกริมม์อ่านสนุกแถมได้ข้อคิดดี ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานกริมม์เรื่องฟาง ถ่าน และถั่ว (อังกฤษ: Straw, Coal, and Bean) นิทานเรื่องนี้มาจากคอลเลคชั่นนิทานกริมม์ลำดับที่ 018 KHM ซึ่งเป็นหนึ่งในนิทานสั้นแนวอารมณ์ขันที่พี่น้องกริมม์รวบรวมจากเรื่องเล่าพื้นบ้านเยอรมันในยุคศตวรรษที่ 19
เรื่องราวเล่าถึงฟาง ถ่าน และถั่ว ที่รอดพ้นจากการถูกใช้ปรุงอาหารของหญิงชรา ทั้งสามจึงกลายมาเป็นสหายร่วมโชคชะตา ออกเดินทางไปยังดินแดนใหม่เพื่อหนีภัย แต่ด้วยนิสัยต่างกันสุดขั้ว ฟางที่บอบบาง ถ่านที่ใจร้อน และถั่วที่ขี้ขำ เหตุการณ์วุ่นวายก็ตามมาไม่หยุด
นิทานเรื่องนี้ถูกเล่าเพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้ธรรมชาติของนิสัยมนุษย์ผ่านตัวละครเหนือจินตนาการ ทั้งฟาง ถ่าน และถั่ว ก่อนจะปิดท้ายด้วยบทเรียนแสนอ่อนโยนจากช่างตัดเสื้อผู้ใจดี ที่สะท้อนให้เห็นว่าความเมตตาง่าย ๆ ก็มีพลังซ่อมแซมชีวิตได้อย่างน่าประหลาดใจ
คติธรรม: “เมื่อเพื่อนร่วมทางมีนิสัยต่างกัน การรู้จักยับยั้งชั่งใจและไม่ผลีผลาม คือสิ่งที่ช่วยให้ก้าวข้ามอุปสรรคได้ ไม่เช่นนั้น ความใจร้อนหรือความประมาทเพียงเสี้ยวเดียวก็อาจพาชีวิตพังทลายลงเหมือนฟางและถ่านที่ตกสู่ธารน้ำ”

