ในโลกที่ปกคลุมด้วยหิมะและป่าลึกลับ เรื่องราวมหัศจรรย์มักเกิดขึ้นกับเด็กผู้มีใจดี แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากและความอิจฉาของผู้อื่น
มีเรื่องเล่านิทานกริมม์เรื่องหนึ่งเล่าถึงเด็กหญิงผู้มีจิตใจดี แม้จะต้องเผชิญกับความอิจฉาและอุปสรรคจากผู้ใหญ่รอบตัว แต่เรื่องราวนี้กลับเต็มไปด้วยเหตุการณ์มหัศจรรย์และตัวละครเหนือจินตนาการที่จะเปลี่ยนชะตาของเธอในที่สุด กับนิทานกริมม์เรื่องชายตัวจิ๋วทั้งสามในป่า

เนื้อเรื่องนิทานกริมม์เรื่องชายตัวจิ๋วทั้งสามในป่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่งที่ภรรยาได้สิ้นชีวิตไป และหญิงม่ายอีกคนหนึ่งซึ่งสามีได้ตายจากไปเช่นกัน ชายคนนั้นมีลูกสาวหนึ่งคน ส่วนหญิงม่ายก็มีลูกสาวหนึ่งคนเช่นกัน หญิงสาวทั้งสองรู้จักกันและชอบไปเล่นด้วยกันที่บ้านของหญิงม่ายอยู่เสมอ
วันหนึ่งหญิงม่ายพูดกับลูกเลี้ยงในอนาคตว่า “ฟังนะ ไปบอกพ่อเจ้าว่าข้าอยากแต่งงานกับเขา แล้วเจ้าจะได้ล้างหน้าด้วยน้ำนมทุกเช้า และได้ดื่มเหล้าองุ่น ส่วนลูกข้าจะได้แค่ล้างหน้าด้วยน้ำและดื่มน้ำเท่านั้น”
หญิงสาวก็กลับไปบอกพ่อเหมือนที่หญิงม่ายสั่งไว้ ชายคนนั้นคร่ำครวญว่า “จะทำอย่างไรดีนะ! การแต่งงานนั้นเป็นทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน”
เขาครุ่นคิดอยู่นานจนตัดสินใจไม่ได้ จึงถอดรองเท้าบู๊ตของเขาให้ลูกสาวพร้อมบอกว่า “นำรองเท้าคู่นี้ขึ้นไปบนห้องใต้หลังคา แขวนไว้บนตะปูแล้วเทน้ำใส่ลงไป หากน้ำไม่รั่ว ข้าจะยอมแต่งงานใหม่ แต่ถ้าน้ำไหลออกมา ข้าจะไม่แต่งงาน”
หญิงสาวทำตามคำสั่ง น้ำกลับขังเต็มรองเท้าไม่รั่วไหลเลย เธอจึงมาบอกพ่อ ชายคนนั้นขึ้นไปดูด้วยตาตนเอง เมื่อเห็นว่ามันไม่ผิดพลาด เขาจึงขอหญิงม่ายแต่งงาน และจัดงานวิวาห์ในไม่ช้า
รุ่งเช้าหลังแต่งงาน ลูกสาวของชายผู้นั้นมีน้ำนมล้างหน้าและไวน์ดื่มจริง ๆ ส่วนลูกสาวของหญิงม่ายมีแต่น้ำล้างหน้าและน้ำให้ดื่ม แต่พอถึงเช้าวันที่สอง ทั้งสองคนกลับได้แต่น้ำเหมือนกัน และในเช้าวันที่สามกลับสลับกัน ลูกสาวแท้ของหญิงม่ายได้น้ำนมกับไวน์ ส่วนลูกสาวของชายกลับได้น้ำเท่านั้น และตั้งแต่นั้นมาก็เป็นเช่นนี้ตลอด
หญิงม่ายเริ่มเกลียดลูกเลี้ยงทุกวันเพราะความอ่อนหวานและความงามของเธอ ในขณะที่ลูกของตนนั้นทั้งน่าเกลียดและนิสัยร้ายกาจ
วันหนึ่งในฤดูหนาวที่หิมะปกคลุมทั่วหุบเขา หญิงม่ายทำชุดกระดาษให้ลูกเลี้ยงและสั่งว่า “สวมชุดนี้แล้วออกไปเก็บสตรอว์เบอร์รี่มาให้ข้าตะกร้าใหญ่ ข้าอยากกินมันมาก”
หญิงสาวอ้อนวอนว่า “แต่หน้าหนาวไม่มีสตรอว์เบอร์รี่เลยค่ะ หิมะยังคลุมเต็มพื้น แล้วชุดกระดาษนี้ก็จะขาดง่าย ทั้งยังหนาวจนลมหายใจยังแข็ง!”
“กล้าขัดคำสั่งข้ารึ!” หญิงม่ายตวาด “ไปเดี๋ยวนี้ อย่ากลับมาถ้าไม่ได้สตรอว์เบอร์รี่!”
เธอยื่นขนมปังแข็ง ๆ ชิ้นเล็ก ๆ ให้หนึ่งชิ้นและคิดในใจว่า “เธอคงต้องตายกลางป่าแน่ ทั้งหนาวทั้งอดข้าว”
หญิงสาวจึงจำยอม สวมชุดกระดาษและออกเดินสู่ป่าหิมะ…
เมื่อเดินลัดเลาะเข้าไปกลางป่า หญิงสาวเห็นกระท่อมหลังเล็ก ๆ มีชายร่างจ้อยสามคนชะโงกหน้าออกมามอง เธอทำความเคารพและเคาะประตูอย่างสุภาพ พวกภูตน้อยเชิญเธอเข้าไปนั่งข้างเตาอบอุ่น ๆ
ขณะที่เธอแบ่งขนมปังชิ้นเล็ก ๆ ของตนให้พวกภูตน้อย เธอก็เล่าให้ฟังว่า “แม่เลี้ยงให้ฉันออกมาเก็บสตรอว์เบอร์รี่ และห้ามกลับบ้านหากไม่ได้นำไปให้”
พวกภูตน้อยเห็นเธออ่อนหวานและใจดี จึงให้เธอออกไปกวาดหิมะที่หลังบ้าน เมื่อเธอกวาดหิมะออกหมด เธอตกใจเมื่อพบสตรอว์เบอร์รี่แดงฉ่ำขึ้นท่ามกลางหิมะ!
เธอเก็บจนเต็มตะกร้า แล้วกลับมาขอบคุณพวกภูตน้อย ภูตน้อยทั้งสามปรึกษากันว่าจะให้รางวัลหญิงสาวอย่างไร
ภูตคนแรกกล่าวว่า “ขอให้เธอสวยขึ้นทุกวัน”
คนที่สองกล่าวว่า “ทุกครั้งที่เธอพูด จะมีทองคำตกออกจากปาก”
คนที่สามกล่าวว่า “ขอให้เธอได้เป็นมเหสีของพระราชา”
หญิงสาวกลับไปบ้าน เมื่อพูดคำว่า “สวัสดีค่ะ” ทองคำตกลงมาจากปากทันที! เมื่อเธอเล่าเรื่องในป่า ทองคำก็ตกกระจัดกระจายเต็มห้อง
ลูกสาวของหญิงม่ายเห็นดังนั้นก็เต็มไปด้วยความอิจฉาและอยากไปเก็บสตรอว์เบอร์รี่บ้าง หญิงม่ายจึงจัดชุดขนสัตว์อย่างดีให้และให้ขนมปัง เนย และเค้กจำนวนมาก
ลูกสาวหญิงม่ายเดินไปถึงกระท่อม แต่กลับไม่ทักภูตน้อย ขึ้นไปนั่งกินอย่างหยาบคาย และไม่แบ่งอาหารให้พวกเขา แถมยังปฏิเสธงานกวาดหิมะด้วยความหยิ่งยะโส
ภูตน้อยทั้งสามจึงลงความเห็นว่า
“ให้เธออัปลักษณ์ขึ้นทุกวัน”
“เมื่อใดที่เธอพูด ให้คางคกพุ่งออกจากปาก”
“และให้เธอตายอย่างน่าเวทนา”
เมื่อเธอกลับบ้าน คางคกก็กระโดดออกจากปากทุกคำที่พูด ทำให้ทุกคนขยะแขยง

ฝ่ายแม่เลี้ยงยิ่งเกลียดลูกเลี้ยงมากกว่าเดิม เพราะความงามของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่งนางต้มกองไหมจนสุกแล้วเอาหม้อนั้นคล้องไหล่หญิงสาว พร้อมยื่นให้ “ไปแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง แล้วล้างไหมให้สะอาด เข้าใจไหม!”
หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย ระหว่างนั้นมีกระท่อมราชรถหรูหราผ่านมา พระราชาทรงประทับอยู่ภายใน พระองค์ลงมาตรัสถาม “สาวน้อย เจ้าคือใคร ทำอะไรอยู่ที่นี่?”
“ข้าเป็นเด็กยากจนเจ้าค่ะ มาล้างไหมให้แม่เลี้ยง” เธอตอบอย่างนอบน้อม ทองคำตกพร่างจากปากดังที่ภูตน้อยประทานไว้
พระราชาเห็นความงดงามและสงสาร จึงตรัสว่า “เจ้าจะไปกับเราหรือไม่?”
เธอตอบด้วยความดีใจ “ยินดีอย่างยิ่งเพคะ”
พระองค์รับเธอขึ้นราชรถ และไม่นานก็มีพิธีอภิเษกสมรสอย่างยิ่งใหญ่ตามคำพยากรณ์ของภูตน้อย
หนึ่งปีผ่านไป พระมเหสีให้ประสูติพระโอรส หญิงม่ายและลูกสาวก็มาเยี่ยมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ใจเต็มไปด้วยความอิจฉา วันหนึ่งพระราชาไม่อยู่ หญิงม่ายกับลูกสาวฉวยโอกาสจับพระมเหสีเหวี่ยงออกหน้าต่างลงสู่ลำธารเย็นจัด แล้วอุ้มลูกสาวตัวเองขึ้นเตียงแทน
เมื่อพระราชากลับมา นางหญิงม่ายบอกว่า “พระมเหสีบรรทมอยู่ ห้ามปลุกเพคะ”
แต่พอวันรุ่งขึ้นพระราชาตรัสถาม พระมเหสีตัวปลอมกลับพูดออกมาเป็นคางคกทุกคำ นางหญิงม่ายโกหกว่า “ก็เพราะนางอ่อนแอและป่วยหนักเพคะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
แต่ในคืนนั้น เด็กครัวในวังเห็น “เป็ดสีขาว” ว่ายขึ้นมาตามรางน้ำแล้วพูดว่า
“กษัตริย์ของข้า ทรงทำอะไรอยู่ หลับหรือตื่น?”
“พวกแขกของข้าเป็นอย่างไร?”
“ลูกของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เด็กครัวตอบทุกคำ เป็ดขาวจึงกลับร่างเป็น “พระมเหสีที่แท้จริง” เข้าไปให้นมลูก ลูบผ้าห่ม แล้วกลับเป็นเป็ดว่ายกลับไป…
คืนที่สาม พระมเหสีในร่างเป็ดบอกเด็กครัวว่า “ไปบอกพระราชาให้สะบัดพระแสงดาบเหนือข้าสามครั้ง!”
เด็กครัวรีบไปทูล พระราชาทรงทำตาม เมื่อสะบัดดาบครั้งที่สาม พระมเหสีกลับมามีชีวิตดังเดิม ทั้งงดงามและสุขภาพแข็งแรง พระราชาปลื้มปิติมาก แต่ทรงซ่อนนางไว้ก่อนจนกว่าจะถึงพิธีบัปติศมาของพระโอรส
หลังพิธี พระราชาตรัสถามประชุมว่า “เจ้าคิดว่าคนที่ฉุดผู้อื่นลงจากเตียง แล้วโยนลงไปในแม่น้ำสมควรได้รับโทษเช่นไร?”
หญิงม่ายตอบอย่างไม่รู้ชะตาตนเองว่า “ควรถูกจับใส่ถังตอกตะปูเหล็ก แล้วกลิ้งลงจากเนินลงแม่น้ำเพคะ!”
พระราชาตรัสว่า “ได้เลย เจ้าตัดสินโทษตัวเองแล้ว”
ถังตอกตะปูถูกนำมา หญิงม่ายและลูกสาวถูกโยนใส่ลงไป ปิดฝา และถูกกลิ้งลงแม่น้ำไป
ตั้งแต่นั้นมาพระราชา พระมเหสี และพระโอรสก็ครองชีวิตด้วยความสุขตราบนานเท่านาน…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความอิจฉาและความโลภย่อมนำความพินาศมาสู่ผู้ก่อเสมอ ขณะที่ความอ่อนโยนและน้ำใจจริงใจ แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจเปลี่ยนชะตาชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ความดีไม่มีวันหายไป แม้ถูกซ่อนเร้นไว้ชั่วคราว ท้ายที่สุดความยุติธรรมย่อมเผยตัว และผู้กระทำผิดต้องได้รับผลแห่งการกระทำของตนเองเสมอ
อ่านต่อ: คอลเลกชันนิทานโด่งดังจากยุโรปนิทานกริมม์อ่านสนุกได้ข้อคิดดี ๆ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานกริมม์เรื่องชายตัวจิ๋วทั้งสามในป่า (อังกฤษ: The Three Little Men in the Wood) มาจากคอลเลคชั่นนิทานกริมม์ ลำดับที่ 013 KHM เป็นเรื่องราวที่ได้รับการบันทึกไว้ตั้งแต่สมัยกริมม์พี่น้องรวบรวมเรื่องเล่าพื้นบ้านของเยอรมันโบราณ นิทานเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในเรื่องคลาสสิกที่สะท้อนค่านิยมของสังคมและความเชื่อเกี่ยวกับความดีและความชั่ว
เรื่องเล่าถึงเด็กหญิงผู้มีจิตใจดีงาม แม้ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของแม่เลี้ยงและความอิจฉาของลูกสาวแท้ ๆ เธอยังคงมีน้ำใจและแบ่งปันสิ่งของเล็ก ๆ ให้ผู้ที่ต้องการ ในป่าหิมะเธอได้พบกับภูตตัวน้อยสามตนซึ่งมอบพรให้เธอสวยงาม ทองคำหล่นจากปาก และได้เป็นมเหสีของพระราชา ส่วนแม่เลี้ยงและลูกสาวที่ชั่วร้ายต้องได้รับผลของความเลวร้ายที่ตนก่อ
นิทานเรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อสอนเด็ก ๆ ผ่านตัวละครเหนือจินตนาการและเหตุการณ์มหัศจรรย์ ให้เห็นชัดว่าความดี ความเมตตา และความใจบุญจะนำมาซึ่งความสุขและรางวัล ในขณะที่ความอิจฉาและความชั่วร้ายย่อมนำมาซึ่งความพินาศ ทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้เรื่องคุณธรรมและความยุติธรรมผ่านเรื่องเล่าที่สนุกและจดจำง่าย
คติธรรม: “ผู้ที่มีใจเมตตาและอ่อนโยน แม้ต้องเผชิญความชั่วร้าย จะได้รับรางวัลในที่สุด ส่วนผู้ที่อิจฉาและทำร้ายผู้อื่น ย่อมต้องพบผลแห่งการกระทำของตนเอง”

