ปกนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องการยับยั้งความหลงผิดของผู้คน

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องการยับยั้งความหลงผิดของผู้คน

ในโลกนี้ หลายคนเชื่อว่าการควบคุมผู้อื่นและบังคับเหตุการณ์คือหนทางสู่ความสงบ แต่เต๋าสอนว่าความสงบแท้เกิดจากการวางใจและปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปตามธรรมชาติ

มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง ที่เล่าจื๊อสอนให้เห็นว่าการละวางการบังคับและเรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้คนและเหตุการณ์ สามารถนำมาซึ่งความสงบและความยั่งยืนโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรงหรืออำนาจเหนือใคร กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องการยับยั้งความหลงผิดของผู้คน

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องการยับยั้งความหลงผิดของผู้คน

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องการยับยั้งความหลงผิดของผู้คน

กาลหนึ่ง ลมพัดผ่านยอดปราสาทโบราณของเมืองหลวงใต้ฟ้า เจาเหลียง ข้าหลวงหนุ่มผู้เคร่งครัด เดินไปตามลานกว้างที่ว่างเปล่า

ทุกก้าวย้ำเตือนเขาว่า บ้านเมืองที่ควรคึกคัก กลับเงียบงัน ผู้คนซ่อนตัวอยู่ในบ้าน เงียบจนราวกับลมหายใจของพวกเขาถูกกลืนหายไป

“กฎหมายที่อ่อนเกินไป… ทำให้ผู้คนลอยละล่องเหมือนใบไม้ในสายลม” เจาเหลียงพึมพำกับตนเอง

ความคิดนี้ทำให้เขาตัดสินใจเสนอแนวทางเด็ดขาดต่อราชสำนัก “ให้ลงโทษประหารทุกโจรและผู้ทุจริต ผู้ใดละเมิดกฎหมาย ต้องถูกทำลายอย่างไม่ปราณี”

ครั้งแรก เมืองสงบจริง แต่ความสงบนั้นเหมือนผืนน้ำเรียบที่ซ่อนกระแสน้ำวนใต้พื้น ทุกคนเงียบเพราะกลัวจะหายใจผิดทาง ไม่ใช่เพราะเข้าใจความดี

เจาเหลียงยืนอยู่บนระเบียงศาลา กลิ่นเทียนและหมึกโบราณอบอวล ในความเงียบ เขาได้ยินเสียงบางอย่าง ไม่ใช่เสียงผู้คน แต่เป็นเสียงใจของตนเองที่เริ่มไม่มั่นคง…

เขาพบว่าตนเองเริ่มสงสัยว่า “การลงโทษอย่างเด็ดขาด” จะเป็นหนทางที่แท้จริงหรือไม่

ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน เมืองยังคงสงบ แต่ในเงามืดมีเสียงกระซิบของความไม่สงบ เจ้าหน้าบางคนที่ตายโดยไร้ร่องรอย

ผู้คนบางส่วนหนีเข้าป่า เหมือนพืชที่ไม่อาจงอกบนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยเลือด ความเงียบกลายเป็นคำตอบที่น่ากลัวที่สุด

เจาเหลียงนั่งลงบนแท่นไม้ในศาลาเก่า ลมพัดผ่านโคมไฟที่ดับครึ่งหนึ่ง เขาพึมพำกับตัวเอง “เราสร้างความกลัวให้ผู้คน หรือเรากลัวพวกเขากันแน่…”

ค่ำคืนนั้น เขาตัดสินใจเดินทางไปหาชายชราผู้คนทั้งใต้ฟ้าเรียกเขาว่าเล่าจื๊อ ชายผู้ไม่ปกครองใคร แต่ใคร ๆ ก็กล่าวว่า “ปราชญ์ผู้รู้ฟ้า”

เจาเหลียงก้าวเข้าป่า เสียงใบไม้ดังราวกับคำกระซิบแห่งเวลา เมื่อเห็นเล่าจื๊อนั่งกวาดใบไม้ใต้ต้นหม่อน ชายหนุ่มคำนับแล้วถาม “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งความชั่ว แต่เมืองยิ่งวุ่นวาย… ข้าพเจ้าควรควบคุมความชั่วอย่างไร?”

เล่าจื๊อยกตาขึ้น มองแสงอาทิตย์สะท้อนบนกระบี่อาญาสิทธิ์ ที่วางอยู่บนโต๊ะ คมกระบี่เงาสะท้อนลมใบไม้

เขาพูดเสียงเบา แต่หนักแน่น “ผู้ที่อยากเป็นช่างใหญ่ แต่ไม่รู้จักคมของขวาน ย่อมตัดแขนตนเองก่อนจะได้ตัดไม้”

เจาเหลียงเงียบ คำสอนนั้นไม่ใช่คำตอบธรรมดา มันสะท้อนกลับใจเขาเอง เขาเริ่มเข้าใจว่า ความชั่วไม่ใช่ศัตรูให้ฆ่า แต่เป็นเงาของความกลัวที่ตนปกปิด ทุกความพยายามจะบังคับผู้คนด้วยความกลัว เป็นเพียงการฝืนเต๋า

เจาเหลียงนั่งอยู่ใต้ต้นหม่อน สายลมพัดเย็นเยียบ เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาเองค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะวางอำนาจลง ความสงบแรกที่เขาเห็นในเมือง คือภาพลวงตา ความสงบจริง ต้องเริ่มจากใจของผู้ครองอำนาจ

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องการยับยั้งความหลงผิดของผู้คน 2

เจาเหลียงกลับมาที่ห้องทำงานของตน ร่างกายยังคงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง แต่หัวใจกลับเบาลง

เขามองกระบี่อาญาสิทธิ์ ที่ตั้งอยู่บนแท่นไม้ คมสะท้อนแสงสลัวเหมือนกำลังถามเขา “เจ้าพร้อมจะทำหน้าที่หรือไม่ โดยไม่ฝืนเต๋า?”

เขานั่งลง ยกมือแตะด้ามกระบี่ “ข้าคิดว่าการควบคุมด้วยความกลัวคือหนทางเดียว… แต่ความสงบที่เห็น เป็นเพียงผิวเผิน”

เขาปล่อยมือจากกระบี่ ครั้งแรก เขาได้เรียนรู้ว่าการบังคับไม่ใช่อำนาจแท้ ความเข้าใจคือสิ่งเดียวที่ยั่งยืน

เจาเหลียงเริ่มร่างกฎหมายใหม่ในใจ ไม่ใช่เพื่อลงโทษทุกคนที่ทำผิด แต่เพื่อสร้างโครงสร้างที่ให้ผู้คนเรียนรู้และเติบโตด้วยตนเอง เขาเริ่มเห็นภาพเมืองที่มีความยุติธรรมเกิดจากความเข้าใจ ไม่ใช่ความกลัว

เช้าวันรุ่งขึ้น เจาเหลียงนำกระบี่อาญาสิทธิ์ เดินออกจากห้องทำงาน

เขาฝังมันไว้ใต้ต้นหม่อน สายลมพัดผ่าน ใบไม้ไหวราวกับกระซิบ “ผู้ใดฝืนเต๋า ย่อมล้มตนเอง”

เขายืนมองเมืองเบื้องล่าง ผู้คนยังคงดำเนินชีวิต มีทั้งดีและชั่ว

แต่เจาเหลียงไม่บังคับอีกต่อไป เขารู้แล้วว่าเต๋าไม่ต้องการผู้พิทักษ์เพียงผู้ที่เข้าใจและไม่ขัดขวางหนทางของมัน

มือวางบนกระบี่อีกครั้งก่อนปล่อยลงสู่ดิน ความหนักเบาที่เคยรู้สึกจากอำนาจหายไป ใจเขาเบาลง ราวกับได้เรียนรู้วิถีที่แท้จริงของฟ้าและมนุษย์

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องการยับยั้งความหลงผิดของผู้คน 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความสงบและความยุติธรรมที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการบังคับหรือการใช้ความกลัว แต่เกิดจากการเข้าใจและไม่ฝืนหนทางแห่งเต๋า บนทางแห่งเต๋า การบังคับหรือพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ตามใจตนไม่ใช่หนทางสู่ความสงบแท้ ความสงบและความยุติธรรมที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจธรรมชาติของชีวิตและปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปตามหนทางของมัน

เรื่องราวของเจาเหลียงชี้ให้เห็นว่าการพยายามควบคุมผู้คนด้วยอำนาจเด็ดขาด หรือใช้ความกลัวเพื่อบังคับความดี มักนำมาซึ่งความเงียบที่หลอกตาและความวุ่นวายที่แฝงอยู่ใต้พื้นผิว เมื่อหัวใจของผู้ครองอำนาจเริ่มเรียนรู้ที่จะวางอำนาจลง และให้ความเข้าใจนำทาง ความสงบและความยุติธรรมจึงเกิดขึ้นจากภายใน ไม่ใช่จากการลงโทษภายนอก เจาเหลียงจึงเข้าใจคุณค่าของการปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปตามธรรมชาติ และให้ความเข้าใจเป็นแนวทางของการปกครองและชีวิต

อ่านต่อ: นิทานเต้าเต๋อจิงสอนชีวิตผ่านปรัชญาวิถีเต๋าในรูปแบบนิทานอ่านง่าย ๆ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องการยับยั้งความหลงผิดของผู้คน (อังกฤษ: Restraining Delusion) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงบทที่ 74 ซึ่งกล่าวถึงการ “ปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามทางของมัน” อันเป็นหลักสำคัญของวิถีเต๋า การบังคับหรือพยายามควบคุมสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้สร้างความสงบ แต่กลับทำให้เกิดความสับสนและความทุกข์ การวางใจและให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปตามธรรมชาติ คือหนทางสู่ความสงบที่แท้จริง

โดยเล่าจื๊อสอนว่า ผู้ที่เข้าใจแนวทางนี้จะรู้จักยับยั้งความหลงผิด ไม่ฝืนต่อสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม และใช้ความเข้าใจแทนอำนาจในการปกครองหรือดำเนินชีวิต การปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปตามธรรมชาติ ไม่ใช่ความเฉื่อยชา แต่คือการยืนหยัดอยู่บนฐานของความเข้าใจและความสงบภายใน

นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนในบทดังกล่าว โดยใช้เรื่องราวของเจาเหลียง ข้าหลวงหนุ่มผู้เรียนรู้ว่า การควบคุมผู้คนด้วยความกลัวไม่ได้นำไปสู่ความสงบ แม้เมืองจะเงียบ แต่ความยุติธรรมแท้จริงเกิดจากความเข้าใจและการไม่ฝืนหนทางของเต๋า

คติธรรม: “ผู้ที่เข้าใจหนทางของเต๋า รู้จักปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปตามธรรมชาติ ย่อมสงบอยู่ในใจโดยไม่ถูกรบกวนจากความอยากหรือความกลัว เพราะการบังคับผู้อื่นมิได้นำมาซึ่งความยั่งยืน แต่การเข้าใจและปล่อยให้ธรรมชาตินำทาง คืออำนาจที่แท้จริง”