นิทานอีสปเรื่องม้ากับลา

ปกนิทานอีสปเรื่องม้ากับลา

กาลครั้งหนึ่งในชนบทที่เงียบสงบ มีสัตว์ใช้งานสองตัวคือม้ากับลา ทั้งสองต้องทำงานหนักเพื่อเจ้าของ โดยต้องเดินทางไกลและแบกสัมภาระจำนวนมากไปยังหมู่บ้านที่ห่างไกล แม้จะอยู่ร่วมกัน แต่ทั้งคู่กลับมีความคิดที่แตกต่าง

เรื่องราวของมิตรภาพที่ถูกทดสอบ และบทเรียนจากการปฏิเสธความช่วยเหลือจะเผยให้เราเห็นถึงผลลัพธ์ของการกระทำในช่วงเวลาสำคัญ กับนิทานอีสปเรื่องม้ากับลา

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องม้ากับลา

เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องม้ากับลา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ม้าตัวหนึ่งและลาตัวหนึ่งต้องเดินทางร่วมกันไปพร้อมกับเจ้าของของพวกมัน หน้าที่ของพวกมันคือแบกและลากสัมภาระจำนวนมากไปยังเมืองถัดไป ลาต้องแบกของหนักไว้บนหลังจนมันแทบล้มลง ขณะที่ม้าทำหน้าที่ลากเกวียนที่เต็มไปด้วยสินค้า ม้าที่มีร่างกายแข็งแรงเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจคำร้องขอของลา

“ม้าเพื่อนรัก” ลากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า “ข้ากำลังเจ็บและเหนื่อยมาก ขอเจ้าแบ่งเบาภาระของข้าสักหน่อยได้ไหม? หากเจ้าไม่ช่วย ข้าคงไปต่อไม่ได้แน่”

ม้าหันมามองลาก่อนจะสะบัดหัวด้วยท่าทีไม่แยแส “ข้าแบกสัมภาระของข้าเองอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าด้วย? งานของเจ้าก็ต้องเป็นของเจ้า”

ลายังคงพยายามเดินต่อไป แม้จะเจ็บปวดและอ่อนล้าจนแทบล้มลง แต่ด้วยน้ำหนักที่มากเกินกำลังของมัน ในที่สุดลาจึงทรุดลงกับพื้น “ข้าไม่ไหวอีกแล้ว…” มันพูดเสียงเบาก่อนจะหมดแรงล้มลง

เมื่อเจ้าของเห็นดังนั้น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากนำสัมภาระทั้งหมดของลามาใส่ไว้บนหลังของม้าแทน นอกจากนั้น เขายังนำซากของลาที่ตายขึ้นไปวางบนหลังม้าด้วย “เจ้านี่ช่างไร้ค่า” เจ้าของพึมพำขณะมัดซากลาบนหลังม้าพร้อมตีมันให้เดินต่อ

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องม้ากับลา 2

ตอนนี้ ม้าต้องแบกทั้งน้ำหนักของสัมภาระและซากลาที่เพิ่มขึ้น ม้ารู้สึกเหนื่อยจนแทบทรุด มันเริ่มคิดได้ว่า หากมันช่วยเหลือลาตั้งแต่แรก บางทีอาจไม่ต้องรับภาระหนักหนาขนาดนี้

ในที่สุด ด้วยน้ำหนักที่เกินกำลัง ม้าก็ล้มลงกลางทางและสิ้นใจเช่นกัน เจ้าของที่โมโหจากการเสียม้าก็โยนสัมภาระลงข้างทาง เจ้าของที่หมดความอดทนโยนสัมภาระลงข้างทางด้วยความโกรธ และเดินกลับบ้านไปเพียงลำพัง

ฝูงนกแร้งที่บินอยู่บนฟ้าเห็นซากทั้งสองตัวก็ลงมาเกาะร่างของม้า หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “เจ้าม้าผู้โง่เขลา หากเจ้าแสดงน้ำใจช่วยลาตั้งแต่แรก บางทีเจ้าคงยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ แต่เพราะเจ้ามองไม่เห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือเพื่อน เจ้าจึงต้องพบกับจุดจบเช่นเดียวกับลา และกลายเป็นอาหารของพวกข้าในที่สุด”

ภาพประกอบนิทานอีสปเรื่องม้ากับลา 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การช่วยเหลือกันในยามที่อีกฝ่ายต้องการ ไม่เพียงแค่ช่วยแบ่งเบาภาระของเขาเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความสมดุลและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การเพิกเฉยต่อคำขอความช่วยเหลือ หรือการมองปัญหาของผู้อื่นว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง อาจทำให้เราต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่านั้นในภายหลัง การแสดงน้ำใจในเวลาที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันไม่เพียงช่วยผู้อื่น แต่ยังช่วยป้องกันภาระที่หนักอึ้งสำหรับตัวเราเองในวันข้างหน้า

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานอีสปเรื่องม้ากับลา (อังกฤษ: The Horse and the Donkey) เป็นนิทานสัตว์โบราณเรื่องหนึ่งจากหลายเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือผู้อื่นและผลที่ตามมาจากการละเลยหน้าที่ดังกล่าว นิทานเรื่องนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของนิทานที่บันทึกไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ นิทานเรื่องนี้รวมอยู่ในนิทานอีสปเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 181 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)

แหล่งข้อมูลในนิทานกรีกจับคู่ลากับล่อ โดยเล่าว่าลาที่รับน้ำหนักเกินขอความช่วยเหลือจากล่อ แต่ล่อปฏิเสธ ลาจึงล้มตาย และสุดท้ายล่อต้องแบกรับทั้งสัมภาระเดิมและหนังของลาที่ตายไปด้วย

ในเวอร์ชันภาษาละตินยุคกลางของอาเดมาร์แห่งชาบานส์ (Ademar of Chabannes) นิทานเล่าถึงวัวและลาที่ถูกผูกแอกไว้ด้วยกัน แต่ลาปฏิเสธที่จะช่วยดึงสัมภาระ เมื่อวัวล้มตายเพราะความเหนื่อยล้า ลาจึงถูกบังคับให้ลากสัมภาระต่อ และสุดท้ายก็ตายแบบเพื่อนของมันเช่นเดียวกัน

“ถ้าเพียงแต่เจ้าเมตตาพอที่จะช่วยม้าลากเกวียน เจ้าก็คงไม่ต้องตายก่อนเวลาเช่นนี้ พร้อมให้ฝูงนกแร้งมารุมกินเนื้อของเจ้า”

นิทานอีสปเรื่องอื่น ๆ

ติดตามนิทานทุกรูปแบบได้ที่ talezzz.com