ในโลกนี้ หลายคนมักมองความสำเร็จและสิ่งยิ่งใหญ่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่คำสอนของเต๋ากลับเตือนใจว่า ความยิ่งใหญ่แท้จริงเกิดจากการกระทำเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ และไม่ยึดติดกับผลลัพธ์
มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง เล่าผ่านชายหนุ่มผู้เริ่มตักน้ำรดดินเล็ก ๆ วันแล้ววันเล่า แม้ผู้คนรอบข้างไม่เห็นค่า แต่กาลเวลาพิสูจน์ให้เห็นว่าความสม่ำเสมอและความอดทนสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องคุณธรรมอันยิ่งใหญ่

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องคุณธรรมอันยิ่งใหญ่
ข้ารู้จักชายผู้หนึ่ง เขาเกิดมาในหมู่บ้านที่ยากจน ดินแดนรอบหมู่บ้านนั้นแตกระแหง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ไม่มีสายน้ำให้ไหลริน ผู้คนจึงพากันย้ายหนีไปหาที่ดินที่อุดมสมบูรณ์กว่า แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับเลือกที่จะอยู่ต่อ
เขามองผืนดินที่ตายแล้วด้วยแววตาแน่วแน่ วันแรก ๆ เขาใช้เพียงถังไม้ใบเล็ก เดินไปตักน้ำจากลำธารไกล ๆ แล้วหอบกลับมาอย่างเงียบ ๆ เพียงเพื่อรดลงบนดินแข็งที่ไร้ประโยชน์สำหรับใคร ๆ
เพื่อนบ้านที่ยังเหลืออยู่หัวเราะเยาะ บางคนกล่าวกับเขาว่า “เจ้าจะเปลี่ยนผืนดินที่ตายแล้วนี้ได้อย่างไร? เจ้าสู้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์” แต่ชายหนุ่มเพียงยิ้ม ไม่ตอบโต้อะไร เขายังคงเดินตักน้ำ รดลงทีละหยดบนผืนดินร้าวนั้น
คืนแล้วคืนเล่า เขากลับมานั่งมองดินที่ชุ่มเพียงเล็กน้อย ราวกับว่ามันคือสิ่งล้ำค่า เขาไม่ได้หวังความยิ่งใหญ่ เพียงคิดว่าถ้าเขาสามารถให้ดินแห้งแล้งได้ชุ่มขึ้นสักนิด นั่นก็คือสิ่งที่เพียงพอแล้ว
ปีแล้วปีเล่า เขายังทำเช่นเดิม ตักน้ำ รดดิน พรวนพื้นเล็ก ๆ ด้วยมือเปล่า จนมือแตกระแหงเหมือนพื้นดินที่เขาพยายามปลุกชีวิตขึ้นมา
แล้ววันหนึ่ง เขาเห็นหญ้าเล็ก ๆ งอกขึ้นจากรอยร้าว มันเป็นเพียงต้นอ่อนเขียวเพียงต้นเดียว แต่สำหรับเขา มันคือสัญญาณว่าผืนดินกำลังหายใจอีกครั้ง
“นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์” เขากระซิบกับตัวเอง “มันเป็นเพียงผลของการรดน้ำถังเล็ก ๆ ทุกวันเท่านั้น”
คนที่เคยหัวเราะเยาะเริ่มเงียบไป แต่ก็ยังไม่มีใครเชื่อว่าผืนดินนี้จะกลับมาได้ พวกเขาเพียงคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ทว่าชายหนุ่มไม่เคยหยุด เขายังรดน้ำ พรวนดิน และเฝ้ามองรอยเขียวเล็ก ๆ ค่อย ๆ ขยายตัว
สิ่งที่เขาทำดูเหมือนเล็กน้อยในสายตาคนทั้งหลาย แต่กาลเวลากำลังสั่งสมบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นโดยไม่มีใครรู้

กาลเวลาผ่านไป ต้นอ่อนที่ครั้งหนึ่งแทบไม่มีใครเห็นค่า ค่อย ๆ แตกกิ่งก้าน กลายเป็นพุ่มไม้ และต่อมาก็เป็นต้นไม้ใหญ่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นกลับกลายเป็นปุ๋ยให้ผืนดินอุดมมากขึ้น
จากหญ้าหนึ่งต้น กลายเป็นหลายสิบต้น จากพุ่มไม้หนึ่งพุ่ม กลายเป็นแถวเรียง และในที่สุดผืนดินที่แห้งแล้งค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นป่าที่เต็มไปด้วยร่มเงาและเสียงนก
สัตว์น้อยใหญ่ที่เคยหนีหาย เริ่มกลับมาอาศัย บางครั้งมีเก้งกวางออกมาดื่มน้ำที่ซึมไหลจากรากไม้ กลายเป็นลำธารเล็ก ๆ เด็ก ๆ จากหมู่บ้านใกล้เคียงก็เริ่มมาวิ่งเล่น ผู้คนที่เคยหัวเราะเยาะเริ่มมองเขาด้วยความเงียบงัน บางคนกล่าวกับเขาว่า “เจ้าชายหนุ่ม เจ้าคือผู้ปลุกผืนป่า”
แต่เขาส่ายหน้าเบา ๆ และตอบเพียงว่า “ข้าเพียงแค่ตักน้ำทุกวัน และพรวนดินเท่านั้น ป่าเกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ มิใช่เพราะข้า”
หลายสิบปีผ่านไป ชายหนุ่มกลายเป็นชายชรา ผมเผ้าขาวโพลน เขายังคงใช้ไม้เท้าเดินออกไปที่ป่าในทุกเช้า มองดูต้นไม้ที่สูงใหญ่จนโอบฟ้าครอบหมู่บ้าน
หมู่บ้านที่เคยรกร้างกลับกลายเป็นที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาอยู่อาศัย สายน้ำยังคงไหลริน สัตว์ยังคงอาศัย และต้นไม้ยังคงมอบร่มเงาเหมือนเมื่อแรกเริ่ม
บางคนกล่าวกับเขา “ท่านคือผู้สร้างป่าอันยิ่งใหญ่” แต่ชายชรากลับหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า
“ข้ามิได้สร้างสิ่งใดเลย ข้าเพียงคิดว่าสิ่งที่ทำทุกวันนั้นเล็กน้อย ไม่ได้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้สำคัญ เพียงแค่ถังน้ำเล็ก ๆ เท่านั้น แต่กาลเวลาได้เปลี่ยนความเล็กน้อยนั้นเป็นสิ่งใหญ่หลวง”
เมื่อเขาจากไป ป่ายังคงอยู่ ลำธารยังคงไหล และหมู่บ้านยังคงเจริญรุ่งเรือง เรื่องราวของเขากลายเป็นเพียงเงาเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครต้องจดจำ แต่ป่าที่เขารดน้ำตั้งแต่วัยหนุ่มกลับยืนยง ชั่วนานกว่าชีวิตของเขาเอง
ข้าจึงตระหนักได้ว่า “ผู้ใดเข้าใจว่าการกระทำเล็กน้อยซ้ำ ๆ เป็นเรื่องไม่สำคัญ ย่อมไม่ประมาท และพบความยั่งยืนของชีวิต ความยิ่งใหญ่แท้จริงไม่โอ้อวด ไม่ต้องเร่งรีบ แต่คงอยู่ชั่วนิรันดร์”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ผู้ใดไม่ถือว่าความสำเร็จของตนยิ่งใหญ่เกินไป และมุ่งมั่นทำสิ่งเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ ย่อมสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนในชีวิตโดยไม่หวั่นไหวต่อความรุ่งโรจน์หรือความล่มสลาย นี่คือหัวใจแห่งคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ดุจสายน้ำล้น
ดั่งในนิทาน เช่นชายคนหนึ่งที่เริ่มตักน้ำรดดินเล็ก ๆ ตั้งแต่วัยหนุ่ม แม้ผู้คนรอบข้างหัวเราะเยาะว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ด้วยความสม่ำเสมอและความอดทน ผืนดินกลับฟื้นคืนกลายเป็นป่าใหญ่ที่หล่อเลี้ยงทั้งคนและสัตว์ การกระทำเล็กน้อยซ้ำ ๆ ที่ไม่โอ้อวดนี้เอง คือสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ยิ่งใหญ่และยั่งยืนยาวนาน
อ่านต่อ: นิทานเต้าเต๋อจิงสอนปรัชญาสุดลึกซึ้งในวิถีเต๋าให้กับชีวิตโดยเล่าจื๊อ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ (อังกฤษ: Great or Overflowing Virtue) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงบทที่ 45 ซึ่งกล่าวถึง “คุณธรรมอันยิ่งใหญ่ดุจดั่งสายน้ำล้น” โดยพลังของความสม่ำเสมอและความยอมถ่อมตนต่อสิ่งยิ่งใหญ่ ความเต็มเปี่ยมสูงสุดอาจดูเหมือนว่างเปล่า แต่แท้จริงไม่เคยหมดสิ้น การกระทำเล็กน้อยที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างผลลัพธ์ยิ่งใหญ่และยั่งยืน เล่าจื๊อได้บันทึกไว้ว่า:
คุณธรรมอันยิ่งใหญ่ดุจสายน้ำล้น
ผู้ใดเห็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ของตนเป็นเพียงเล็กน้อย
พลังของเขาย่อมคงอยู่ชั่วนิรันดร์ความเต็มเปี่ยมสูงสุด กลับดูราวกับว่างเปล่า
แต่ไม่เคยถูกทำให้เหือดแห้งหรือหมดสิ้นจงมองสิ่งที่ตรงประดุจโค้งงอ
จงให้ศิลปะอันยิ่งใหญ่แลดูคล้ายความเขลา
และวาทศิลป์อันสูงส่งฟังดุจเสียงตะกุกตะกักความเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ ย่อมขจัดความหนาว
ความสงบนิ่ง ย่อมชนะความร้อนแรง
ความบริสุทธิ์และความสงบ คือกฎแท้ที่หล่อเลี้ยงใต้ฟ้า
โดยเล่าจื๊อสอนว่า ผู้ที่เข้าใจคุณค่าของการทำสิ่งเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอและไม่ถือว่าความสำเร็จของตนยิ่งใหญ่เกินไป จะเข้าถึงความแข็งแกร่งและความสงบภายในตัวเอง รู้จักอดทน ไม่หลงไปกับความรุ่งโรจน์หรือความล่มสลาย และสามารถสร้างประโยชน์แก่ชีวิตรอบตัวได้อย่างแท้จริง
นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนดังกล่าว โดยเล่าผ่านชายหนุ่มผู้เริ่มตักน้ำเล็ก ๆ รดดินจนกลายเป็นป่าใหญ่ที่หล่อเลี้ยงทั้งคนและสัตว์ แม้ผู้คนรอบข้างจะมองว่าการกระทำของเขาเล็กน้อย แต่กาลเวลาพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสม่ำเสมอและความไม่โอ้อวดนั้นเองคือหัวใจของคุณธรรมอันยิ่งใหญ่อย่างล้นเหลือ และหนังสือหลาย ๆ ณ ปัจจุบันก็ใช้หลักนี้ด้วยอย่าง Atomic Habits
คติธรรม: “ผู้ใดมุ่งมั่นทำสิ่งเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่โอ้อวดความสำเร็จของตน ย่อมสร้างความยิ่งใหญ่ที่ยั่งยืน เปรียบดังสายน้ำเล็กที่หล่อเลี้ยงผืนป่าตลอดกาล”