ปกนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องไร้ซึ่งวิธีการ

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องไร้ซึ่งวิธีการ

ผู้คนมักเชื่อว่าชีวิตต้องอาศัยวิธีการมากมาย ทั้งการวางแผน ควบคุม และจัดการ แต่ในสายตาแห่งเต๋า แท้จริงแล้วหนทางที่ลึกซึ้งที่สุดกลับซ่อนอยู่ในสิ่งที่ไร้ซึ่งวิธีการ อ่อนโยน และดำเนินไปตรงข้ามกับสิ่งที่ตาเห็น

มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง ที่เล่าจื๊อยกขึ้นมาเพื่อชี้ให้เห็นความหมายของการดำเนินชีวิตโดยการละทิ้งวิธีการ เรื่องราวที่เผยว่าการไม่บังคับ ไม่ได้ทำให้เราอ่อนแอ แต่กลับเป็นการเปิดประตูสู่พลังและความมั่นคงที่ยิ่งใหญ่กว่า กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องไร้ซึ่งวิธีการ

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องไร้ซึ่งวิธีการ

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องไร้ซึ่งวิธีการ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่เชิงเขามีหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมแม่น้ำ ชาวบ้านที่นี่ขึ้นชื่อว่าขยันคิดค้นเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ ๆ พวกเขาภูมิใจว่าเป็นหมู่บ้านที่ “ทันสมัยที่สุด” ในแถบนั้น

ทุกเช้าจะได้ยินเสียงเหล็กกระทบ เสียงฟืดฟาดของคันโยก และเสียงหัวเราะของชาวบ้านที่อวดกันเรื่องสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ

“ดูนี่สิ!” ชายคนหนึ่งยกเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ขึ้นให้เพื่อนบ้านดู “ข้าใช้แรงเพียงนิดเดียว แต่สูบน้ำได้ทั้งทุ่งนา!”

“ของเจ้าไม่เท่าไรหรอก” อีกคนยกกล่องไม้ที่มีล้อหมุน “นี่ต่างหาก เครื่องเร่งการงอกของเมล็ด เพียงสามวันก็งอกพร้อมกันหมด ไม่ต้องรอฤดูกาลอีกต่อไป!”

เสียงปรบมือดังรอบตลาด เหมือนเป็นการประชันฝีมือทุกสัปดาห์ ใครมีเครื่องมือใหม่กว่า คนนั้นคือผู้ชนะ

ท้ายหมู่บ้าน มีวัดไม้เก่าที่เงียบสงบ ต้นโพธิ์ใหญ่ทอดเงาบังแสงแดด กุฏิไม้เริ่มผุพัง แต่ยังอบอุ่นด้วยควันไฟจากครัวเล็ก ๆ

พระชราประจำวัดใช้ชีวิตเรียบง่าย ท่านเดินตักน้ำจากแม่น้ำด้วยขันเก่า กวาดลานวัดด้วยไม้กวาดที่ทำจากกิ่งไม้แห้ง และปลูกผักในแปลงเล็ก ๆ โดยไม่ใช้อะไรนอกจากจอบเก่า ๆ

เมื่อชาวบ้านผ่านไปก็หัวเราะเยาะ
“หลวงพ่อไม่รู้จักความก้าวหน้าเอาเสียเลย ดูสิ วัดยังเก่าเหมือนเดิม ไม่ทันสมัยสักนิด”
“ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ก็คงอยู่ได้แต่เพียงเท่านี้แหละ”

พระเพียงยิ้มเงียบ ๆ สายตาท่านทอดยาวไปตามลำแม่น้ำที่ไหลไม่เคยหยุด

รุ่งเช้าแสงแดดอ่อนส่องผ่านกิ่งโพธิ์ พระนั่งอยู่ข้างโอ่งน้ำเล็ก ๆ ใช้ขันเก่า ๆ ตักน้ำไปรดต้นโพธิ์ ทุกการเคลื่อนไหวช้าแต่มั่นคง

เด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา มองอย่างสงสัย
“หลวงพ่อ ทำไมไม่ใช้เครื่องสูบน้ำแบบชาวบ้านล่ะ? แค่ดึงคันโยก น้ำก็ไหลมาเป็นสาย รดได้ทั้งทุ่งในพริบตา”

พระหันมายิ้ม ลูบหัวเด็กเบา ๆ
“ขันเก่าก็เพียงพอ น้ำจากแม่น้ำก็เต็มใจมาเอง เราเพียงช่วยพาเขามาหาต้นไม้”

เด็กชายขมวดคิ้ว “แต่มันช้า ไม่ทันใจหรอก ถ้าใช้เครื่องมือ พรุ่งนี้ต้นไม้คงโตเร็วกว่านี้”

พระหัวเราะเบา ๆ
“สิ่งที่ช้า อาจยืนยาว สิ่งที่เร่งรีบ อาจหมดไปไว ต้นไม้ไม่ได้อยากรีบโต เขาแค่เติบโตตามหนทางของเขา”

ระหว่างนั้นชาวบ้านสามสี่คนเดินผ่านมา เห็นพระกำลังรดน้ำด้วยขันเก่า ๆ
ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ ๆ ดูสิ ท่านยังทำแบบคนสมัยก่อนอยู่เลย จะรดน้ำต้นเดียวก็ต้องเหนื่อยตั้งนาน”
หญิงสาวพูดเสริม “ถ้าใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ต้นโพธิ์คงสูงใหญ่กว่านี้นานแล้วล่ะ”

พระยังคงรดน้ำเงียบ ๆ ไม่ตอบโต้ เพียงแหงนมองใบโพธิ์ที่ไหวเบา ๆ ตามแรงลม

เด็กชายยังถามต่อ “หลวงพ่อไม่กลัวชาวบ้านหัวเราะหรือ?”

พระยิ้มแผ่ว ๆ “เสียงหัวเราะก็เหมือนลมพัด ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ต้นโพธิ์ยังคงยืนตรง แม่น้ำยังคงไหล คนหัวเราะหรือร้องไห้ ก็ไม่อาจหยุดสิ่งเหล่านี้ได้”

เด็กชายเงียบลง เขาไม่เข้าใจทั้งหมด แต่สัมผัสได้ถึงความสงบที่รายล้อมพระชรา ความสงบที่ต่างจากความวุ่นวายของหมู่บ้านเต็มไปด้วยเครื่องมือใหม่ ๆ

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องไร้ซึ่งวิธีการ 2

หลายเดือนต่อมา ฤดูฝนมาถึงเร็วกว่าที่ใครคาดคิด เมฆหนาทึบคลุมทั่วหุบเขา สายฝนเทกระหน่ำต่อเนื่องหลายวัน น้ำในแม่น้ำเอ่อท่วมขึ้นสู่ทุ่งนา

ชาวบ้านรีบยกเครื่องสูบน้ำขึ้นทำงานเต็มที่ เสียงล้อหมุน เสียงฟืดฟาดดังไปทั้งหมู่บ้าน แต่ยิ่งสูบเท่าไร น้ำก็ยิ่งไหลแรงขึ้นจากภูเขาเหนือหมู่บ้าน

“เร็วเข้า! เพิ่มแรงอีก!”
“ไม่พอเลย น้ำมันมากเกินไป!”

คนทั้งหมู่บ้านวิ่งพล่านไปมา เครื่องมือหลายอย่างพังลงเพราะใช้งานเกินกำลัง ทุ่งนาที่เคยเขียวขจีถูกน้ำซัดจนกลายเป็นโคลน เครื่องกักเก็บลมถูกน้ำพัดล้ม บางครอบครัวต้องย้ายบ้านหนีขึ้นเนินเขา

ท่ามกลางความโกลาหล วัดเล็กท้ายหมู่บ้านกลับเงียบสงบ ต้นไม้รอบวัดดูดซับน้ำไว้ ลานวัดที่ปกคลุมด้วยหญ้าป่าไม่ถูกน้ำเซาะเสียหาย กุฏิที่ซ่อมแซมด้วยไม้เก่า ๆ ยังตั้งอยู่

หลายคนวิ่งหนีมาที่วัดเพื่อขอที่พักชั่วคราว

“หลวงพ่อ… บ้านของข้าถูกน้ำพัดไปหมดแล้ว เครื่องสูบก็แตกพังหมด เราทำอะไรไม่ได้เลย”

พระยิ้มบาง ๆ ต้อนรับทุกคนด้วยน้ำอุ่นและข้าวต้มธรรมดา “ทุกสิ่งมีทางของมัน น้ำมา น้ำก็ไป ที่เหลืออยู่คือใจเรา จะไหวหรือจะล้ม ก็อยู่ที่ใจนี้เท่านั้น”

ผู้คนมองรอบวัดอย่างประหลาดใจ ทั้งที่พระไม่เคยมีเครื่องมืออะไรพิเศษ แต่กลับยังคงยืนหยัดได้

เมื่อฝนหยุดลง หมู่บ้านค่อย ๆ ฟื้นตัว ชาวบ้านเริ่มสร้างนาขึ้นใหม่ เครื่องมือที่ยังซ่อมได้ก็ถูกนำกลับมาใช้ต่อ ไม่มีใครคิดทิ้งเครื่องมือเหล่านั้น เพราะทุกคนรู้ว่ามันยังจำเป็น

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือท่าทีของผู้คน พวกเขาไม่ได้มั่นใจว่า “เครื่องมือคือคำตอบทุกอย่าง” อีกต่อไป บางครั้งก็เลือกปล่อยให้น้ำไหลตามทาง ไม่ฝืน ไม่เร่ง ไม่บังคับ

วันหนึ่ง เด็กชายที่เคยถามพระมานั่งใต้ต้นโพธิ์อีกครั้ง “หลวงพ่อ… ข้าเข้าใจแล้วว่าเครื่องมือช่วยเราได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งต้องแก้ด้วยเครื่องมือ”

พระยิ้ม พลางตักน้ำด้วยขันเก่าเหมือนเดิม “ถูกแล้ว เครื่องมือมีคุณค่า แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือการรู้ว่า เมื่อไรควรใช้ และเมื่อไรควรวางลง”

หมู่บ้านไม่ได้มีพิธีสรรเสริญ ไม่มีการตั้งพระเป็นผู้นำ ทุกสิ่งดำเนินไปเงียบ ๆ แต่ในใจผู้คนได้ซึมซับวิถีแห่งความอ่อนโยน ความสมดุลระหว่างการใช้และการละวาง

ชาวบ้านทุกคนรวมถึงเล่าจื๊อ มองวัดไม้เล็ก ๆ และเล่าจื๊อกล่าวว่า “ข้าต้องขอบคุณพระท่านนั้น ที่ทำให้เกิดบทหนึ่งในคัมภีร์ของข้า… หนทางของเต๋า เคลื่อนไหวโดยตรงข้ามกับสิ่งที่ปรากฏ ความอ่อนโยนคือเครื่องหมายแห่งฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ สิ่งทั้งปวงเกิดจากสิ่งที่มี และสิ่งที่มีเกิดจากสิ่งที่ไม่มี”

เสียงของเล่าจื๊อแผ่วเบา ละมุนดั่งสายลม ใบโพธิ์ไหวช้า ๆ ราวกับรับรู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในความเงียบนั้น

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องไร้ซึ่งวิธีการ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความอ่อนโยน ความเรียบง่าย และการไม่บังคับ คือพลังที่ยิ่งใหญ่ของเต๋า สิ่งทั้งหลายอาจเกิดจากสิ่งที่เรามองว่า “มี” แต่แท้จริงแล้วรากเหง้ามาจากสิ่งที่ “ไม่มี” และการดำเนินไปทวนกับสิ่งที่ปรากฏ บางครั้งกลับกลายเป็นหนทางที่แท้จริง นี่แหละคือการละทิ้งการใช้วิธีการ

ในเรื่อง ชาวบ้านมั่นใจว่าเครื่องมือจะควบคุมทุกสิ่งได้ แต่เมื่อภัยพิบัติมาถึง เครื่องมือกลับไม่อาจช่วยได้ดั่งใจ ตรงกันข้าม พระผู้ไม่ยึดติดกับวิธีการกลับอยู่รอดด้วยความสงบ การกระทำของท่านไม่ได้ปฏิเสธคุณค่าของเครื่องมือ แต่สอนให้เห็นว่า เมื่อเราใช้เครื่องมือด้วยปัญญา และรู้จักวางมือเมื่อถึงเวลา เราจึงสอดคล้องกับหนทางของธรรมชาติและอยู่ร่วมกับโลกได้อย่างมั่นคงและสงบสุข

อ่านต่อ: เรียนรู้ปรัชญาเต๋าลึกซึ้งแบบเข้าใจง่าย ๆ ผ่านนิทานเต้าเต๋อจิงสั้น ๆ สนก ๆ ที่นี่ taleZZZ.com

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องไร้ซึ่งวิธีการ (อังกฤษ: Dispensing With The Use of Means) นิทานเรื่องนี้มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิงบทที่ 40 ซึ่งกล่าวถึงการ “ละทิ้งการใช้วิธีการ” และชี้ให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวของเต๋านั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่เรามองเห็นภายนอก สิ่งที่อ่อนโยนและไร้อำนาจในสายตามนุษย์ กลับเป็นสิ่งที่สะท้อนพลังอันยิ่งใหญ่ของเต๋าได้อย่างแท้จริง บทนี้ยังสอนให้เข้าใจว่า สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นจากสิ่งที่ “มี” และสิ่งที่ “มี” นั้นก็มีรากเหง้ามาจากสิ่งที่ “ไม่มี” โดยเล่าจื๊อได้บันทึกไว้ว่า:

การละทิ้งการใช้วิธีการ

การเคลื่อนไหวของเต๋า
ดำเนินไปโดยตรงข้ามกับสิ่งปรากฏ
และความอ่อนโยนคือเครื่องหมายแห่งหนทาง
ของฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของเต๋า

สรรพสิ่งทั้งปวงใต้สวรรค์เกิดขึ้นจากเต๋า
ในฐานะสิ่งที่มีอยู่และมีชื่อ
สิ่งที่มีอยู่นั้นก็เกิดจากเต๋า
ในฐานะสิ่งที่ไม่มีอยู่และไร้ชื่อ

โดยเล่าจื๊อสอนว่า ผู้ที่เข้าถึงเต๋าย่อมเข้าใจความลี้ลับของ “มีและไม่มี” รู้จักวางมือจากการบังคับควบคุม และเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตอย่างอ่อนโยน ผู้ที่รู้จักถอย ไม่ยึดติดกับความแข็งแกร่งหรือความฉลาดของตนเอง จะเป็นผู้ที่กลมกลืนกับหนทางของธรรมชาติ สามารถอยู่ได้อย่างมั่นคง แม้โลกภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

นิทานเรื่องนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อสะท้อนคำสอนในบทดังกล่าว ผ่านภาพของหมู่บ้านที่พึ่งพาเครื่องมือและวิธีการจนคิดว่าคุมธรรมชาติได้ ตรงกันข้ามกับพระประจำหมู่บ้านที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่บังคับสิ่งใด แต่กลับอยู่รอดท่ามกลางภัยพิบัติ นิทานไม่ได้ปฏิเสธคุณค่าของเครื่องมือ หากแต่บอกเล่าว่า สิ่งที่แท้จริงคือการรู้จัก “เมื่อไรควรใช้ และเมื่อไรควรวางลง” อันเป็นหัวใจของบทที่ 40 ที่เล่าจื๊อต้องการฝากไว้

คติธรรม: “ผู้ที่รู้จักวางมือ จึงได้ครอบครองทุกสิ่งโดยไม่ต้องบังคับสิ่งใด”