ปกนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม

ในโลกนี้ มีผู้คนมากมายไขว่คว้าสู่ความสูงส่ง แต่กลับมองข้ามคุณค่าของการยอมอยู่ในที่ต่ำอย่างสงบและเกื้อกูลต่อผู้อื่น

มีนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องหนึ่ง ที่เล่าจื๊อเล่าเรื่องของฮ่องเต้ผู้เป็นศิษย์ของเขา ผู้ได้นำหลัก “ความดีสูงสุดเปรียบได้ดั่งน้ำ” มาใช้ในการปกครอง จนทำให้บ้านเมืองร่มเย็นและผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบ กับนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม

เนื้อเรื่องนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม

ในเส้นทางชีวิตของข้าที่ได้พบและสั่งสอนผู้คนมากมาย มีศิษย์คนหนึ่งที่ข้าจดจำได้อย่างชัดเจน เขาไม่ใช่เพียงลูกศิษย์ธรรมดา แต่เป็นองค์ชายแห่งแผ่นดิน

ผู้ที่ในอนาคตจะกลายเป็นฮ่องเต้ผู้ครองบ้านเมือง แม้จะเติบโตท่ามกลางความหรูหราและพิธีรีตอง เขากลับแสวงหาความสงบและความเข้าใจในหนทางแห่งเต้า

ข้ายังจำได้ถึงวันที่เขามาหาข้าครั้งแรก เขาสวมชุดผ้าฝ้ายสีซีดที่ทำให้เขาดูไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไป ทิ้งเครื่องทรงและขบวนติดตามไว้เบื้องหลัง เขาเดินเท้าผ่านทางดินและสะพานไม้จนถึงกระท่อมของข้าบนไหล่เขา

เมื่อก้าวเข้ามา เขากล่าวเพียงว่า “อาจารย์ ข้าปรารถนาจะปกครองโดยไม่ให้ผู้คนหวาดกลัว แต่ยังคงให้แผ่นดินสงบ” น้ำเสียงของเขามั่นคง แต่ในดวงตายังมีประกายของความกระวนกระวาย

ข้าพาเขาเดินไปยังลำธารเล็กที่ซ่อนอยู่ในป่า น้ำใสไหลผ่านโขดหินและรากไม้ใหญ่ เสียงไหลเอื่อยนั้นชวนให้ใจสงบ เรานั่งลงริมฝั่งโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ผ่านไปเนิ่นนานจนเขาเอ่ยขึ้นว่า “เหตุใดอาจารย์จึงพาข้ามาที่นี่?”

ข้ายกมือชี้ไปที่สายน้ำและกล่าวช้า ๆ ว่า “ความดีสูงสุดเปรียบได้ดั่งน้ำ… น้ำเกื้อกูลสรรพสิ่งโดยไม่เลือกที่รัก น้ำไหลไปสู่ที่ต่ำที่คนรังเกียจ โดยไม่เคยต่อต้าน” เขามองสายน้ำอย่างครุ่นคิด ไม่มีคำถามต่อ แต่ข้ารู้ว่าเมล็ดพันธุ์แห่งความเข้าใจได้ถูกหย่อนลงในใจเขาแล้ว

หลายปีต่อมา เมื่อข้าได้ยินว่าองค์ชายผู้นั้นขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ ข้ารู้สึกทั้งยินดีและกังวล ยินดีเพราะศิษย์ของข้าจะได้โอกาสนำความรู้ไปใช้ กังวลเพราะอำนาจเป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้มีปัญญาก็อาจหลงทางได้

แต่เมื่อข้าเดินทางไปยังเมืองหลวง ภาพที่เห็นกลับทำให้ความกังวลคลายลง ราชวังของเขามิได้สร้างสูงตระหง่านเกินจำเป็น แต่ผสมกลมกลืนกับภูมิประเทศและสายน้ำรอบเมือง

บ้านเรือนประชาชนได้รับการบูรณะให้แข็งแรง ถนนสะอาด ตลาดมีระเบียบ แต่ยังคงเสียงหัวเราะและการค้าขายที่เป็นธรรม

วันหนึ่ง ข้าได้เข้าร่วมประชุมขุนนางในท้องพระโรง เรื่องที่ถกเถียงกันคือการสร้างเขื่อนกักน้ำในยามแล้ง ฝ่ายหนึ่งเสนอสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เพื่อกักน้ำให้มากที่สุด อีกฝ่ายเกรงว่าจะทำให้น้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ การโต้เถียงดังขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ฮ่องเต้นั่งฟังเงียบ รอจนทุกเสียงสงบ จึงเอ่ยว่า “น้ำไม่ถามว่าทางสูงหรือต่ำ น้ำเพียงไหลไปเพื่อให้ทุกชีวิตได้ดื่มกิน เราก็จงเลือกทางที่ให้ทุกคนอยู่รอด”

หลังจากนั้น ขุนนางทั้งสองฝ่ายเริ่มปรับข้อเสนอ จนได้แผนสร้างเขื่อนที่สามารถปกป้องทั้งเมืองและพื้นที่เพาะปลูก ข้านั่งมองเหตุการณ์นั้นด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ เพราะฮ่องเต้ไม่ได้เพียงจดจำคำสอนของข้า แต่เขานำมันมาหล่อเลี้ยงทั้งแผ่นดิน

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม 2

เวลาผ่านไป ข้าได้อยู่ในเมืองหลวงนานพอที่จะเห็นวิธีที่ฮ่องเต้นำหลักเต้าไปใช้โดยไม่โอ้อวด เขาเหมือนน้ำที่ไหลผ่านทุกส่วนของแผ่นดินอย่างเงียบงัน แต่ทิ้งความชุ่มชื้นไว้ทุกที่ที่ผ่านไป

เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก เขาส่งคนซ่อมฝาย ลอกคูคลอง และเสริมตลิ่งก่อนที่ปัญหาจะเกิด เขาไม่เพียงสั่งการจากบนบัลลังก์ แต่บางครั้งยังออกไปตรวจพื้นที่ด้วยตนเอง

ข้าจำได้ชัดถึงภาพวันที่ฝนตกหนัก เขาเดินลุยโคลนในทุ่งนากับชาวบ้าน ถอดรองเท้าแตะไม้และมัดชายเสื้อขึ้นเหนือเข่าเพื่อช่วยขนกระสอบทรายปิดรอยรั่วของคันดิน ใบหน้ามีเพียงรอยยิ้มและหยดฝนเกาะหนวดขาวที่เพิ่งขึ้นประปราย

ในฤดูแล้ง เขาเปิดคลังน้ำหลวงและเมล็ดพันธุ์ให้ประชาชนโดยไม่รอให้มีคำร้องขอ บางครั้งยังสั่งให้ขุนนางนำส่วนหนึ่งไปมอบให้หมู่บ้านห่างไกลก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือ เหมือนน้ำที่ไหลลงที่ต่ำโดยไม่ต้องรอให้ใครตักขึ้นมา

วันหนึ่ง ข้าเดินผ่านสวนหลวงและเห็นเขาคุยกับชาวสวนที่กำลังตัดแต่งต้นไม้ เขามองดอกไม้สีขาวที่เพิ่งบานแล้วถามอย่างอ่อนโยน “เจ้าว่าดอกนี้จะอยู่ได้อีกกี่วัน?” ชาวสวนหัวเราะและตอบว่า “ไม่เกินสามวันพะยะค่ะ”

ฮ่องเต้ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็จงดูแลมันให้ดีที่สุดในวันที่ยังบาน” ข้าได้ยินแล้วรู้ว่าคำพูดนี้ไม่เพียงหมายถึงดอกไม้ แต่หมายถึงทุกชีวิตที่ต้องดูแลในช่วงเวลาที่มันยังอยู่

เมื่อกาลเวลาผ่านไป ฮ่องเต้เข้าสู่วัยกลางคน แผ่นดินยังคงสงบ การค้าขายเจริญรุ่งเรือง ผู้คนไม่หวาดกลัวอำนาจและอยู่ร่วมกันอย่างพอเพียง ในวันหนึ่ง เขาเชิญข้าไปยังตำหนักเงียบกลางสวนหลวง เพื่อสนทนาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ข้าจะออกเดินทางกลับภูเขา

เขานั่งมองสระน้ำตรงหน้า น้ำในสระใสจนเห็นเงาเมฆที่ลอยผ่านไปบนฟ้า เขาพูดเสียงเรียบแต่มั่นคง “อาจารย์… ตอนที่ท่านบอกว่าความดีสูงสุดเปรียบได้ดั่งน้ำ ข้าเข้าใจเพียงครึ่งเดียว แต่ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่ามันหมายถึงอะไร”

เขาหันมามองข้าด้วยสายตาสงบ “น้ำไม่ถามว่าใครคู่ควร ไม่เลือกทางสูงหรือต่ำ มันเพียงไหลไปเพื่อให้ทุกชีวิตอยู่รอด และเมื่อมันทำหน้าที่เช่นนั้น ก็ไม่มีผู้ใดกล่าวโทษ”

ข้าพยักหน้าอย่างช้า ๆ “และเพราะเจ้าเป็นเช่นนั้น แผ่นดินจึงสงบ และผู้คนจึงรักและไว้วางใจ”

เรานั่งเงียบกันเนิ่นนาน เสียงน้ำกระเพื่อมเบา ๆ และลมพัดใบไม้ไหว เสี้ยววินาทีนั้นข้าเห็นภาพชายหนุ่มที่เคยนั่งริมลำธารเมื่อหลายสิบปีก่อน กลายเป็นผู้ปกครองที่สายน้ำเองยังยอมไหลผ่านโดยไม่ขัดขืน

ภาพประกอบนิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความดีที่แท้จริงในธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม คือการดำรงตนอย่างเกื้อกูลต่อผู้อื่น โดยไม่แย่งชิง ไม่โอ้อวด และรู้จักอยู่ในที่เหมาะสมกับตน จึงงดงามและมั่นคงดุจสายน้ำ

ในนิทาน เล่าจื๊อเล่าเรื่องของฮ่องเต้ศิษย์ของเขา ผู้ได้นำหลัก “ความดีสูงสุดเปรียบได้ดั่งน้ำ” มาใช้ทั้งในชีวิตและการปกครอง ฮ่องเต้ปฏิบัติตนด้วยความอ่อนน้อม เห็นคุณค่าของความสงบ และทำสิ่งต่าง ๆ ในเวลาที่เหมาะสม เขาดูแลประชาชนดุจน้ำที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตอย่างเงียบงัน ผลลัพธ์คือบ้านเมืองสงบ ผู้คนพอใจ และไม่มีผู้ใดเอ่ยโทษ

อ่านต่อ: นิทานเต้าเต๋อจิงสอนปรัชญาเต๋าจีนโบราณโดยปรมาจารย์เล่าจื๊อ

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเต้าเต๋อจิงเรื่องธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม (อังกฤษ: The Placid and Contented Nature) มาจากคัมภีร์เต้าเต๋อจิง บทที่ 8 ซึ่งเล่าจื๊อกล่าวถึง “ความดีสูงสุดเปรียบได้ดั่งน้ำ” โดยใช้น้ำเป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรมขั้นสูงสุด น้ำเกื้อกูลสรรพสิ่งโดยไม่เลือกที่รัก และยอมอยู่ในที่ต่ำที่คนรังเกียจโดยไม่ขัดขืน จึงใกล้เคียงกับหนทางแห่งเต๋า

ในบทนี้ เล่าจื๊อยังขยายความว่า ความดีของสิ่งต่าง ๆ อยู่ที่การอยู่ในที่เหมาะสม

ธรรมชาติที่สงบและอิ่มเอม
ความดีสูงสุด เปรียบได้ดั่งน้ำ ความดีของน้ำอยู่ที่การเกื้อกูลสรรพสิ่ง และการยอมอยู่ในที่ต่ำที่ผู้คนรังเกียจ โดยไม่ต้องฝืนแย่งชิงตำแหน่งสูง จึงใกล้เคียงกับหนทางแห่งเต้า
ความดีของที่อยู่อาศัย อยู่ที่การเลือกทำเลอันเหมาะสม
ความดีของจิตใจ อยู่ที่ความสงบนิ่งลึกซึ้ง
ความดีของการคบหา อยู่ที่การอยู่ร่วมกับผู้มีคุณธรรม
ความดีของคำพูด อยู่ที่ความซื่อตรงน่าเชื่อถือ
ความดีของการปกครอง อยู่ที่การทำให้บ้านเมืองมีระเบียบ
ความดีของการทำงาน อยู่ที่ความสามารถและความรอบคอบ
ความดีของการเริ่มลงมือกระทำ อยู่ที่การเลือกเวลาที่เหมาะสม
และเมื่อผู้มีคุณธรรมสูงสุดไม่ขัดแย้งหรือแย่งชิงตำแหน่งที่ต่ำต้อยที่ตนอยู่ ย่อมไม่มีผู้ใดตำหนิได้

นิทานนี้จึงถูกแต่งขึ้นเพื่อถ่ายทอดคำสอนดังกล่าว ผ่านเรื่องราวของฮ่องเต้ผู้เป็นศิษย์ของเล่าจื๊อ ที่นำหลัก “ดุจน้ำ” ไปใช้ในการปกครองและการดำเนินชีวิต จนทำให้บ้านเมืองสงบและผู้คนไว้วางใจ

คติธรรม: “ความดีสูงสุด คือการเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างเงียบงัน ดุจสายน้ำที่ไหลไม่รู้จบ”