กาลครั้งหนึ่งในทุ่งหญ้าเขียวขจี มีสัตว์หลายชนิดที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่ในธรรมชาติ บางครั้งการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เรื่องราวของกระต่ายผู้พยายามหนีตายจากสุนัขล่าเนื้อ และบทสนทนาที่สะท้อนความจริงระหว่างสุนัขกับคนเลี้ยงแพะ จะพาเราไปสำรวจถึงพลังของแรงจูงใจและการดิ้นรนที่ยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาคับขัน กับนิทานอีสปเรื่องกระต่าย สุนัขและคนเลี้ยงแพะ
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องกระต่าย สุนัขและคนเลี้ยงแพะ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในทุ่งหญ้าเขียวขจี มีสุนัขล่าเนื้อตัวหนึ่ง มันขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็วและความชำนาญในการล่า วันหนึ่งขณะมันเดินสำรวจทุ่งหญ้า มันได้กลิ่นกระต่ายที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ ๆ ด้วยความตื่นเต้นและมั่นใจในฝีเท้าของตัวเอง สุนัขจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ แล้วพุ่งเข้าใส่พุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
“ข้าจับเจ้าได้แน่!” สุนัขเห่าลั่น
กระต่ายตัวนั้นที่กำลังแทะหญ้าอยู่ตกใจสุดขีด มันรีบกระโจนออกจากพุ่มไม้และวิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุด “ช่วยด้วย! ชีวิตข้าขึ้นอยู่กับขาอันน้อยนิดของข้าแล้ว!” กระต่ายพูดกับตัวเองขณะกระโจนหนี
สุนัขล่าเนื้อเริ่มไล่ตามด้วยความมุ่งมั่น กระต่ายเลี้ยวหลบไปทางซ้ายที ขวาที บางครั้งมันกระโดดข้ามพุ่มไม้หรือแทรกตัวผ่านต้นหญ้าสูงที่หนาทึบ แม้กระต่ายจะตัวเล็ก แต่ความคล่องตัวและความเร็วของมันทำให้สุนัขต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อไล่ตาม
“เจ้าหนีไม่รอดแน่!” สุนัขตะโกนขณะวิ่งตาม
กระต่ายไม่ตอบอะไร มันมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวคือวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด ในที่สุด กระต่ายก็พุ่งเข้าไปในโพรงเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้ก้อนหินใหญ่ “ข้ารอดแล้ว!” กระต่ายหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แต่เต็มไปด้วยความโล่งใจ
สุนัขที่วิ่งตามมาตลอดทางหยุดอยู่หน้าก้อนหิน มันจ้องเข้าไปในโพรงอย่างผิดหวัง และหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า “เจ้าโชคดีนะกระต่าย” สุนัขพึมพำ
ในขณะนั้นเอง คนเลี้ยงแพะที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุก็หัวเราะลั่น “ฮ่า ๆ ๆ ข้าดูเจ้ามาตลอด เจ้าที่ว่าชำนาญการล่า แต่กลับปล่อยให้กระต่ายตัวเล็ก ๆ หนีรอดไปได้ เจ้านี่มันน่าอายจริง ๆ!”
สุนัขหันไปมองคนเลี้ยงแพะด้วยสายตานิ่ง ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “เจ้าคิดว่ามันง่ายอย่างนั้นหรือ? เจ้าเข้าใจไหมว่ามันต่างกันมากระหว่างการวิ่งเพื่อตามจับใครบางคน กับการวิ่งเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง?”
คนเลี้ยงแพะที่ได้ยินดังนั้นหยุดหัวเราะ “หมายความว่าอย่างไร?” เขาถามด้วยความสงสัย
“กระต่ายมันวิ่งด้วยแรงผลักดันของความกลัว” สุนัขอธิบาย “มันรู้ว่าหากมันหยุด นั่นหมายถึงชีวิตของมันจบลง แต่ข้ากลับวิ่งเพียงเพื่อไล่จับ มันเป็นแค่ความพยายาม ไม่ใช่เรื่องของชีวิตหรือความตาย เจ้าลองคิดดูสิ ระหว่างความจำเป็นต้องรอด กับความต้องการที่จะชนะ อะไรที่ให้พลังมากกว่ากัน?”
สุนัขที่เหนื่อยหอบแต่ยังคงมีความสง่างามในท่าทีของมัน เงยหน้าขึ้นและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เจ้าคิดว่ามันง่ายอย่างนั้นหรือ? เจ้ารู้ไหมว่ามันต่างกันแค่ไหน ระหว่างการวิ่งเพื่อตามจับใครบางคน กับการวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด? ข้าวิ่งเพื่อล่า แต่มันวิ่งเพราะชีวิตของมันแขวนอยู่บนเส้นด้าย ความพยายามของมันจึงเหนือกว่าข้า”
คนเลี้ยงแพะที่ได้ยินเช่นนั้น หยุดหัวเราะและเริ่มไตร่ตรอง เขามองเห็นความจริงในคำพูดของสุนัขล่าเนื้อ และเข้าใจว่าความมุ่งมั่นของกระต่ายนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เมื่อมันต้องการรักษาชีวิตของตัวเอง “เจ้าพูดถูก ความพยายามของกระต่ายนั้นมากกว่า เพราะมันสู้เพื่อชีวิตของมัน ข้าคิดผิดที่หัวเราะเยาะเจ้า”
สุนัขหันกลับไปมองโพรงกระต่ายอีกครั้ง “กระต่ายรอด เพราะมันสมควรจะรอด” สุนัขกล่าวพลางหันหลังเดินกลับไปด้วยท่าทีสง่างาม
ในขณะที่สุนัขเดินกลับไปด้วยท่าทีสงบและสง่างาม คนเลี้ยงแพะยังคงนั่งคิดถึงบทเรียนสำคัญที่เขาเพิ่งได้รับ และในใจของเขา เขาเริ่มรู้สึกเคารพในความพยายามของทั้งสุนัขและกระต่าย
คนเลี้ยงแพะนั่งมองเหตุการณ์จนกระทั่งสุนัขลับสายตาไป เขารู้สึกได้ถึงบทเรียนสำคัญจากสิ่งที่ได้เห็นและคำพูดของสุนัข
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความพยายามที่เกิดจากแรงจูงใจเพื่อรักษาสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น การเอาชีวิตรอด ย่อมมีพลังและความมุ่งมั่นที่เหนือกว่าความพยายามที่เกิดจากเป้าหมายรอง ความจำเป็นมักสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าความต้องการ ดังนั้น เราควรเข้าใจแรงจูงใจของผู้อื่นและเรียนรู้ที่จะไม่ดูแคลนความพยายามของใคร
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องกระต่าย สุนัขและคนเลี้ยงแพะ (อังกฤษ: The Hare, the Dog and the Goatherd) นิทานสั้น ๆ เรื่องนี้เป็นผลงานของอีสปเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 331 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)
สุนัขล่าเนื้อตัวหนึ่งซึ่งมีความชำนาญในการล่าได้ต้อนกระต่ายตัวหนึ่งออกมาจากพุ่มไม้ และเริ่มไล่ล่ามัน แต่กระต่ายกลับวิ่งหนีไปได้อย่างรวดเร็ว คนเลี้ยงแพะคนหนึ่งจึงเยาะเย้ยสุนัขว่า “กระต่ายตัวเล็ก ๆ แค่นั้นยังวิ่งเร็วกว่าเจ้าเสียอีก!” สุนัขตอบกลับว่า “มันต่างกันนะ ระหว่างการวิ่งเพื่อตามจับใครสักคน กับการวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด!”
นิทานนี้สอนให้เห็นว่าความมุ่งมั่นและแรงจูงใจในสถานการณ์ต่าง ๆ สามารถทำให้ผลลัพธ์แตกต่างกันได้