ในเส้นทางของการแสวงหา “ธรรม” หลายคนเข้าใจว่าต้องมีกระบวนการที่ซับซ้อน ต้องฝึกฝนอย่างหนัก และต้องบรรลุด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด แต่ในบางครั้ง… ความตื่นรู้อาจเกิดขึ้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครคาดคิด
มีนิทานเซนเรื่องหนึ่งเล่าถึงภิกษุณีที่ใช้เวลายาวนานเพื่อไขความลับของธรรมะ จนคืนหนึ่ง… กระบวนการทั้งหมดที่เธอเคยยึดถือพังทลายลง พร้อมกับก้นถังน้ำที่แตกออกในความเงียบของแสงจันทร์ กับนิทานเซนเรื่องไม่มีน้ำ ไม่มีจันทร์

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องไม่มีน้ำ ไม่มีจันทร์
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ใต้เงาไม้ใหญ่ในวัดเอ็งกะคุ เมืองคามาคุระ มีภิกษุณีรูปหนึ่งชื่อว่าชีโยโนะนั่งขัดสมาธิอย่างสงบนิ่ง แสงจันทร์ลอดผ่านพุ่มไม้ตกกระทบลงบนผิวถังไม้เก่าที่อยู่ข้างเธอ รอยปริของไม้ไผ่ที่รัดก้นถังเริ่มเผยให้เห็นรอยร้าวที่ใกล้จะหลุดลุ่ย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชีโยโนะศึกษาธรรมกับพระอาจารย์บุคโค เธอเฝ้าภาวนา ทำสมาธิ เดินจงกรม แต่มักรู้สึกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในใจเธอเลย ไม่มีความสงบที่แท้จริง ไม่มีความรู้แจ้งอย่างที่ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้
“ทำไมจึงเงียบเกินไปเช่นนี้… หรือใจข้ายังไม่พอ?” เธอมักถามตนเองยามค่ำคืน แต่ก็ยังคงตั้งใจฝึกไม่ลดละ
คืนหนึ่ง แสงจันทร์สาดส่องทั่วลานวัด บรรยากาศเงียบงัน ชีโยโนะก้าวออกจากกุฏิเล็ก ๆ พร้อมกับถังไม้เก่าใบหนึ่งซึ่งใช้ตักน้ำจากบ่อน้ำประจำวัด
เธอก้มหน้าลงเพื่อตักน้ำเช่นเคย ขณะเดินกลับ ถังไม้ในมือส่งเสียงแผ่วเบา ราวกับเตือนถึงความเก่าและเสื่อมสภาพ แล้วในจังหวะที่ไม่มีใครคาดคิด…
“แคร่ก!”
สายไม้ไผ่ที่รัดก้นถังแตกออก น้ำในถังพลันร่วงหล่นหมดสิ้น แสงจันทร์ที่เคยสะท้อนอยู่ในน้ำก็หายวับไปในพริบตา
ชีโยโนะยืนนิ่ง… แล้วจู่ ๆ ก็ดั่งโลกทั้งใบหยุดเคลื่อนไหว ในขณะนั้น เธอตื่นรู้และบรรลุธรรม

เธอยืนอยู่ใต้แสงจันทร์นานนับนาที… ดวงใจเบาสบายราวถูกยกภูเขาออกจากอก ไม่มีความอึดอัด ไม่มีคำถาม ไม่มีแม้แต่ความต้องการที่จะรู้แจ้งอีกต่อไป
“ข้าไม่ต้องคว้าอะไรอีกแล้ว… ทุกสิ่งเป็นเช่นที่มันเป็น”
ขณะที่หยดน้ำสุดท้ายซึมลงบนพื้นดิน เงาจันทร์ที่เคยสั่นไหวในน้ำก็ไม่เหลือร่องรอยใด ชีโยโนะถอนลมหายใจเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ทรุดนั่งลงกับพื้น
เธอหลับตา ไม่ใช่เพื่อหลีกหนี… แต่เพื่อเห็นความจริงจากภายใน
เช้าวันรุ่งขึ้น ภิกษุณีชีโยโนะ นำบทกวีที่แต่งขึ้นจากเหตุการณ์เมื่อคืนไปมอบให้พระอาจารย์บุคโค
พระอาจารย์รับกระดาษด้วยสีหน้านิ่งเงียบ พลันเมื่ออ่านจบ ท่านก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน
บนแผ่นกระดาษ เขียนไว้ว่า:
“ข้าพยายามประคองถังเก่าด้วยสารพัดวิธี
เพราะสายไม้ไผ่นั้นเริ่มผุพังและใกล้ขาด
จนในที่สุดก้นถังร่วงหล่น
ไม่มีน้ำหลงเหลือในถัง
ไม่มีจันทร์ในน้ำอีกต่อไป”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การปล่อยวางไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการยอมรับความจริงของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและไม่จีรัง เมื่อเราหยุดดิ้นรน หยุดพยายามยึดสิ่งที่หลุดร่วง เมื่อนั้นจึงจะเห็นความว่างอย่างแท้จริง และใจจะได้เป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวง
ภิกษุณีชีโยโนะเพียรพยายามฝึกสมาธิและไขว่คว้าการตรัสรู้ด้วยความตั้งใจแรงกล้า แต่ผลลัพธ์กลับเงียบงัน จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่ง ถังน้ำเก่าที่เธอถืออยู่พังลง น้ำหายไป จันทร์ที่สะท้อนในน้ำก็หายไปด้วย และในชั่วขณะนั้นเอง เธอก็ตระหนักว่า “สิ่งที่พยายามรักษาไว้… ไม่มีอยู่จริงแต่แรก” จึงตื่นรู้และเกิดความเข้าใจอันลึกซึ้งถึงธรรมชาติของความว่าง และปลดปล่อยตนเองจากความหลงยึดติดในทันที
อ่านต่อ: นิทานเซนให้ข้อคิดธรรมะในแบบวิถีเซนและปรัชญาชีวิต
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องไม่มีน้ำ ไม่มีจันทร์ (อังกฤษ: No Water, No Moon) มีต้นเค้าจากเรื่องจริงของภิกษุณีชีโยโนะ (Chiyono) หญิงชาวญี่ปุ่นผู้ใฝ่ธรรมในยุคคามาคุระ ราวศตวรรษที่ 13–14 ซึ่งศึกษาธรรมภายใต้คำสอนของปรมาจารย์เซนพระอาจารย์บุคโค โคคูชิ (Bukko Kokushi) แห่งวัดเอนกาคุจิ (Engaku-ji) เมืองคามาคุระ
เรื่องราวปรากฏอยู่ในหนังสือชื่อ Zen Flesh, Zen Bones ซึ่งรวบรวมและแปลโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki ในปี ค.ศ. 1957 โดยอยู่ในส่วนของ “101 Zen Stories” เรื่องนี้เป็นเรื่องลำดับที่ 89 ในหนังสือ และเป็นหนึ่งในเรื่องเซนที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกตะวันตก
แม้ชีโยโนะจะเป็นผู้หญิงในยุคที่บทบาทของสตรีในศาสนาเซนมีข้อจำกัด แต่เธอไม่ย่อท้อต่อการฝึกฝนและภาวนา แม้จะไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการให้บรรลุธรรมตามระบบสงฆ์ชาย แต่เหตุการณ์ในคืนหนึ่งที่ถังไม้ที่เธอใช้ตักน้ำแตก ทำให้น้ำไหลออก และภาพเงาของจันทร์จางหายไปจากพื้นน้ำ กลับกลายเป็นวินาทีแห่งการ “รู้แจ้ง” อย่างแท้จริง
ซึ่งเรื่องราวนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในนิทานเซนที่งดงามที่สุดเรื่องหนึ่ง ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าการตรัสรู้ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดสถานะ และอาจเกิดขึ้นจากเพียงเหตุเล็ก ๆ หากใจพร้อมรับรู้ความจริงในขณะนั้น
คติธรรม: “เมื่อปล่อยวางความยึดติดลงได้ แม้เพียงเสี้ยววินาที จิตก็อาจตื่นขึ้นสู่ความเป็นจริงโดยไม่ต้องดิ้นรน”