ปกนิทานเซนเรื่องมือถนนเปื้อนโคลน

นิทานเซนเรื่องถนนเปื้อนโคลน

ในชีวิต เรามักเจอสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามแบบแผน หลายครั้งเราตัดสินผู้อื่นจากสิ่งที่ตาเห็นหรือจากกรอบความเชื่อที่เรายึดถือ จนลืมมองเจตนาที่แท้จริง

นิทานเซนเรื่องหนึ่ง บอกเล่าการเดินทางของพระสองรูปที่พบเจอเหตุการณ์ธรรมดา แต่กลับเผยให้เห็นความแตกต่างระหว่าง “การปล่อยวาง” กับ “การยึดติด” ได้อย่างลึกซึ้ง และอาจเปลี่ยนมุมมองของคุณไปตลอดกาล กับนิทานเซนเรื่องถนนเปื้อนโคลน

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องถนนเปื้อนโคลน

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องถนนเปื้อนโคลน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ถนนดินเลียบเชิงเขาแฉะจนยากจะเดิน ฝนเทลงมาไม่ขาดสาย พระเซนสองรูปพระทันซันกับพระเอกิโดเดินร่วมกันในความเงียบ ท่ามกลางสายฝนที่ซัดกระหน่ำและโคลนที่เปื้อนชายจีวร

ทันใดนั้น ที่ทางโค้งด้านหน้า มีหญิงสาวสวมกิโมโนผ้าไหมสีอ่อน ยืนลังเลอยู่ริมแอ่งน้ำขนาดใหญ่บนพื้นโคลน เธอดูราวกับจะร้องไห้ ชายชุดเงาวับถูกน้ำกระเซ็นเปรอะไปครึ่งตัวแต่ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย

ทันซันก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเล “มาเถอะ ข้ายกขึ้นเองก็ได้” เขาพูด พลางช้อนหญิงสาวขึ้นในอ้อมแขนแล้วพาข้ามโคลนไปอีกฝั่ง วางเธอลงเบา ๆ แล้วเดินจากมาโดยไม่หันกลับ

เอกิโดยังคงเดินตามมาเงียบ ๆ ไม่กล่าวคำใด

สองพระรูปเดินต่อไปอีกหลายชั่วโมงจากหมู่บ้านเล็กสู่เชิงวัดบนเนิน ถึงแม้สายฝนจะหยุดลงแต่ความชื้นยังคงอบอวลทั่วร่าง เส้นทางเต็มไปด้วยโคลนเหนียวที่ต้องเดินอย่างระมัดระวัง

เมื่อถึงวัดซึ่งเป็นที่พักชั่วคราวในคืนนั้น เอกิโดนั่งลงใกล้ประตู ไม่ยอมเอ่ยวาจาอยู่นาน ท่าทางครุ่นคิดเหมือนมีบางอย่างติดค้างในใจ

เขานิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยเสียงกดอารมณ์ “ทันซัน… ท่านไม่รู้หรือว่าเราคือพระ พระไม่ควรเข้าใกล้หญิงสาว โดยเฉพาะหญิงสาวงดงามเช่นนั้น… ท่านอุ้มเธอด้วยซ้ำ”

ทันซันเอนกายเล็กน้อยก่อนตอบ “ใช่ ข้าอุ้มเธอข้ามถนนที่เต็มไปด้วยโคลน”

เอกิโดขมวดคิ้ว “แล้วท่านไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ? ไม่ลังเลเลยหรือ?”

ทันซันหันมามองด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วตอบเพียงสั้น ๆ “ข้า… วางเธอลงไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ท่านยังแบกเธอไว้ในใจอีกหรือ?”

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องถนนเปื้อนโคลน 2

คำตอบของทันซันเหมือนลมหอบหนึ่งที่ซัดเข้าใส่กำแพงความยึดติดในใจเอกิโด ดวงตาของเขาสั่นไหว น้ำเสียงแข็งกระด้างค่อย ๆ อ่อนลง

คำพูดของทันซันทำให้เอกิโดนิ่งงัน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งเริ่มไหววูบ เขาก้มหน้าลงช้า ๆ ไม่พูดอะไรต่อ ขณะที่แสงตะเกียงในศาลาวัดส่องสะท้อนเงาเงียบงันของเขาบนพื้นไม้

ทันซันยังคงนิ่ง สายตานิ่งลึกแต่ไม่ตำหนิ เขายกถ้วยน้ำจิบเบา ๆ “เราผ่านฝน โคลน และถนนสายเดียวกัน แต่สิ่งที่เราหอบกลับมา… ไม่เหมือนกัน”

ทันซันไม่ได้กล่าวตำหนิหรือสั่งสอน เขาเพียงยิ้มเบา ๆ แล้วเอนกายลงนอน ชุดจีวรเปรอะโคลนยังคงคลุมตัวอยู่ แต่แววตาไร้กังวล ดั่งคนที่ได้วางของหนักลงจากใจแล้วตั้งแต่แรก

ค่ำคืนค่อย ๆ ดำเนินผ่านไป เสียงฝนกลายเป็นเพียงละอองพรำเบา ๆ ต้นไม้ไหวเอนรับลมบนเชิงเขา เอกิโดยังนั่งอยู่ในที่เดิม เงียบงัน ราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่างในใจอย่างลึกซึ้ง

ในที่สุด เขาลุกขึ้นและมองไปยังทันซันที่กำลังหลับสนิทอย่างสงบ สายตาของเอกิโดเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ใช่ความไม่เข้าใจอีกต่อไป แต่เป็นความเคารพที่นิ่งลึกกว่าคำพูดใด ๆ

ในความเงียบของค่ำคืนนั้น สิ่งที่ทันซันสอนเอกิโด ไม่ได้อยู่ในบทเทศนา หรือคำอธิบาย แต่เป็นการกระทำเพียงหนึ่งเดียวที่ปล่อยวางได้จริง

ภาพประกอบนิทานเซนเรื่องถนนเปื้อนโคลน 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การกระทำที่วางใจไว้แล้ว ย่อมไม่เป็นภาระ แต่ใจที่ยึดติดกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วต่างหากที่แบกหนักกว่าการกระทำนั้นเสียอีก ผู้รู้จักปล่อยวางจึงเป็นอิสระ แม้ในยามที่โลกยังเปื้อนโคลน

ทันซันไม่ได้ทำสิ่งใดเกินเลย เขาเพียงช่วยหญิงสาวด้วยเมตตา แล้ววางทุกอย่างไว้ตรงนั้น ขณะที่เอกิโด แม้ไม่ได้แตะต้อง แต่กลับยึดมั่นในหลักการจนจิตไหวระริก นิทานนี้ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติธรรมแท้ ไม่ใช่เพียงหลีกเลี่ยงสิ่งต้องห้ามเท่านั้น แต่คือการมีสติ รู้กาลเทศะ และปล่อยวางสิ่งที่ควรปล่อย ด้วยใจที่เป็นอิสระจากตัวเราเอง

อ่านต่อ: นิทานเซนให้ข้อคิดธรรมะในแบบวิถีเซนและปรัชญาชีวิต

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานเซนเรื่องถนนเปื้อนโคลน (อังกฤษ: Muddy Road) มาจาก 101 Zen Stories และเป็นหนึ่งในเรื่องราวเซนคลาสสิกที่ปรากฏในหนังสือ Zen Flesh, Zen Bones ซึ่งรวบรวมโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki นักบวชเซนเชื้อสายญี่ปุ่น-อเมริกัน

เรื่องราววนี้สืบทอดมาจากคำสอนในนิกายรินไซ (Rinzai Zen) ของญี่ปุ่น ถ่ายทอดเรื่องราวของพระอาจารย์ฮารา ทันซัน (Hara Tanzan) และพระอาจารย์เอกิโด (Ekido) เพื่อให้เห็นความต่างของ “การปฏิบัติภายใน” กับ “การยึดติดในรูปแบบภายนอก” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกสติและการหลุดพ้นในวิถีเซน

เรื่องราวนี้ถูกเล่าขานในหมู่นักปฏิบัติธรรมมายาวนาน ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจถึงแก่นแท้ของการฝึกจิต ไม่ใช่เพียงการทำตามข้อวัตรภายนอก แต่ต้องรู้เท่าทันความคิด ความรู้สึก และสามารถปล่อยวางได้ในทันที

การช่วยหญิงสาวแม้จะผิดจากข้อวัตรทางวินัย แต่หากกระทำด้วยเมตตาและจิตว่าง ก็ไม่เป็นโทษเท่ากับการยึดติดในความคิดและตัดสินผู้อื่นอย่างไม่รู้ตัว นิทานนี้จึงกลายเป็นเรื่องเล่าอมตะที่ยังคงให้แง่คิดลึกซึ้งแม้ในยุคปัจจุบันครับ

คติธรรม: “การวางสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว คืออิสรภาพที่แท้จริง ผู้ที่ยังแบกอดีตไว้ ย่อมไม่อาจก้าวเดินด้วยใจที่เป็นอิสระ”


by