บางครั้ง… ความจริงไม่ต้องการคำอธิบาย และความบริสุทธิ์ก็ไม่ต้องการการปกป้อง เพราะสิ่งที่มั่นคงที่สุด อาจไม่ใช่เสียงที่ดังที่สุด แต่คือจิตที่นิ่งที่สุด ท่ามกลางคำกล่าวหาและสายตาแห่งการตัดสิน
มีนิทานเซนที่ว่าด้วยคำสั้น ๆ เพียงคำเดียว ที่หนักแน่นยิ่งกว่าคำแก้ตัวพันบรรทัด กับนิทานเซนเรื่องอย่างนั้นหรือ?

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องอย่างนั้นหรือ?
พระอาจารย์ฮาคุอินอาศัยอยู่ในวัดเล็ก ๆ ริมหมู่บ้านญี่ปุ่นที่เงียบสงบ ด้วยการปฏิบัติที่เรียบง่ายและไม่โอ้อวด เขาเป็นที่เคารพของชาวบ้านโดยทั่วกัน
ใคร ๆ ต่างกล่าวว่าเขาเป็นพระผู้บริสุทธิ์ ไม่ยึดติด และสงบนิ่งประหนึ่งสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ชื่อเสียงของเขาไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นด้วยคำพูด หากแต่เกิดจากการดำรงตนในแต่ละวันโดยไม่หวังคำชม
ใกล้กับวัดมีร้านขายอาหารเล็ก ๆ ซึ่งเป็นของครอบครัวหนึ่งที่มีลูกสาววัยรุ่นหน้าตางดงาม ชาวบ้านมักพูดกันถึงความเรียบร้อยของเธอ
และเช่นเดียวกับหญิงสาวในวัยนั้น เธอมีคนแอบรักแอบชอบอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่เคยคบหากับใครอย่างเปิดเผย ทุกอย่างดูเงียบดี… จนกระทั่งวันหนึ่ง
วันหนึ่งครอบครัวของหญิงสาวตกตะลึงเมื่อพบว่าเธอตั้งครรภ์ ทั้งบ้านโกลาหล พ่อแม่โกรธเกรี้ยวและถามว่าใครคือพ่อของเด็ก หญิงสาวนิ่งเงียบอยู่หลายวัน จนในที่สุดทนแรงกดดันไม่ไหว เธอหลับตาแล้วพูดเบา ๆ ว่า “พระอาจารย์ฮาคุอิน”
ครอบครัวแทบไม่เชื่อหูตัวเอง จากความตกใจกลายเป็นความโกรธ พวกเขารีบตรงไปที่วัดทันที และเมื่อเผชิญหน้ากับพระอาจารย์ฮาคุอิน พวกเขาตะโกน ด่าทอ และกล่าวหาด้วยคำรุนแรง
พระอาจารย์ฮาคุอินนั่งฟังอย่างสงบ ไม่มีคำโต้แย้ง ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความเคืองใจ เขาเพียงตอบสั้น ๆ ว่า “อย่างนั้นหรือ?”
ไม่ชี้แจง ไม่หลบสายตา ไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียวเพื่อปกป้องตนเอง

เมื่อทารกคลอดออกมา ครอบครัวของหญิงสาวก็นำเด็กมาวางไว้หน้ากุฏิของพระอาจารย์ฮาคุอิน โดยไม่กล่าวคำใดเพิ่มเติมนอกจากสายตาที่เต็มไปด้วยการกล่าวโทษ
พระอาจารย์ฮาคุอินอุ้มเด็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนด้วยความนุ่มนวล เขารับเด็กไว้โดยไม่เอ่ยคำปฏิเสธ ไม่อ้างเหตุผล ไม่ขอความเห็นใจจากใคร
หลังจากวันนั้น เขาดูแลทารกเหมือนเป็นลูกของตนเอง คอยหาอาหาร ให้ความอบอุ่น และเดินไปขอซื้อน้ำนมจากชาวบ้านด้วยตัวเองทุกวัน
แม้เสียงนินทาและความเคลือบแคลงจะแทรกอยู่ทุกมุมของหมู่บ้าน แต่เขาก็ไม่เคยอธิบายใด ๆ ไม่สนใจชื่อเสียงที่ถูกทำลาย
วันแล้ววันเล่า เวลาผ่านไปเป็นปี ทารกเติบโตขึ้นท่ามกลางความสงบและเมตตา แม้ชื่อเสียงของพระอาจารย์ฮาคุอินจะถูกมองด้วยสายตาสงสัย แต่เขาไม่เคยแสดงความทุกข์หรือกล่าวโทษใครสักคำ
วันหนึ่ง หญิงสาวที่เป็นมารดาของเด็กทนไม่ไหวกับความรู้สึกผิดและการเห็นพระอาจารย์ผู้บริสุทธิ์ต้องแบกรับสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อ เธอร้องไห้และสารภาพความจริงกับพ่อแม่ ว่าพ่อที่แท้จริงของเด็กคือนายหนุ่มคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในตลาดปลา
พ่อแม่ตกตะลึง และในทันทีที่ความจริงเปิดเผย ทั้งสองรีบพาลูกสาวมาที่วัดอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพื่อกล่าวหา แต่เพื่อขอขมา พวกเขาคุกเข่าลง ขอให้อภัย และขอรับหลานกลับคืน พร้อมกล่าวคำขอโทษอย่างยาวนาน
พระอาจารย์ฮาคุอินไม่กล่าวคำตำหนิ ไม่มีแววโกรธ ไม่มีการเตือนสติ เขาเพียงอุ้มเด็กขึ้นมา ส่งคืนให้พวกเขาอย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “อย่างนั้นหรือ?”
ไม่ใช่เพราะไม่รู้สึก แต่เพราะรู้ชัดว่า… ทุกสิ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย และธรรมะไม่จำเป็นต้องอธิบาย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ผู้ที่เข้าถึงธรรมอย่างแท้จริงจะไม่ถูกโยกคลอนด้วยคำชม หรือคำกล่าวหา ไม่จำเป็นต้องเร่งปกป้องตนเอง หรือดิ้นรนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ เพราะเขารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น… แล้วก็ดับไป จิตที่ไม่หวั่นไหว คือจิตที่เป็นอิสระจากการยึดมั่นในความเป็น “เรา” หรือ “เขา” และความจริงบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครเข้าใจ ก็ยังเป็นความจริงอยู่เช่นเดิม
พระอาจารย์ฮาคุอินถูกใส่ร้ายอย่างรุนแรง เสียทั้งชื่อเสียงและเกียรติ แต่เขาไม่ปฏิเสธ ไม่โต้แย้ง ไม่ชี้นิ้วกลับไป เขารับผิดโดยไม่ปริปาก เพราะเขาไม่ได้ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกทำลาย และเมื่อลูกกลับคืน เขาก็คืนให้ด้วยความสงบเฉยเช่นเดิม คำว่า “อย่างนั้นหรือ?” ที่เขาใช้ ไม่ใช่คำประชด แต่คือเสียงของจิตที่ปล่อยวางจนไร้ความจำเป็นต้องโต้ตอบอีกต่อไปแล้ว
อ่านต่อ: รวมนิทานเซนให้ข้อคิดปรัชญาธรรมะ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องอย่างนั้นหรือ? (อังกฤษ: Is That So?) มาจากหนังสือเซนคลาสสิกชื่อว่า Zen Flesh, Zen Bones รวบรวมโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki ในนั้นมีหมวดชื่อ “101 Zen Stories” ซึ่งเรื่องนี้อยู่ลำดับต้น ๆ และเป็นหนึ่งในเรื่องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเซน
พระเอกของเรื่องนี้คือพระอาจารย์ฮาคุอิน (Hakuin Ekaku) ซึ่งมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น (สมัยเอโดะ ค.ศ. 1686–1769) เป็นหนึ่งในปราชญ์เซนผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้นำฟื้นฟูนิกายเซนสำนักรินไซ (Rinzai Zen)
เรื่อง “อย่างนั้นหรือ?” นี้สะท้อนหลักแห่งความว่าง การไม่ยึดมั่นในตน และการไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรมได้อย่างเด่นชัด อะไรเกิดแล้วก็ขึ้น รับมันไว้แล้วไปต่อ จึงถูกใช้เป็นเรื่องตัวอย่างในการสอนเซนทั่วโลกมาตลอดหลายศตวรรษครับ
คติธรรม: “ผู้ที่ไม่ดิ้นรนเพื่ออธิบาย ไม่ได้ไร้เสียง… หากแต่มีเสียงที่ดังอยู่ในความสงบของใจที่ไม่หวั่นไหว”