กาลครั้งหนึ่งในป่าใหญ่ที่เงียบสงบ สัตว์น้อยใหญ่ต่างดำเนินชีวิตไปตามวิถีของตน แต่ในโลกธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน บางครั้งการพึ่งพาอาศัยกันกลับกลายเป็นสิ่งสำคัญ
เรื่องราวของแพะผู้ตื่นกลัวและต้นองุ่นผู้เป็นที่พักพิง จะพาเราไปเรียนรู้ถึงคุณค่าของการรู้จักขอบคุณ และผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ช่วยเหลือและผู้รับการช่วยเหลือถูกทำลาย กับนิทานอีสปเรื่องแพะกับต้นองุ่น
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องแพะกับต้นองุ่น
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าทึบที่เต็มไปด้วยต้นองุ่นและต้นไม้ใหญ่ มีแพะตัวหนึ่งวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก เพราะมันกำลังถูกนักล่าตามล่า แพะวิ่งไปด้วยความกลัว เสียงฝีเท้าของนักล่าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มันรู้ว่าหากหยุดตอนนี้ คงต้องถูกจับแน่นอน
ขณะที่กำลังมองหาที่หลบซ่อน แพะเหลือบไปเห็นเถาวัลย์ของต้นองุ่นหนาทึบที่เลื้อยปกคลุมต้นไม้ใหญ่ เถาวัลย์ดูเหมือนจะเป็นที่ซ่อนที่ปลอดภัยที่สุด
“นี่แหละ! สถานที่ที่เหมาะสม!” แพะคิดในใจ มันกระโดดเข้าไปหลบในเถาวัลย์โดยพยายามไม่ทำให้เกิดเสียง “ขอเถาวัลย์องุ่นช่วยปกป้องข้าด้วยเถิด” มันกระซิบเบา ๆ
ไม่นานนัก นักล่าก็มาถึงบริเวณนั้น พวกเขามองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาที่เฉียบคม “ข้าสาบานว่าเห็นมันวิ่งมาทางนี้” นักล่าคนหนึ่งพูด
“เจ้าคงตาฝาดไป มันอาจวิ่งไปทางอื่นแล้ว” อีกคนตอบ
นักล่าเดินวนรอบต้นไม้ใหญ่แต่ไม่พบอะไร “แปลกจริง ๆ เหมือนมันหายไปเฉย ๆ” นักล่าพึมพำ ก่อนจะเดินจากไป แพะที่ซ่อนอยู่ใต้เถาวัลย์องุ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ข้าปลอดภัยแล้ว ขอบคุณเถาวัลย์องุ่นเจ้าผู้พิทักษ์ของข้า!” มันคิดในใจพร้อมกับมองดูเถาวัลย์องุ่นที่หนาแน่นปกคลุมร่างของมัน
แต่ไม่นานนัก แพะเริ่มรู้สึกหิว มันเห็นใบเขียวสดของเถาวัลย์องุ่นที่อยู่ตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะเริ่มกัดกิน “แค่ใบไม่กี่ใบ คงไม่เป็นไรหรอก” มันบอกตัวเองพร้อมกับเริ่มเคี้ยวใบไม้
ขณะที่มันกินเถาวัลย์องุ่น เสียงใบไม้กรอบ ๆ ดังขึ้น และเถาวัลย์องุ่นที่เคยหนาทึบก็เริ่มบางลงเรื่อย ๆ จนเผยให้เห็นร่างของแพะที่ซ่อนอยู่ นักล่าที่เดินกลับมาใกล้บริเวณนั้นได้ยินเสียงแปลก ๆ และหยุดฟัง
“เสียงอะไรนั่น?” นักล่าคนหนึ่งพูดขึ้น
พวกเขาหันไปมองต้นไม้ใหญ่ และคราวนี้พวกเขาสังเกตเห็นร่างของแพะที่กำลังกินใบไม้ “นั่นมันอยู่ตรงนั้น!” นักล่าตะโกนและวิ่งตรงไปจับตัวแพะ
แพะที่ถูกรวบตัวได้แต่ร้องออกมาด้วยความเสียใจ “ข้าไม่น่าทำร้ายเถาวัลย์องุ่นที่ช่วยชีวิตข้าเลย! ข้าใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่ปกป้องข้าเอง ความผิดนี้ไม่มีใครต้องรับผิดชอบนอกจากตัวข้าเอง”
นักล่าจับแพะมัดไว้และพามันออกจากป่า ขณะที่แพะเดินจากไป มันเงยหน้ามองเถาวัลย์องุ่นเป็นครั้งสุดท้าย “เจ้าได้ทำหน้าที่ปกป้องข้าอย่างดีที่สุด ข้าเป็นฝ่ายทรยศต่อเจ้าเอง ข้าสมควรได้รับการลงโทษนี้” แพะคิดในใจอย่างสงบ
มันจากไปอย่างสงบและมั่นใจว่าการลงโทษนี้ยุติธรรม เพราะมันได้ใช้ความรุนแรงต่อผู้พิทักษ์ที่ช่วยเหลือมันในยามคับขัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อเราได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นหรือสิ่งใด เราควรให้ความเคารพและปกป้องสิ่งนั้น ไม่ควรทรยศหรือทำร้ายผู้ที่ปกป้องเรา เพราะการกระทำเช่นนั้นไม่เพียงแต่แสดงถึงความอกตัญญู แต่ยังอาจนำมาซึ่งผลร้ายที่เราต้องเผชิญเองในที่สุด
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องแพะกับต้นองุ่น (อังกฤษ: The Goat and the Vine) เป็นนิทานอีสปเรื่องหนึ่ง นิทานเรื่องนี้ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 374 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)
นิทานเรื่องนี้มีสองเวอร์ชั่นในเนื้อเรื่องหลักในบทความที่เราได้เล่านี้เป็นเวอร์ชั่นของภาษาละติน ส่วนต้นตำหรับจากกรีกคือ โดยเรื่องราวองุ่นต้นหนึ่งเจริญเติบโตเต็มที่ในฤดูเก็บเกี่ยว มีทั้งใบและองุ่น แพะตัวหนึ่งเดินผ่านมาและกัดกินเถาวัลย์ของต้นองุ่นที่ยังอ่อนอยู่ องุ่นจึงพูดกับมันว่า “เหตุใดท่านจึงทำร้ายข้าพเจ้าโดยไม่มีเหตุผลและกินใบของข้าพเจ้า หญ้าอ่อนเหลืออยู่ไม่มากแล้วหรือ แต่ข้าพเจ้าจะไม่ต้องรอการแก้แค้นที่ยุติธรรมนาน เพราะถ้าตอนนี้ท่านกินใบของข้าพเจ้าและกินข้าพเจ้าให้เหลือแต่ราก ข้าพเจ้าจะเป็นไวน์ในสักวันหนึ่งเพื่อมารินตัวท่านเมื่อท่านถูกนำไปเป็นเหยื่อของการบูชายัญ”
สิ่งที่บุคคลทำกับผู้อื่นก็จะเกิดขึ้นกับตัวผู้กระทำเช่นกัน การลงโทษของแพะนั้นยุติธรรม เพราะใช้ความรุนแรงกับผู้พิทักษ์ของมัน