ไม่ใช่ทุกคำตอบจะมาในรูปแบบที่เราคาดหวัง บางคำฟังดูไร้สาระ บางคำเรียบง่ายเกินไปจนเหมือนไม่ได้ตอบอะไรเลย
มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากการท้าทายด้วยปาฏิหาริย์ และจบลงด้วยคำตอบที่เงียบงัน… แต่เปลี่ยนทั้งห้องให้สงบนิ่งยิ่งกว่าการเทศนาใด ๆ กับนิทานเซนเรื่องปาฏิหาริย์ที่แท้จริง

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องปาฏิหาริย์ที่แท้จริง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ วัดริวมน บนเชิงเขาเงียบสงบของญี่ปุ่น มีพระภิกษุผู้หนึ่งนามว่าอาจารย์บังเคอิ กำลังนั่งแสดงธรรมใต้ร่มไม้ใหญ่ ใบไม้ไหวเบา ๆ กับเสียงนกร้อง เสริมให้ธรรมะที่ท่านกล่าวยิ่งซึมซาบไปถึงใจคนฟัง
รอบตัวท่านเต็มไปด้วยเด็ก ผู้ใหญ่ และชาวบ้านที่เดินทางไกลมาฟังธรรมของท่าน พวกเขาไม่ใช่เพียงมานั่งฟัง แต่กลับนิ่งเงียบและตั้งใจ ราวกับทุกคำพูดของอาจารย์บังเคอิคือสายลมที่ชะล้างฝุ่นในหัวใจ
“เมื่อเราหิว เราก็รู้ว่าหิว เมื่อเรากิน ก็รู้ว่ากำลังกิน” เสียงของอาจารย์บังเคอิเบา แต่มั่นคง เขาไม่เคยพูดอะไรซับซ้อน ไม่มีคาถา ไม่มีการแสดงอิทธิฤทธิ์ มีเพียงคำสอนธรรมดาที่ทุกคนเข้าใจได้
แต่ท่ามกลางความสงบของธรรมะนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่เสียงตะโกนจะดังลั่น
“บังเคอิ! แกเพียงหลอกคนโง่ ๆ ด้วยคำพูดธรรมดา! พวกเขาไม่รู้หรอกว่าพลังแท้จริงอยู่ที่การเอ่ยนามพระอมิตาภะ!”
ทุกคนหันไปมอง พระในจีวรสีเข้มยืนตรงกลางฝูงชน เขาคือพระจากนิกายชินชู ใบหน้าเต็มไปด้วยความท้าทาย

ภายหลังคำพูดสุดท้ายของอาจารย์บังเคอิ ความเงียบก็ทอดยาวเหมือนเงาของภูเขายามเย็น เด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าสุดเงยหน้าขึ้นอย่างครุ่นคิด ดวงตาของเขาเป็นประกายคล้ายกับเพิ่งเข้าใจบางสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“แต่… แค่นั้นหรือครับ?” เด็กคนนั้นถามเสียงเบา “กินเมื่อหิว ดื่มเมื่อกระหายน้ำ… มันก็แค่เรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ?”
อาจารย์บังเคอิยิ้มนิดหนึ่ง ไม่ใช่ยิ้มเยาะ แต่เป็นรอยยิ้มแบบคนที่กำลังรอให้ใครบางคนเริ่มมองเห็นด้วยตาตนเอง
“เจ้าพูดถูก มันธรรมดา” อาจารย์บังเคอิตอบ “แต่นั่นแหละคือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง การอยู่กับสิ่งที่เป็นจริงในแต่ละขณะ โดยไม่พยายามเป็นอย่างอื่น ไม่หลอกตนเอง ไม่วิ่งหนี ไม่ปรุงแต่ง”
พระจากนิกายชินชูที่ยืนอยู่ เหมือนจะขยับริมฝีปากเพื่อแย้ง แต่กลับเงียบลงเมื่อสบตากับสายตานิ่งสงบของอาจารย์บังเคอิ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บางอย่างในใจของเขาเริ่มสั่นไหว
หลังการแสดงธรรมสิ้นสุดลง ผู้คนเริ่มทยอยกลับ บางคนยังคงนิ่งเงียบ บางคนจับกลุ่มพูดคุยถึงสิ่งที่ได้ยิน อาจารย์บังเคอิเดินไปนั่งใต้มะม่วงต้นเก่า เขายกถ้วยน้ำขึ้นดื่มช้า ๆ เหมือนเป็นพิธีกรรมเงียบงัน
พระจากนิกายชินชูเดินเข้ามาหา สีหน้าของเขาไม่เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
“ข้าคิดว่า… ข้าเคยเข้าใจธรรมะดีพอแล้ว” เขาพูดเสียงแผ่ว “แต่วันนี้ ข้าไม่แน่ใจอีกต่อไป”
อาจารย์บังเคอิไม่ได้พูดอะไรทันที เขาเพียงพยักหน้าเบา ๆ แล้ววางถ้วยน้ำลง
“เมื่อใจเจ้ายังกล้าเดินต่อ แม้ในความไม่แน่ใจ นั่นแหละคือการเริ่มต้นของการเห็นธรรม” เขากล่าว
พระจากนิกายชินชูยกมือขึ้นพนม แล้วโค้งคำนับช้า ๆ เขาไม่ได้กล่าวลา แต่อยู่ ๆ ก็หันหลังเดินจากไป ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ร่วงลงบนลานหินเก่า
อาจารย์บังเคอิหลับตาลงอีกครั้ง ลมหายใจของเขาเป็นเพียงลมหายใจธรรมดา… ที่เต็มไปด้วยความตื่นรู้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ปาฏิหาริย์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในสิ่งลึกลับหรืออำนาจเหนือธรรมชาติ แต่คือการใช้ชีวิตอย่างเต็มตื่นในแต่ละขณะ ด้วยสติที่ตื่นรู้และยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ตรงหน้าอย่างไม่บิดเบือน
พระบังเคอิไม่ได้แสดงปาฏิหาริย์ให้คนดู ไม่ล่องลอยอักษรในอากาศ ไม่เสกความเชื่อ แต่เขายืนอยู่กับความจริงเรียบง่าย หิวก็กิน กระหายน้ำก็ดื่ม สิ่งธรรมดาที่ทุกคนทำได้ แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไป เพราะมัวแต่ไล่ตามสิ่งพิเศษ
คำพูดของพระอาจารย์บังเคอิไม่ได้ตอบโต้ด้วยโทสะ หรือพยายามเอาชนะในการโต้เถียง เขาเพียงชี้ให้เห็นว่า ความอัศจรรย์ที่แท้จริงคือการเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ในปัจจุบันขณะ การอยู่กับสิ่งตรงหน้าโดยไม่พยายามหนีไปจากมัน และในความเงียบที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น พระจากนิกายชินชูเองก็เริ่มมองเห็นว่า สิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นทางหลุดพ้น อาจไม่อยู่ในอากาศ หรืออำนาจของอาจารย์ตน แต่ซ่อนอยู่ในการกระทำเล็ก ๆ ของใจที่สงบ
ประตูแห่งเซนไม่เคยเปิดด้วยเวทมนตร์ แต่มันเปิดในใจเราเสมอ… ในทุกครั้งที่เรายอมให้ความธรรมดาเผยความลึกซึ้งของมันเอง
อ่านต่อ: นิทานเซนสั้น ๆ สนุก ๆ ได้ข้อคิดดี ๆ ช่วยให้คุณเข้าใจความสงบในชีวิต
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องปาฏิหาริย์ที่แท้จริง (อังกฤษ: The Real Miracle) เป็นเรื่องราวการบันทึกคำสอนของพระเซนชาวญี่ปุ่นนามว่าพระอาจารย์บังเคอิ โยตาคุ (Bankei Yōtaku) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17 (ค.ศ. 1622–1693) ท่านเป็นพระเซนสายโอบาคุ (Ōbaku Zen) ที่มีแนวทางการสอนเรียบง่าย และเน้น “จิตเดิมแท้” (Unborn Mind) หรือการตื่นรู้ที่ไม่ต้องผ่านพิธีกรรมหรือภาวะพิเศษใด ๆ
เรื่องเล่านี้มาจากเกร็ดประวัติในช่วงที่พระอาจารย์บังเคอิแสดงธรรมอยู่ ณ วัดริวมน (Ryumon-ji) โดยมีพระจากนิกายชินชู ซึ่งยึดถือการสวดนามพระอมิตาภะเพื่อความหลุดพ้น เข้ามาท้าทายและกล่าวถึงปาฏิหาริย์ของอาจารย์ตน
พระอาจารย์บังเคอิไม่ได้โต้กลับด้วยการแสดงอภินิหาร แต่กลับใช้คำพูดเรียบง่ายว่า “เมื่อข้าหิว ข้าก็กิน เมื่อข้ากระหายน้ำ ข้าก็ดื่ม” ซึ่งเป็นหัวใจของคำสอนเซน คือการดำรงอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างเต็มที่ ไม่ไขว่คว้า ไม่หนี ไม่ยึดติดกับรูปลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์
เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือรวมนิทานเซนและเกร็ดประวัติของปรมาจารย์หลายรูป เช่น Zen Flesh, Zen Bones รวบรวมโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki ตลอดจนบันทึกคำสอนของพระอาจารย์บังเคอิที่ชื่อว่า The Unborn: The Life and Teachings of Zen Master Bankei (แปลโดย Norman Waddell)
คติธรรม: “ผู้คนแสวงหาปาฏิหาริย์จนลืมไปว่า การมีสติอยู่กับความจริงตรงหน้า คือปาฏิหาริย์ที่แท้จริงที่สุด”