ในชีวิตของผู้แสวงหาความจริง ความเมตตาและการให้พรไม่ได้หมายความว่าเราจะเลือกปฏิบัติ แต่คือการให้ความดีแก่ทุกชีวิตโดยไม่แบ่งแยก แม้ในบางครั้งใจของเราจะเต็มไปด้วยข้อสงสัยหรือความไม่เข้าใจ
มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง เล่าถึงการท่องพระสูตรเพื่ออุทิศบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับ แต่ในระหว่างการสวดพระสูตร ชาวนาผู้หนึ่งกลับตั้งคำถามเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติและการให้พรแก่คนที่เขาคิดว่า “ควรได้รับ” หรือไม่ กับนิทานเซนเรื่องการท่องพระสูตร

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องท่องพระสูตร
ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีชาวนาเฒ่าผู้หนึ่งที่เพิ่งสูญเสียภรรยาไป เขาเศร้าหมองและใจหายจากการจากไปของผู้เป็นที่รัก หลังจากการฝังศพเรียบร้อย
ชาวนามีความคิดที่จะทำบุญให้ภรรยาของเขา เพื่อให้เธอได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปหาพระสงฆ์ท่านหนึ่งในวัดเท็นได เพื่อขอให้ท่านท่องพระสูตรเพื่ออุทิศให้ภรรยาของเขา
เมื่อชาวนามาถึงวัดและได้ขอร้อง พระสงฆ์ท่านนั้นก็ยินดีรับปากว่าจะท่องพระสูตรให้ภรรยาของเขา พระสงฆ์ท่องพระสูตรอย่างเงียบสงบ เสียงท่องบทสวดดังก้องไปทั่ววัด ราวกับว่าคำสอนกำลังส่งพลังไปยังทุ่งนาและป่าไม้รอบข้าง
เมื่อการท่องพระสูตรเสร็จสิ้น ชาวนามีความหวังในใจ เขาจึงถามพระสงฆ์ด้วยความคาดหวังว่า “ท่านคิดว่า ภรรยาของข้าจะได้รับบุญจากการท่องพระสูตรนี้หรือไม่?”
พระสงฆ์นั่งนิ่งสักพัก ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่เพียงแค่ภรรยาของท่าน แต่ทุกสรรพชีวิตจะได้รับประโยชน์จากการท่องพระสูตรนี้ ทุกคน ทุกชีวิตจะได้รับความเมตตาและบุญจากการนี้”
ชาวนาได้ยินคำตอบของพระสงฆ์แล้ว แต่ก็ยังมีความกังวลในใจ เขานึกถึงภรรยาที่อ่อนแอและอาจไม่ได้รับบุญเต็มที่จากการท่องพระสูตร เพราะมีคนอื่นที่อาจได้รับผลบุญแทนเธอ
ชาวนาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้น ภรรยาของข้าคงจะอ่อนแอและมีคนอื่นที่อาจจะได้บุญแทนเธอ ซึ่งอาจทำให้เธอไม่ได้รับบุญที่ควรได้รับ ท่านโปรดท่องพระสูตรให้เฉพาะภรรยาของข้าเถิด”
พระสงฆ์ได้ยินคำถามนี้แล้วก็หลับตาลงสักครู่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเมตตาและความเข้าใจว่า
“การท่องพระสูตรคือการอธิษฐานถึงความดีและความเมตตาสำหรับทุกชีวิต การปรารถนาความสุขให้แก่ทุกคนก็เป็นการแสดงออกถึงหัวใจของพระพุทธศาสนา เมื่อเราท่องพระสูตรเพื่อทุกชีวิต เราจึงให้ความเมตตาแก่สรรพสิ่งทั้งหมด”
ชาวนาฟังแล้วคิดอย่างลึกซึ้ง แต่ยังคงมีคำถามในใจต่อไป…

ชาวนานั่งนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พิจารณาคำพูดของพระสงฆ์อย่างถี่ถ้วน ในใจเขาเริ่มสงบลง แต่ยังคงมีความไม่พอใจในเรื่องหนึ่งที่เขาคิดไม่ตก
เขายิ้มแห้ง ๆ และพูดขึ้นว่า
“คำสอนของท่านดีจริง ๆ แต่ขอท่านทำกรุณาให้ข้อยกเว้นสักข้อเถิด ข้าก็มีเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่หยาบคายและไม่น่ารักกับข้า เขามักจะทำตัวไม่ดีต่อข้าและสร้างปัญหาทุกครั้งที่มีโอกาส ท่านโปรดกรุณาเว้นเขาไว้จากสรรพชีวิตทั้งหมดที่ท่านกล่าวถึง”
พระสงฆ์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ และตอบด้วยน้ำเสียงที่มีความสงบและลึกซึ้งว่า
“ท่านชาวนา… หากเราคิดที่จะแบ่งแยกความเมตตาของเราออกเป็นกลุ่ม ๆ ตามที่เราชอบหรือไม่ชอบ เราก็จะหลงลืมสิ่งสำคัญที่สุดในพุทธศาสนา นั่นคือ ความเมตตาที่ไม่เลือกปฏิบัติ ความปรารถนาให้ทุกชีวิตได้รับความสุขนั้นไม่ควรมีเงื่อนไข”
ชาวนาได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มนิ่งเงียบลง เขารู้สึกถึงน้ำเสียงของพระสงฆ์ที่ท่วมท้นไปด้วยความเข้าใจและความเมตตา แม้จะยังมีความขุ่นข้องใจในใจ แต่ก็เริ่มเห็นถึงความจริงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ชาวนานั่งเงียบสักพัก ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ เขาหลับตาและคิดถึงสิ่งที่พระสงฆ์ได้กล่าวไว้
“ข้ารับคำสอนของท่านแล้ว ข้าจะทำตามคำสอนและเปิดใจให้กว้างเหมือนพระสูตรที่ท่านท่องให้”
พระสงฆ์ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า “การให้พรต่อทุกชีวิตอย่างไม่เลือกปฏิบัติ คือการเปิดใจให้กว้างที่สุด ความเมตตาที่แท้จริงคือการให้โดยไม่มีข้อแม้ และทุกชีวิตล้วนสมควรได้รับสิ่งดีงามจากพระธรรม”
เมื่อชาวนาฟังคำสอนนั้น เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเบาและสงบขึ้น เขาเข้าใจแล้วว่าการให้พรไม่ได้หมายความแค่การให้เฉพาะคนที่เรารักหรือคนที่ทำดีกับเรา แต่เป็นการให้พรแก่ทุกชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงพระธรรมที่แท้จริง
และจากวันนั้นเป็นต้นมา ชาวนาก็เปิดใจและเริ่มให้ความเมตตาแก่ทุกชีวิตอย่างไม่มีข้อจำกัด เขาเดินกลับบ้านด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นในหัวใจ และคำสอนของพระสงฆ์ได้แทรกซึมอยู่ในทุกการกระทำของเขาตลอดไป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความเมตตาที่แท้จริงไม่เลือกปฏิบัติ และการให้พรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการปรารถนาให้ทุกชีวิตมีความสุขโดยไม่มีเงื่อนไข การเปิดใจให้กว้างและให้ความดีแก่ทุกคนโดยไม่แบ่งแยกคือหัวใจของพุทธศาสนา
ชาวนาค้นพบว่า ความเมตตาไม่ได้มีข้อจำกัดหรือข้อยกเว้น เมื่อเราพยายามเลือกปฏิบัติแค่บางคน ก็อาจทำให้เราหลงลืมไปว่าทุกชีวิตล้วนมีคุณค่าและสมควรได้รับการอธิษฐานให้มีความสุขอย่างเท่าเทียมกัน
อ่านต่อ: อ่านนิทานเซนสั้น ๆ สนุก ๆ ที่แฝงข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับชีวิตการปล่อยวางและความสงบ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องการท่องพระสูตร (อังกฤษ: Reciting Sutras) นิทานเรื่องนี้มาจากคำสอนในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในแนวทางของการฝึกจิตแบบเซน และการเข้าใจธรรมชาติของความเมตตา และการให้พร ที่ไม่มีเงื่อนไข เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเรียนรู้ว่า การแสดงความเมตตาไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนที่เราชอบหรือคนที่ดีกับเรา แต่เป็นการปรารถนาความดีให้แก่ทุกชีวิต โดยไม่แยกแยะ
นิทานเรื่องนี้มักถูกใช้ในการสอนเรื่องการเปิดใจให้กว้าง, การปล่อยวางความแค้น และ การให้พรอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกจิตใจในพุทธศาสนา โดยเฉพาะในแนวทางเซนที่เน้นให้เข้าใจธรรมะจากประสบการณ์จริงมากกว่าทฤษฎีหรือคำอธิบาย
คติธรรม: “การให้พรที่แท้จริงไม่ใช่การเลือกผู้ที่สมควรได้รับ แต่คือการให้แก่ทุกชีวิตอย่างเท่าเทียม โดยไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไข”