ในโลกของธรรมะ คำสอนที่ลึกซึ้งไม่ใช่เพียงถ้อยคำที่จารึกไว้ในคัมภีร์ หากแต่คือการกระทำที่เปล่งแสงจากความกรุณาและความเสียสละ บางครั้ง เราอาจคิดว่าหน้าที่ของผู้ปฏิบัติธรรมคือการเผยแพร่คำสอนให้ครบถ้วน ทว่าในทางเซน คำสอนแท้จริงนั้นอาจปรากฏขึ้นในขณะที่เราเลือกจะช่วยใครบางคน แม้จะต้องวางปณิธานอันยิ่งใหญ่ลงชั่วคราว
มีนิทานเซนเรื่องหนึ่ง เล่าเรื่องของภิกษุหนุ่มผู้ใช้ทั้งชีวิตเพื่อตีพิมพ์พระสูตร แต่สิ่งที่เขามอบให้โลกกลับลึกซึ้งยิ่งกว่าหนังสือใด ๆ กับนิทานเซนเรื่องการเผยแพร่พระสูตร

เนื้อเรื่องนิทานเซนเรื่องการเผยแพร่พระสูตร
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในยุคที่พระสูตรพุทธศาสนายังไม่ถูกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น มีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งชื่อว่า “เทตสึเง็น” เขาเป็นผู้ปฏิบัติเคร่งครัด มีจิตใจมุ่งมั่น และมีความศรัทธาในคำสอนของพระพุทธองค์อย่างลึกซึ้ง
ในเวลานั้น พระสูตรทั้งหมดมีเพียงในภาษาจีนเท่านั้น ประชาชนทั่วไปจึงเข้าถึงคำสอนได้ยาก เทตสึเง็นเห็นความจำเป็นและตั้งปณิธานว่า
“เราจะจัดพิมพ์พระสูตรให้ได้เจ็ดพันชุด เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้อ่าน ได้เข้าใจ และได้ปฏิบัติธรรม”
ทว่าการพิมพ์พระสูตรในยุคนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องใช้แม่พิมพ์ไม้จำนวนมาก แรงงาน และค่าใช้จ่ายมหาศาล เทตสึเง็นจึงเริ่มต้นออกเดินทาง บิณฑบาต ไม่ใช่เพื่อข้าวปลาอาหาร แต่เพื่อรวบรวมเงินบริจาคสำหรับงานยิ่งใหญ่ที่เขามุ่งหวัง
บางคนให้เหรียญทอง บางคนให้เพียงเศษเงิน บางคนเพียงพนมมือส่งแรงใจ ทว่าไม่ว่าใครจะให้มากหรือน้อย เทตสึเง็นก้มศีรษะและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า
“ขอบคุณจากใจ… ทุกเหรียญคือเมล็ดแห่งธรรม”
เขาเดินทางอยู่นานนับสิบปี กระสอบเงินค่อย ๆ เต็ม รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ศรัทธาเริ่มเบ่งบาน และความหวังของเขาก็ใกล้เป็นจริงเต็มที
แต่แล้ว ในปีที่สิบของการเดินทาง ฝนก็ตกหนักหลายเดือนติดต่อกัน แม่น้ำอุจิไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านและทุ่งนา ชาวบ้านไร้บ้าน เด็ก ๆ หิวโหย พ่อแม่ไม่มีอาหารให้ลูกกิน
เมื่อเทตสึเง็นเห็นสภาพผู้คน เขานั่งนิ่งอยู่หน้ากองเหรียญที่ใช้เวลาสิบปีกว่าจะรวบรวมได้
มีพระลูกวัดคนหนึ่งถามว่า
“ท่านจะทำอย่างไร? หากใช้เงินนี้ช่วยผู้คน งานพิมพ์พระสูตรก็ต้องเลื่อนออกไปอีก”
เทตสึเง็นเงยหน้าช้า ๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“หากคำสอนของพระพุทธองค์คือความกรุณาและเมตตา เราจะปล่อยให้ผู้คนอดตายข้างหน้าเราเพื่อรักษาตำราไว้หรือ?”
จากนั้นเขาก็เปิดถุงเหรียญทั้งหมด จ้างแรงงาน ซื้อข้าว และช่วยเหลือทุกชีวิตที่เดือดร้อน
คนจำนวนมากรอดชีวิตจากความอดอยาก เพราะความเมตตาของชายผู้ตั้งใจจะพิมพ์พระสูตร
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป เทตสึเง็นก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เขาออกเดินทาง เก็บเหรียญ เริ่มทุกอย่างจากศูนย์ โดยไม่มีคำบ่น ไม่มีความเสียดาย และไม่มีความลังเล

หลายปีผ่านไป เทตสึเง็นยังคงเดินทางด้วยรอยยิ้มและเสียงกล่าวขอบคุณ เขาไม่เคยพูดถึงความลำบากในอดีต ไม่มีใครบอกได้ว่าเขาเหนื่อยหรือท้อบ้างหรือไม่ เพราะในดวงตาของเขายังเปล่งแสงศรัทธาเหมือนวันแรก
อีกห้าปีถัดมา เขาก็รวบรวมเงินได้เกือบครบอีกครั้ง เหรียญทองในกระสอบเริ่มมีน้ำหนักมากพอที่จะสั่งทำแม่พิมพ์ไม้สำหรับพระสูตรได้แล้ว
แต่เคราะห์กรรมก็มาเยือนอีกครั้ง
ปีนั้นโรคระบาดรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วแผ่นดิน เด็กและคนชราล้มป่วย พ่อแม่ไร้ทางรักษา หมอและสมุนไพรมีไม่พอ
เมื่อเทตสึเง็นเดินผ่านหมู่บ้านหนึ่ง เขาเห็นแม่คนหนึ่งนั่งกอดร่างลูกน้อยที่ตัวร้อนราวไฟ ในดวงตาแม่ไม่มีทั้งน้ำตาและความหวัง
เขาไม่พูดอะไร เพียงเปิดถุงเงินของตนเองอีกครั้ง “ใช้สิ่งนี้ซื้อยา ซื้อข้าว ซื้อผ้าห่ม แจกจ่ายให้ทุกคนที่ยังมีลมหายใจ” เขากล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้าน
ผู้ติดตามบางคนอดถามไม่ได้ “ท่านเทตสึเง็น… ท่านจะไม่เสียใจเลยหรือ?”
เทตสึเง็นยิ้มเล็ก ๆ ก่อนตอบว่า “พระสูตรที่ยังไม่ได้พิมพ์ ไม่ได้หมายความว่าพระธรรมไม่มีอยู่ พระธรรมมีชีวิต เมื่อเรากระทำด้วยหัวใจเมตตา”
หลังจากภัยพิบัติผ่านพ้น เทตสึเง็นเริ่มต้นใหม่เป็นครั้งที่สาม คราวนี้ไม่มีคำถาม ไม่มีคำทัดทาน ไม่มีแม้แต่เสียงกังวลจากผู้ติดตาม ทุกคนต่างเข้าใจว่า สำหรับเทตสึเง็นแล้ว การลงมือทำคือพระธรรม
เขาใช้เวลาอีกหลายปี รวบรวมเงินทีละเหรียญด้วยความสงบ เสร็จแล้วจึงจ้างช่างแกะไม้ พิมพ์พระสูตรเจ็ดพันชุดด้วยความประณีต
สุดท้าย ในปีที่ยี่สิบของการเริ่มต้น ปณิธานของเขาก็สัมฤทธิ์ผล
แม่พิมพ์ไม้ที่ใช้ในการจัดพิมพ์ชุดแรกยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่วัดโอบาคุในเกียวโต เป็นพยานของความเพียร ศรัทธา และเมตตาของชายคนหนึ่ง
แต่สิ่งที่ชาวญี่ปุ่นเล่าขานกันรุ่นต่อรุ่นไม่ใช่เพียงพระสูตรที่ถูกพิมพ์ หากแต่คือเรื่องของพระสูตรสองชุดแรกที่มองไม่เห็น
พ่อแม่บอกกับลูกว่า “เทตสึเง็นไม่ได้พิมพ์แค่พระสูตรชุดหนึ่ง แต่เขาพิมพ์พระสูตรไว้ในชีวิตของผู้คน ในการกระทำ และในหัวใจของมนุษย์ พระสูตรชุดที่มองไม่เห็นนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่อยู่บนกระดาษ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความตั้งใจที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เพียงการทำให้สำเร็จตามแผน แต่คือการรู้จักยอมละได้เมื่อเห็นว่าผู้อื่นต้องการมากกว่า ความเมตตาในเวลาจำเป็นคือพระธรรมที่มีชีวิต และการเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นคือการเผยแพร่คำสอนที่ลึกซึ้งที่สุด แม้ปราศจากถ้อยคำหรือตัวหนังสือใด ๆ
เต็ตสึเง็นสามารถเลือกเดินตามเป้าหมายของตนได้จนสำเร็จในคราวแรก แต่เขากลับเลือกหยุดและมอบทรัพย์ที่หามาด้วยความเพียร เพื่อช่วยชีวิตผู้คนยามทุกข์ยาก ถึงสองครั้ง การให้ของเขาไม่ได้อยู่ในรูปของพระสูตร แต่คือการทำให้คำสอนของพระพุทธองค์มีชีวิตอยู่ในโลกจริง ผ่านความเมตตา ความเสียสละ และการกระทำที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน นั่นต่างหากคือพระธรรมที่แท้จริง
อ่านต่อ: นิทานเซนสั้น ๆ ที่แฝง ข้อคิด และช่วยให้คุณเข้าใจความสงบในชีวิต
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานเซนเรื่องการเผยแพร่พระสูตร (อังกฤษ: Publishing the Sutras) เรื่องราวเซนเรื่องนี้มีที่มาจากเรื่องเล่าชีวประวัติของพระภิกษุชาวญี่ปุ่นชื่อเท็ตสึเง็น โดโค (Tetsugen Dōkō) แห่งนิกายโอบาคุ ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17
เรื่องราวของท่านเต็ตสึเง็นเป็นหนึ่งในเกร็ดธรรมะที่มักปรากฏในหนังสือเซนคลาสสิก เช่น Zen Flesh, Zen Bones (เรียบเรียงโดย Paul Reps และ Nyogen Senzaki) โดยมักใช้สอนเรื่องการเสียสละ, ความเมตตา, และ การยึดหลักธรรมเป็นเป้าหมายเหนือสิ่งอื่นใด
ในประวัติศาสตร์ ท่านเต็ตสึเง็นมีปณิธานจะจัดพิมพ์พระสูตรทางพุทธศาสนาเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งในยุคนั้นมีแต่ฉบับภาษาจีน ท่านใช้เวลาหลายสิบปีในการรวบรวมเงินเพื่อแกะพิมพ์ไม้และพิมพ์พระสูตร แต่ระหว่างทางกลับนำเงินที่รวบรวมได้ไปช่วยเหลือผู้คนในยามเกิดภัยพิบัติถึงสองครั้ง ก่อนจะเริ่มต้นใหม่และสำเร็จในครั้งที่สาม
แม้แม่พิมพ์พระสูตรฉบับจริงยังคงเก็บรักษาไว้ที่วัดโอบาคุในเกียวโต แต่สิ่งที่ชาวญี่ปุ่นมักเล่าขานให้ลูกหลานฟังคือ “พระสูตรสองชุดแรกที่มองไม่เห็น” ซึ่งเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางใจ
นิทานฉบับนี้จึงเป็นการดัดแปลงเรื่องจริงให้เป็นนิทานสำหรับเยาวชน โดยคงเจตนาเดิมของเรื่องไว้ครบถ้วน ผ่านภาษาและโครงสร้างที่เข้าถึงง่าย และยังรักษาแก่นของคำสอนเซนไว้อย่างลึกซึ้ง
คติธรรม: “บางครั้ง พระธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด… ไม่ได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในมือที่ยื่นออกไปยามผู้อื่นล้ม”