ในป่าลึกที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดผ่านยอดไม้และเสียงนกร้องเป็นเพื่อนของธรรมชาติ วันหนึ่ง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ และเสียงเห่าของสุนัขล่าดังสะท้อนไปทั่ว ความสงบถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนก สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังหนีเอาชีวิตรอดจากนักล่าที่ตามไล่มันอย่างไม่ลดละ
เมื่อความสิ้นหวังคืบคลานเข้ามา มันมองเห็นบ้านของคนตัดไม้ในระยะไกล หวังว่านี่อาจเป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายของมัน แต่ใครจะรู้ว่า การร้องขอความช่วยเหลือในครั้งนี้จะกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่มันไม่มีวันลืม… กับนิทานอีสปเรื่องสุนัขจิ้งจอกกับคนตัดไม้
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องสุนัขจิ้งจอกกับคนตัดไม้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่ากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงนกและลำธารใส สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต เสียงเห่าของสุนัขล่าและเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของนักล่าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จิ้งจอกหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้าและหวาดกลัว มันรู้ว่าหากไม่พบที่ซ่อน มันอาจจะต้องจบชีวิตลงในวันนี้
ขณะมองหาอย่างสิ้นหวัง มันเห็นกระท่อมเล็ก ๆ ริมป่า มีคนตัดไม้กำลังผ่าฟืนอยู่ใกล้ ๆ จิ้งจอกรีบวิ่งตรงไปยังชายคนนั้นทันที “ท่านคนตัดไม้! ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ นักล่ากำลังตามข้า ข้าไม่มีที่ไปแล้ว!”
คนตัดไม้หยุดงานและมองจิ้งจอกด้วยความสงสาร เขาเห็นว่ามันเหนื่อยล้าและหวาดกลัวแค่ไหน “ได้สิ ข้าจะช่วยเจ้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมชี้ไปที่มุมหนึ่งของบ้าน “ไปซ่อนอยู่หลังฟืนกองนั้น เจ้าจะปลอดภัยที่นั่น”
“ขอบคุณมาก ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของท่าน” จิ้งจอกพูดพร้อมรีบวิ่งไปซ่อนในที่ที่คนตัดไม้บอก
ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มนักล่าที่ถืออาวุธครบมือพร้อมสุนัขคู่ใจของพวกเขาก็มาถึงบ้านของคนตัดไม้ พวกเขาเรียกคนตัดไม้ออกมาถามเสียงดัง “เจ้าเห็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งวิ่งผ่านมาแถวนี้หรือไม่? เรากำลังตามล่ามัน”
คนตัดไม้ยืนอยู่หน้าประตูและตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่เลย ข้าไม่ได้เห็นจิ้งจอกตัวไหนเลย”
แต่ในขณะที่เขาพูด เขากลับใช้มือชี้ไปยังมุมที่จิ้งจอกซ่อนตัวอยู่
จิ้งจอกที่แอบดูเหตุการณ์จากที่ซ่อนเห็นสิ่งที่คนตัดไม้ทำ มันตกใจและรู้ทันทีว่าความปลอดภัยของมันยังไม่แน่นอน
นักล่ามองตามมือที่คนตัดไม้ชี้ แต่ก่อนที่จะเดินไปตรวจสอบ จิ้งจอกก็อาศัยช่วงเวลานั้น รีบพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
นักล่าตกใจและพยายามไล่ตาม แต่มันก็เร็วเกินไป พวกเขาไม่สามารถจับมันได้ และต้องเลิกตามล่าไปในที่สุด
หลังจากจิ้งจอกวิ่งมาไกลพอที่จะรู้ว่าปลอดภัยแล้ว มันหยุดพักใต้ต้นไม้ใหญ่ หอบหายใจพลางมองกลับไปทางกระท่อมของคนตัดไม้ มันพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงทั้งผิดหวังและตัดพ้อ “คำพูดของเจ้า คนตัดไม้ ช่วยข้าไว้ก็จริง แต่การกระทำของเจ้าแทบจะฆ่าข้า หากเจ้าอยากช่วยข้าอย่างแท้จริง คำพูดและการกระทำของเจ้าควรสอดคล้องกัน”
มันเดินจากไปพร้อมบทเรียนสำคัญในใจว่า ไม่ใช่ทุกคนที่แสดงน้ำใจจะช่วยเหลือด้วยความจริงใจ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คำพูดที่ดูดีและน่าเชื่อถือไม่มีความหมาย หากการกระทำไม่สอดคล้องและแสดงถึงความจริงใจ การช่วยเหลือที่แท้จริงต้องมาจากทั้งคำพูดและการกระทำที่ตรงไปตรงมา เพราะความไม่ซื่อสัตย์ในการช่วยเหลือ อาจทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายมากกว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ยังเตือนให้เราใช้สติในการพิจารณาว่า ความช่วยเหลือที่ได้รับนั้นมาพร้อมความจริงใจหรือไม่
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องสุนัขจิ้งจอกกับคนตัดไม้ (อังกฤษ: The Fox and the Woodman) เป็นเรื่องราวเตือนใจเกี่ยวกับความหน้าซื่อใจคดและพวกหน้าไหว้หลังหลอก ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 22 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) แม้ว่าพล็อตเรื่องหลักจะเหมือนกัน แต่ในแต่ละเวอร์ชันกลับมีตัวละครที่แตกต่างกันออกไปตามแล้วแต่สถานที่และภาษา
นิทานนี้มีแหล่งที่มาทั้งจากกรีกและละติน โดยเล่าถึงสัตว์ที่ถูกล่าตัวหนึ่งที่ขอให้ชายคนหนึ่งช่วยซ่อนตัวไว้ เมื่อผู้ล่ามาถามชายคนนั้นว่าเขาเห็นสัตว์นั้นหรือไม่ เขาตอบว่าไม่เห็น แต่กลับชี้ไปยังที่ซ่อนหรือใช้สายตาบ่งบอก ผู้ล่าจึงเชื่อคำพูดของเขาและจากไป เมื่อสัตว์นั้นออกมาจากที่ซ่อน มันต่อว่าชายคนนั้นที่ทำตัวหลอกลวง