ในป่าลึกที่แสนเงียบสงบ สัตว์น้อยใหญ่ต่างใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางธรรมชาติงดงาม แต่สำหรับสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายนั้นไม่เพียงพอ
เมื่อความหิวโหยเข้าครอบงำ มันจึงออกเดินทางหาอาหาร และโชคก็เข้าข้างเมื่อมันได้พบโพรงไม้ที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ แต่ใครจะคิดว่าความสุขชั่วคราวนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่มันต้องหาทางแก้ไขด้วยตัวเอง… กับนิทานอีสปเรื่องจิ้งจอกกับพังพอน
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องจิ้งจอกกับพังพอน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าลึก มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งที่เดินเตร่ไปทั่ว ด้วยร่างกายผอมโซและหิวโหย มันไม่ได้กินอาหารมาหลายวัน จึงหวังเพียงแค่จะหาอะไรรองท้องเพื่อให้มีแรงใช้ชีวิตต่อ
“ข้าจะอดตายแล้วหรือ?” จิ้งจอกพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ขณะที่มันเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ มันก็ได้กลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาเบา ๆ สายตาของมันเริ่มมีประกายขึ้นอีกครั้ง
“กลิ่นอะไรช่างหอมเช่นนี้!” มันรีบเดินตามกลิ่นไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ที่กลางลำต้นนั้นมีโพรงไม้เล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นที่เก็บของของมนุษย์
จิ้งจอกจ้องมองเข้าไปในโพรงและพบกับอาหารอันโอชะ ทั้งขนมปัง เนื้อแห้ง และผลไม้ที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งไว้ “นี่มันเหมือนสวรรค์ชัด ๆ! ข้าโชคดีเหลือเกิน”
แต่มันก็พบอุปสรรค เพราะโพรงไม้ค่อนข้างแคบ จิ้งจอกจึงต้องหาวิธีลอบเข้าไป มันค่อย ๆ บิดตัวไปตามช่องแคบของโพรงไม้และในที่สุดก็สามารถเล็ดลอดเข้าไปได้สำเร็จ
“ในที่สุด ข้าก็ได้อาหารเหล่านี้มาครอบครอง” จิ้งจอกพูดพลางหัวเราะเบา ๆ จากนั้นมันก็ลงมือกินทุกอย่างอย่างเอร็ดอร่อย
มันกินจนลืมทุกสิ่งรอบตัว ขนมปังถูกกินจนหมด เนื้อแห้งก็ถูกจัดการจนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เมื่อกินจนอิ่มหนำและพุงของมันเริ่มบวมเป่ง จิ้งจอกก็พูดกับตัวเองด้วยความพึงพอใจ “ข้าไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน ช่างเป็นวันที่โชคดีที่สุดของข้า!”
แต่เมื่อถึงเวลาที่มันอยากกลับออกไป จิ้งจอกก็พบปัญหาทันที ร่างกายที่อ้วนท้วนหลังจากกินจนอิ่มกลับทำให้มันไม่สามารถลอดออกจากโพรงไม้ได้
มันพยายามดันตัวออกจากโพรงอย่างสุดแรง “โอ๊ย ทำไมข้าถึงออกไปไม่ได้! ข้าต้องออกไปจากที่นี่” มันร้องออกมาและเริ่มตื่นตระหนก
ขณะนั้น พังพอนตัวหนึ่งเดินผ่านมา มันได้ยินเสียงร้องของจิ้งจอกจึงหยุดดู และเมื่อเห็นสภาพของจิ้งจอก มันก็อดหัวเราะไม่ได้
“เจ้าทำอะไรอยู่ในนั้นหรือ เจ้าจิ้งจอก?” พังพอนถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเย้ยหยัน
“ข้าติดอยู่ในนี้! ช่วยข้าด้วยเถอะ ข้าอยากออกไป!” จิ้งจอกร้องขอความช่วยเหลือ
พังพอนยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้หรอก เพราะปัญหานี้เจ้าสร้างขึ้นเอง หากเจ้าต้องการออกจากโพรงไม้ เจ้าจะต้องผอมบางเหมือนตอนที่เจ้าลอดเข้าไปตั้งแต่แรก”
จิ้งจอกได้ยินดังนั้นก็ถึงกับนิ่งไป มันรู้ว่าพังพอนพูดถูก แต่ก็ยังพยายามเถียง “แต่ข้า…ข้าคงไม่ต้องรอนานขนาดนั้นกระมัง! มีวิธีอื่นไหม?”
พังพอนยิ้มเล็กน้อย “นั่นขึ้นอยู่กับเจ้า หากเจ้ามัวแต่หาวิธีลัด เจ้าก็อาจติดอยู่ในนี้ตลอดไป แต่หากเจ้าอดทนและเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าก็จะได้ออกมาเมื่อถึงเวลา”
จิ้งจอกไม่มีคำพูดใดจะโต้เถียงอีก มันได้แต่นอนอยู่ในโพรง รู้สึกอับอายและเสียใจที่ความละโมบของมันนำมาซึ่งปัญหาใหญ่โต มันสัญญากับตัวเองว่า ต่อจากนี้จะคิดให้รอบคอบก่อนทำอะไร
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความโลภและการไม่ยับยั้งชั่งใจอาจนำมาซึ่งปัญหาที่ตัวเราต้องเผชิญในภายหลัง การรู้จักควบคุมตัวเองและพิจารณาอย่างรอบคอบในสิ่งที่ทำเป็นสิ่งสำคัญ และในบางครั้ง การแก้ปัญหาจำเป็นต้องใช้ความอดทนและยอมรับผลของการกระทำของตนเอง อย่าโลภมาก เพื่อเรียนรู้และหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในอนาคต
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องจิ้งจอกกับพังพอน (อังกฤษ: The Fox and the Weasel) สอนถึงผลอันเลวร้ายของความโลภ นิทานเรื่องนี้มีต้นกำเนิดจากกรีกและจัดเป็นนิทานของอีสปเรื่องหนึ่ง ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 24 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)
ในนิทานภาษากรีกนั้น สุนัขจิ้งจอกผอมแห้งหิวโหยพบอาหารที่คนเลี้ยงแกะทิ้งไว้ในโพรงต้นไม้ แต่ไม่สามารถออกมาได้เพราะกินเข้าไปมากแล้ว พังพอนได้ยินเสียงร้องทุกข์ของมันและบอกมันว่ามันจะต้องอยู่ที่นั่นจนกว่ามันจะผอมเหมือนตอนที่มันเข้าไปในโพรง เนื่องจากไม่มีแหล่งที่มาจากภาษาละติน นิทานเรื่องนี้จึงไม่เป็นที่รู้จักในประเทศอื่น ๆ ในยุโรปจนกระทั่งการเรียนรู้ภาษากรีกได้รับการฟื้นคืนมาในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา