ในป่ากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงนกร้องและสายลมพัดผ่าน จิ้งจอกตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในความสงบสุข มันเป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาด แต่ก็ไม่เคยพบเจอสัตว์ใดที่น่าเกรงขามไปกว่าตัวเอง
วันหนึ่ง เมื่อชะตาได้พามันมาพบกับสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มันไม่เคยเห็นมาก่อน หัวใจของมันเต้นระรัวด้วยความกลัว ความหวาดหวั่นในครั้งแรกนี้จะกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่เปลี่ยนมุมมองของมันไปตลอดกาล… กับนิทานอีสปเรื่องจิ้งจอกกับสิงโต
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องจิ้งจอกกับสิงโต
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าลึกที่สงบและเงียบงัน จิ้งจอกตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในโพรงใกล้ลำธาร มันเป็นจิ้งจอกที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์ แต่ก็ไม่เคยพบสัตว์ตัวใดที่ยิ่งใหญ่หรือมีอำนาจมากไปกว่าตัวเอง วันหนึ่ง ขณะที่มันเดินเล่นในป่าเพื่อหาอาหาร มันก็ได้พบกับบางสิ่งที่ทำให้หัวใจของมันแทบหยุดเต้น
ตรงหน้ามัน สิงโตตัวใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ดวงตาคมกริบและแผงคอที่หนาเป็นเงางามทำให้มันดูน่าเกรงขาม จิ้งจอกมองเห็นร่างสิงโตจากระยะไกล แต่เพียงแค่เห็นเงาของมัน จิ้งจอกก็รู้สึกถึงความกลัวที่แล่นผ่านร่าง “อะไรกันนี่? ตัวอะไรช่างน่ากลัวนัก!” จิ้งจอกพูดกับตัวเองพร้อมตัวสั่นเทา มันไม่กล้าแม้แต่จะมองตรง ๆ และวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว “ข้าต้องหนีให้ไกลจากที่นี่! ข้าจะไม่อยู่ใกล้สัตว์ประหลาดตัวนั้นเด็ดขาด!”
หลายวันผ่านไป จิ้งจอกยังคงระมัดระวังและหวาดกลัว ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าหรือเสียงคำรามในป่า มันก็มักจะรีบวิ่งกลับโพรงด้วยความระแวง วันหนึ่ง ขณะที่มันกำลังเดินเล่นอีกครั้ง มันก็มองเห็นสิงโตตัวเดิมอีกครั้ง คราวนี้สิงโตกำลังนอนพักอยู่ใต้ร่มไม้ จิ้งจอกหยุดชะงักและใจเต้นแรง แต่มันก็พยายามรวบรวมความกล้า
“ข้าจะไม่วิ่งหนีอีกแล้ว อย่างน้อยข้าควรมองดูสิ่งนี้ให้ชัด ๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่” จิ้งจอกพูดกับตัวเอง มันยืนมองสิงโตจากระยะไกล “ตัวใหญ่จริง ๆ แต่ดูเหมือนมันไม่ได้สนใจข้าเลย ถ้าข้าไม่ไปกวน มันคงไม่ทำอะไรข้าหรอก”
หลังจากยืนมองอยู่สักพัก จิ้งจอกก็ค่อย ๆ ถอยหลังออกมาแล้วเดินกลับไปที่โพรงของตัวเอง มันยังคงรู้สึกหวาดหวั่น แต่ก็เริ่มสงสัยว่า สิงโตอาจจะไม่ได้อันตรายอย่างที่มันคิด
หลายวันผ่านไปอีกครั้ง จิ้งจอกออกเดินเล่นในป่าตามปกติ และบังเอิญพบกับสิงโตอีกครั้ง คราวนี้สิงโตกำลังเดินผ่านทางในป่า จิ้งจอกรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่คราวนี้มันไม่ได้วิ่งหนีเหมือนครั้งแรก มันยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “ตัวใหญ่อย่างกับภูเขา ข้าต้องระวัง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจข้าเลยจริง ๆ”
จิ้งจอกรวบรวมความกล้า เดินเข้าไปใกล้เล็กน้อย และร้องทักขึ้นว่า “ท่านสิงโต ท่านเดินผ่านที่นี่บ่อยนัก ดูเหมือนท่านจะเป็นผู้ปกครองป่าแห่งนี้กระมัง?”
สิงโตหันมามองจิ้งจอกด้วยสายตานิ่งสงบ แต่ไม่ได้พูดอะไร จิ้งจอกรู้สึกประหลาดใจที่สิงโตไม่ได้มีท่าทีดุร้ายอย่างที่มันเคยคิด มันพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่กล้าหาญขึ้น “ในที่สุดข้าก็ได้เห็นท่านใกล้ ๆ ท่านช่างสง่างามจริง ๆ แต่ท่านก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนตอนที่ข้าเจอครั้งแรก”
สิงโตส่งเสียงคำรามเบา ๆ ราวกับจะตอบรับคำทักทายนั้น จิ้งจอกยิ้มเล็กน้อย และพูดต่อ “บางที ข้าอาจคิดไปเองว่าท่านน่ากลัว แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า ถ้าข้าไม่ล่วงเกินท่าน ท่านก็คงไม่ทำอะไรข้าเช่นกัน”
สิงโตยังคงนิ่งเงียบ แต่การที่มันไม่แสดงท่าทีดุร้าย ทำให้จิ้งจอกมั่นใจมากขึ้น มันเดินผ่านสิงโตไปอย่างสงบ โดยไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความกลัวมักเกิดจากความไม่คุ้นเคยหรือจินตนาการที่เกินจริงของเราเอง แต่เมื่อเราเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นซ้ำ ๆ และเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกับมัน ความกลัวจะลดน้อยลงจนเราสามารถเผชิญหน้าสิ่งที่เคยหวาดหวั่นได้อย่างมั่นใจ และบางครั้งการเอาชนะความกลัวไม่ได้หมายถึงการไม่มีความกลัวเลย แต่คือการเรียนรู้และปรับตัวให้สามารถอยู่กับมันได้อย่างสงบ
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องจิ้งจอกกับสิงโต (อังกฤษ: The Fox and the Lion) เป็นนิทานอีสปที่เป็นตัวแทนของความขบขันเรื่องมารยาท ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 10 ของ Perry Index (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ) นิทานเรื่องนี้เล่าขานกันอย่างย่อ ๆ ในแหล่งที่มาของภาษากรีกคลาสสิกว่า “สุนัขจิ้งจอกไม่เคยเห็นสิงโตมาก่อน ดังนั้นเมื่อบังเอิญพบกับสิงโตเป็นครั้งแรก มันเกือบจะหัวใจวายตายด้วยความตกใจกลัว ครั้งที่สองที่เห็นสิงโต มมันก็ยังคงกลัวอยู่ แต่ไม่มากเท่าครั้งก่อน ครั้งที่สาม สุนัขจิ้งจอกก็กล้าที่จะเข้าไปหาสิงโตและพูดคุยกับเขา” และเป็นนิทานคนละเรื่องกับจิ้งจอกกับสิงโตป่วย
ความคุ้นเคยช่วยให้เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่น่ากลัวได้อย่างง่ายดาย