ในป่าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีชายคนหนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการจับนก เขามีความชำนาญในงานนี้และมักเตรียมกับดักไปมากมายในทุกครั้งที่ออกล่า วันหนึ่ง เขาเดินเข้าไปในป่าด้วยความหวังว่าจะจับนกให้ได้มากมาย
แต่ท่ามกลางความมุ่งมั่นและความคาดหวัง ชายจับนกกลับไม่ทันระวังสิ่งรอบตัว สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปตลอดกาล… กับนิทานอีสปเรื่องคนจับนักกับงูเห่า
เนื้อเรื่องนิทานอีสปเรื่องคนจับนกกับงูเห่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าใหญ่ มีชายคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพจับนกเป็นงานประจำ เขาพกกับดักมากมายเดินลึกเข้าไปในป่าด้วยความหวังว่าจะจับนกให้ได้มากที่สุดในวันนั้น “วันนี้ต้องเป็นวันที่โชคดีของข้าแน่ ๆ” เขาพูดกับตัวเอง พลางยิ้มและก้าวเดินอย่างมั่นใจ
ไม่นานนัก เขามองเห็นนกฝูงหนึ่งเกาะอยู่บนต้นไม้สูงใหญ่ เสียงเจื้อยแจ้วของพวกมันทำให้ชายจับนกรู้สึกตื่นเต้น เขาหยุดยืนมองขึ้นไปและพูดว่า “เจ้านกทั้งหลาย ข้าจะต้องจับพวกเจ้าให้ได้! วันนี้ข้าจะไม่กลับบ้านมือเปล่าเด็ดขาด”
เขาเริ่มวางกับดักทีละอันด้วยความตั้งใจ เขาวางบางอันไว้บนพื้นเพื่อดักนกที่บินลงมาเกาะ บางอันผูกไว้บนต้นไม้เพื่อจับนกที่อาจบินวนลงมา เขาพูดพลางทำงาน “ข้าต้องวางให้รอบคอบที่สุด เจ้านกพวกนี้ไม่มีทางหนีพ้นข้าหรอก!”
แต่ในความมุ่งมั่นนั้นเอง ชายจับนกกลับไม่ทันระวังว่าใกล้เท้าของเขา มีงูเห่าตัวหนึ่งนอนขดอยู่ งูเห่าเฝ้าดูชายจับนกมาตั้งแต่แรก มันขยับตัวเล็กน้อย แต่ชายจับนกไม่สังเกต เพราะเขากำลังจ้องมองนกบนต้นไม้อยู่
งูเห่าพูดกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความโกรธ “เจ้ามนุษย์ ช่างไร้ความระมัดระวังนัก! เจ้ากำลังรบกวนข้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเหยียบย่ำข้าโดยไม่มีผลอะไรแน่นอน”
เมื่อชายจับนกเผลอเหยียบส่วนหนึ่งของลำตัวงู งูเห่าพุ่งตัวฉกกัดเขาอย่างรวดเร็ว ชายจับนกสะดุ้งเฮือกพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ้ย! นี่ข้าถูกอะไร?” เขารีบถอยออกไปและเห็นงูเห่ากำลังขดตัวอยู่ใกล้ ๆ
“เจ้างู! ข้าขอโทษ ข้าไม่ตั้งใจ!” ชายจับนกร้องขอ แต่สายเกินไปแล้ว พิษของงูเริ่มแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย เขาทรุดลงกับพื้น หายใจหอบและรู้สึกอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
งูเห่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ามนุษย์ เจ้าสมควรได้รับสิ่งนี้ เจ้าจ้องจะทำร้ายชีวิตผู้อื่น แล้วทำไมข้าจะป้องกันตัวเองไม่ได้ล่ะ?”
ชายจับนกมองงูเห่าและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ข้าตั้งใจจะปองร้ายเจ้านกเหล่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าข้ากลายเป็นเหยื่อเสียเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ ชีวิตของข้าต้องจบลงเพราะความไม่ระวังของตัวเอง”
เขานอนราบกับพื้น หายใจแผ่วลงเรื่อย ๆ ก่อนจะสิ้นใจท่ามกลางป่าที่เงียบสงัด งูเห่าคลายตัวและเลื้อยจากไปอย่างสงบ ปล่อยให้กับดักของชายจับนกยังคงวางอยู่โดยไม่มีผู้ใดใช้อีกต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อเราคิดจะวางแผนร้ายหรือปองร้ายผู้อื่น เราเองอาจตกเป็นเหยื่อของแผนร้ายที่คาดไม่ถึงเช่นกัน และความไม่ระวังในสิ่งรอบข้าง รวมถึงการมุ่งแต่ผลประโยชน์โดยไม่สนใจความปลอดภัย อาจนำมาซึ่งอันตรายที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานอีสปเรื่องคนจับนกกับงูเห่า (อังกฤษ: The Fowler and the Snake) นิทานที่มีต้นกำเนิดจากกรีกซึ่งแสดงให้เห็นชะตากรรมของนักล่า นิทานเรื่องนี้ได้รับการนับเป็นหนึ่งในนิทานของอีสป ถูกจัดลำดับอยู่ใน Perry Index ลำดับที่ 115 (Perry Index คือดัชนีการจัดหมวดหมู่ของนิทานอีสปที่รวบรวมและจัดลำดับโดย Ben Edwin Perry เพื่อใช้ในการศึกษาและอ้างอิงนิทานอีสปอย่างเป็นระบบ)
เมื่อผู้คนวางแผนร้ายต่อผู้อื่น พวกเขาก็ตกเป็นเหยื่อของแผนร้ายเดียวกันนั้นเช่นกัน
นิทานเรื่องนี้มีแหล่งที่มาจากภาษากรีกสองแหล่งซึ่งตีความได้แตกต่างกัน แหล่งหนึ่งบรรยายว่านักล่านกตั้งกับดักนกมากมายจนเผลอเหยียบงูและถูกงูกัดตาย เรื่องนี้พิสูจน์ได้ว่า “เมื่อผู้คนวางแผนร้ายต่อผู้อื่น พวกเขาก็ตกเป็นเหยื่อของแผนการร้ายแบบเดียวกัน” ความรู้สึกนี้พบได้ทั่วไปในนิทานยุคแรกๆ ส่วนนิทานอีกเรื่องอย่างอีกากับงูก็ให้ข้อสรุปแบบเดียวกัน