ปกนิทานชาดกเรื่องเต่าผู้เปิดปาก

นิทานชาดกเรื่องเต่าผู้เปิดปาก

การเดินทางไม่ใช่แค่เรื่องของระยะทาง แต่ยังเป็นบททดสอบของความอดทน ความไว้ใจ และการรู้จักวางใจในคำเตือนของผู้หวังดี

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงมิตรภาพระหว่างห่านผู้บินได้กับเต่าผู้เอ่ยไม่หยุด ที่ต้องร่วมเดินทางบนฟ้า… โดยมีความเงียบเป็นข้อแลกเปลี่ยนของชีวิต กับนิทานชาดกเรื่องเต่าผู้เปิดปาก

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องเต่าผู้เปิดปาก

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องเต่าผู้เปิดปาก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าลึกที่เต็มไปด้วยเสียงนกร้องและใบไม้ไหว มีสระน้ำแห่งหนึ่งที่เงียบสงบ ร่มรื่น และซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงาไม้ใหญ่ ๆ ใบหนา ข้างสระนั้นมีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่มานาน มันไม่ใช่เต่าธรรมดา เพราะมีนิสัยพูดเก่ง ไม่ว่าจะเจอใครผ่านมาก็อดทักทายไม่ได้

ทุกเช้าเต่าจะขึ้นมานั่งบนโขดหินริมสระ รอเพื่อนสองตัวบินมาเยี่ยม ห่านป่าคู่หนึ่งที่มักแวะเวียนมาดื่มน้ำและเล่าเรื่องราวจากฟากฟ้า

“วันนี้เจอลมแรงแถวทิศเหนือ ฟ้าหม่นจนดูเหมือนจะฝนตกกลางวันเลยล่ะ” ห่านตัวหนึ่งเล่า ขณะสลัดน้ำออกจากปีก

เต่าหัวเราะเสียงดัง “ข้าอยู่แต่ในสระ น้ำเต็มอยู่แล้ว จะฝนหรือฟ้าผ่าก็ชินหมด!”

ทั้งสามสนิทสนมกันมาก พูดคุยเฮฮาแทบทุกวัน เต่าฟังเรื่องโลกกว้างจากห่าน ส่วนห่านก็เพลิดเพลินกับอารมณ์ขันและมุมมองแปลก ๆ ของเต่า

กระทั่งวันหนึ่ง เมื่อห่านมาถึง พวกมันเงียบกว่าปกติ “เราคงต้องกลับบ้านที่ทะเลสาบใหญ่ทางเหนือแล้วล่ะ” ห่านตัวหนึ่งพูดเบา ๆ

เต่าผงะ “กลับบ้าน? แล้วข้าล่ะ? พวกเจ้าจะทิ้งข้าไว้ตรงนี้เหรอ?”

ห่านมองหน้ากัน ก่อนห่านอีกตัวจะพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เต่าเพื่อนรัก… แต่เจ้าก็บินไม่ได้”

เต่าหงอยทันที เงยหน้ามองท้องฟ้าที่สูงเกินเอื้อม ราวกับไม่มีที่ให้มันไปไกลกว่าสระน้ำตรงหน้า

รุ่งเช้า ขณะที่หมอกยังเกาะตามใบหญ้า ห่านทั้งสองบินลงมาพร้อมสิ่งหนึ่งที่เต่าไม่เคยเห็นมาก่อน ไม้ท่อนหนึ่งที่ยาวพอให้ทั้งสองจับไว้ที่ปลายได้

“เราคิดมาแล้วว่าจะพาเจ้าไปด้วย” ห่านตัวหนึ่งบอก พลางคีบปลายไม้ไว้แน่น “เจ้าคาบตรงกลางไว้ แล้วอย่าเปิดปากพูดเด็ดขาด!”

“ใช่ ห้ามพูด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ห่านอีกตัวเสริม

เต่ากระพริบตา “นี่เจ้าแน่ใจเหรอว่าข้าจะไม่หล่น?”

“แน่ใจ ถ้าเจ้าไม่ปล่อยไม้”

เต่าอ้าปากจะตอบ แต่นึกได้ทันทีว่า… ถ้าอ้าปาก พูดไป มันก็คาบไม้ไม่ได้! มันเลยทำได้แค่พยักหน้าอย่างเงอะงะ แล้วงับไม้ไว้ตรงกลาง

ทันใดนั้น ปีกทั้งสองคู่ก็กางออกอย่างมั่นคง ลมเช้าโบกสะบัด ห่านสองตัวพาเพื่อนเต่าทะยานขึ้นเหนือยอดไม้ พ้นขอบสระที่มันเคยรู้จัก สู่ท้องฟ้าที่เปิดกว้าง

เต่ารู้สึกทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น ลมตีหน้า ต้นไม้ข้างล่างเล็กลงเรื่อย ๆ และหัวใจมันก็เต้นแรงกว่าทุกวันในชีวิต

แต่มันยังคงงับไม้ไว้แน่น… ยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องเต่าผู้เปิดปาก 2

ห่านทั้งสองบินอย่างมั่นคง ลมพัดแรงในบางจังหวะ แต่พวกมันก็ยังควบคุมไม้ที่คาบอยู่ด้วยความระมัดระวัง เต่าเองแม้จะหวาดหวั่น แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อได้เห็นโลกกว้างจากที่สูงท้องนาเขียวขจี แม่น้ำทอดยาว และภูเขาอยู่ไกลลิบในขอบฟ้า

แต่เมื่อพวกเขาบินข้ามหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เสียงเด็ก ๆ ก็ลอยขึ้นมาจากพื้นดิน พร้อมเสียงหัวเราะเยาะ

“ดูสิ ๆ! เต่าบินได้! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

“นั่นมันอะไรเนี่ย? เต่าลอยอยู่กลางฟ้าเหมือนปลาย่าง!”

เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อย ๆ บ้างล้อเลียน บ้างตะโกนแซวอย่างหยาบคาย เต่าได้ยินทุกคำ และแม้จะยังงับไม้ไว้แน่น แต่ดวงตาก็เริ่มลุกวาบด้วยความโกรธ

“ข้าไม่ใช่ปลาย่าง! ข้าไม่ได้บินไม่ได้เรื่อง!” เขาคิดในใจ ความอดทนเริ่มสั่นคลอน

ห่านยังคงบินอย่างมั่นคง ไม่มีใครพูดอะไร เพราะทุกตัวรู้ดีว่า เพียงคำเดียวก็อาจทำให้จบไม่สวย

แล้วมันก็เกิดขึ้น…

เต่าทนไม่ไหวอีกต่อไป มันต้องพูดอะไรสักอย่าง มันต้องแก้คำสบประมาท มันต้องอธิบายให้โลกรู้ว่าเขามีศักดิ์ศรี

“พวกเจ้าจะหัวเราะอะไรกันนัก”

ไม่ทันจบประโยค ไม้ก็หลุดจากปาก ร่างเต่าพลิกกลางอากาศ ลมหอบสุดท้ายผ่านหน้ามันอย่างเฉียบพลัน และจากที่สูงนับสิบเมตร มันร่วงลงสู่พื้นโลกอย่างรวดเร็ว

เสียงตุ้บ! ดังขึ้นไม่ไกลจากหมู่บ้าน เด็ก ๆ หยุดหัวเราะทันที มองดูร่างของเต่าที่นอนแน่นิ่งอยู่กลางทุ่งหญ้า

ห่านทั้งสองบินโฉบลงมา แต่ก็สายเกินไป พวกเขายืนเงียบอยู่นาน ก่อนห่านตัวหนึ่งจะพูดเบา ๆ

“ถ้าเขาไม่เปิดปาก…” อีกตัวเอ่ยต่อ “…เขาคงยังอยู่กับเรา”

ไม่มีเสียงหัวเราะอีกแล้ว มีเพียงลมที่พัดใบหญ้า และบทเรียนหนึ่งที่ทิ้งรอยไว้ในใจของผู้พบเห็นตลอดไป

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องเต่าผู้เปิดปาก 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… การรู้จักอดกลั้นและเงียบในเวลาที่ควรเงียบ คือคุณธรรมที่ช่วยป้องกันภัยร้ายแรงกว่าคำพูดใด ๆ เพราะบางครั้งคำตอบที่ดีที่สุด… คือการไม่ตอบ

ในนิทานเรื่องนี้ เต่าผู้มากด้วยวาจาแม้จะได้รับโอกาสพิเศษให้โบยบินเหมือนนก แต่กลับพลาดท่าเพราะไม่อาจทนต่อคำล้อเลียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เขาจึงละเลยคำเตือนของเพื่อน และสูญเสียชีวิตจากสิ่งที่ควบคุมได้ เพียงแค่การไม่พูด ความไม่ยั้งคิดเพียงเสี้ยววินาที กลับทำลายสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต นั่นคือมิตรภาพ และโอกาสที่ไม่มีวันหวนคืน

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องเต่าผู้เปิดปาก (อังกฤษ: The Turtle Who Opened His Mouth) จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน ในครั้งนี้คือพระองค์ทรงเสวยชาติเป็นห่านป่าผู้มีปัญญาและเมตตา ผู้พยายามช่วยเหลือเพื่อนเต่าเดินทางข้ามฟากฟ้า

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งมักพูดมากเกินเหตุ ชอบตอบโต้ผู้อื่นด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม แม้ในเวลาที่ควรสงบ ก็ยังกล่าววาจาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในหมู่สงฆ์

เพื่อให้ภิกษุรูปนั้นได้ตระหนักถึงโทษของการพูดโดยไม่ระวัง พระองค์จึงตรัสเล่าเรื่องในอดีตเมื่อครั้งพระองค์เสวยชาติเป็นห่านป่า ผู้มีสติรอบคอบและพยายามเตือนเพื่อน แต่สุดท้ายก็ต้องสูญเสียมิตรไปเพราะคำพูดเพียงคำเดียว

ชาดกเรื่องนี้จึงเตือนใจเราว่า วาจาแม้เพียงประโยคเดียว หากเปล่งออกโดยไม่ไตร่ตรอง อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนกลับได้

คติธรรม: “ปากที่ไม่รู้จักสงบ อาจเป็นประตูเปิดสู่ความพินาศ แม้ปีกของมิตรภาพจะพาให้ลอยสูง ก็ไม่อาจพยุงผู้ไม่รู้จักเงียบให้รอดพ้นจากภัยได้”


by