ปกนิทานชาดกเรื่องยุงกับลูกชายโง่

นิทานชาดกเรื่องยุงกับลูกชายโง่

ในโลกนี้ ความหวังดีเป็นสิ่งงดงาม แต่หากไร้ซึ่งความคิดพิจารณา มันอาจกลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายผู้ที่เรารักโดยไม่รู้ตัว

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง เล่าถึงชายผู้เป็นพ่อ กับลูกชายที่หวังดีแต่ขาดสติ… และบทเรียนที่ทั้งสองไม่มีวันลืม กับนิทานชาดกเรื่องยุงกับลูกชายโง่

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องยุงกับลูกชายโง่

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องยุงกับลูกชายโง่

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว กลางวันอันร้อนอบอ้าวในหมู่บ้านเงียบสงบ ช่างไม้คนหนึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าบ้าน เขากำลังใช้ค้อนกับสิ่วแต่งขอบไม้ด้วยความตั้งใจจนเหงื่อผุดเต็มใบหน้า ศีรษะของเขาหัวล้านและเป็นมันเงาเพราะเหงื่อที่สะท้อนแดดแรง

แซ่ก… แซ่ก… เสียงไม้ถูกขูดดังเป็นจังหวะ

ขณะเขาก้มหน้าอย่างตั้งใจ ยุงตัวหนึ่งก็บินวนมาใกล้หัวเขาอย่างเงียบเชียบ มันมองเห็นศีรษะที่มันวาวและไม่มีขนปกป้อง จึงค่อย ๆ บินมาเกาะลงบนกลางกระหม่อมและเริ่มดูดเลือด

ช่างไม้สะดุ้งเล็กน้อย “โอ๊ย ยุงบ้า !” เขาบ่น ก่อนใช้มือตบเบา ๆ ที่หัวของตัวเอง

ยุงบินหนีไป แต่ไม่กี่วินาทีถัดมา มันก็บินกลับมาอีก และเกาะที่เดิมอย่างไม่เกรงใจ

“เจ้ายุงนี่ช่างดื้อจริง ๆ !” ช่างไม้เริ่มหงุดหงิด ใช้มือปัดแรงขึ้น แต่ด้วยความที่เขากำลังใช้เครื่องมืออยู่ มือที่ว่างกลับไม่ถนัดเท่าไหร่

ยุงบินหนีไปอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะยิ่งสนุก มันวนกลับมาใหม่อีกไม่หยุด

หลังจากยุงวนกลับมาครั้งที่สาม ช่างไม้เริ่มหมดความอดทน เขาวางสิ่วลง ถอนหายใจเสียงดัง

“เจ้ายุงตัวยุ่งนี่! ข้าไม่มีมือจะปัดแล้วนะ!” เขาบ่น ก่อนจะตะโกนเรียกลูกชายที่นั่งอยู่ในบ้าน

“ลูกเอ๋ย! มาช่วยพ่อไล่ยุงที!”

ลูกชายรีบวิ่งออกมาด้วยความกระตือรือร้น เขาเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ไม่ค่อยจะคิดก่อนทำ “ยุงอยู่ไหนพ่อ ?” เขาถามอย่างตั้งใจ

“มันชอบมาบินวนบนหัวพ่อ ตีมันให้หน่อยนะ แต่ระวังล่ะ” ช่างไม้พูดโดยไม่ได้คิดมากนัก

ลูกชายพยักหน้า แต่ในมือกลับหยิบไม้หน้าสามแทนที่จะใช้มือตบ เขาจับไม้อย่างมั่นคง มองหัวพ่อเขม็ง พร้อมทำหน้าตั้งใจเกินเหตุ

ยุงตัวเดิมบินวนกลับมาอีกครั้งอย่างเคย และลงเกาะที่หัวพ่อเช่นเดิม

ลูกชายหรี่ตา กำไม้แน่น แล้วคิดในใจ “ข้าจะไม่ให้มันหนีรอดแน่!”

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องยุงกับลูกชายโง่ 2

พอยุงเกาะลงบนหัวพ่อได้ไม่กี่วินาที ลูกชายก็ฟาดไม้ลงไปเต็มแรง เพี๊ยะ!!

เสียงไม้กระทบศีรษะดังก้องไปทั่วลาน ช่างไม้สะดุ้งสุดตัว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวด มือปล่อยเครื่องมือร่วงลงพื้น

“โอ๊ยยย!! เจ้าทำอะไรของเจ้า!” ช่างไม้ร้องลั่น มือกุมหัวแน่นด้วยความเจ็บ

ยุงบินหนีไปอย่างปลอดภัย โดยไม่มีแม้แต่รอยถลอก

ลูกชายรีบวางไม้ลง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจและสับสน “ข้า… ข้าตีให้แรงเพื่อให้มันตายนะพ่อ! ข้ากลัวมันจะกลับมาอีก…”

ช่างไม้มองลูกชายด้วยสายตาทั้งโกรธ ทั้งปวดหัว ทั้งละเหี่ยใจ เขาลูบหัวตัวเองเบา ๆ ที่เริ่มมีเลือดซึม “เจ้าตีมันจนข้าจะตายแทนมันอยู่แล้ว!”

หลังจากเหตุการณ์นั้น ช่างไม้ต้องนั่งพักพร้อมประคบศีรษะที่มีแผลปูดแดง ลูกชายก็นั่งหน้าเสียอยู่ข้าง ๆ พึมพำขอโทษไม่หยุด “ข้าแค่… อยากช่วยพ่อเท่านั้น”

ช่างไม้ถอนหายใจยาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เจ้าหวังดี แต่ลืมใช้ปัญญา เจ้าไม่ได้ทำร้ายยุงหรอก เจ้าเล่นตีข้าจนแทบสิ้นใจแทน”

ลูกชายก้มหน้าเงียบ

ในวันต่อมา ข่าวเรื่องลูกชายตีหัวพ่อจนเจ็บเพราะต้องการฆ่ายุงแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ผู้ใหญ่หลายคนสอนลูกหลานให้ระวังในการช่วยเหลือ “ความหวังดีที่ไม่คิดก่อนทำ บางครั้งอาจอันตรายยิ่งกว่าศัตรูที่มองเห็น” เป็นประโยคที่ผู้เฒ่าคนหนึ่งกล่าวไว้ หลังจากได้ฟังเรื่องนี้

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องยุงกับลูกชายโง่ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความหวังดีที่ปราศจากสติและไตร่ตรอง อาจกลายเป็นภัยร้ายที่ทำร้ายได้มากกว่าศัตรู

ลูกชายเพียงต้องการช่วยพ่อจากยุงรบกวน แต่กลับใช้ความรุนแรงโดยไม่คิดให้รอบคอบ จนทำร้ายผู้ที่เขาต้องการปกป้องเอง เรื่องนี้จึงเตือนใจให้เราเข้าใจว่า ความตั้งใจดีต้องมาคู่กับปัญญา ไม่เช่นนั้น แม้ความรักและความหวังดี ก็อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เจ็บปวดและน่าเสียใจที่สุด

อ่านต่อ: เรียนรู้การดำเนินชีวิตตามหลักพุทธศาสนาในนิทานชาดก

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องยุงกับลูกชายโง่ (อังกฤษ: The Mosquito and the Foolish Son) จัดอยู่ในหมวดมนุษยชาดก ซึ่งเป็นชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ และใช้เหตุการณ์ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันมาสอนหลักธรรมที่ลึกซึ้ง

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้นเพื่อเตือนภิกษุรูปหนึ่งที่พยายามแก้ปัญหาให้เพื่อนด้วยความหวังดี แต่กลับใช้วิธีรุนแรงเกินความจำเป็น ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี พระองค์จึงยกตัวอย่างลูกชายที่ตีหัวพ่อเพราะต้องการฆ่ายุง เป็นบทเรียนว่าการกระทำที่เกิดจากเจตนาดี หากขาดสติ ขาดปัญญา ก็อาจสร้างความเสียหายยิ่งกว่าศัตรูเสียอีก

ชาดกเรื่องนี้จึงกลายเป็นบทเตือนใจที่ชัดเจน ว่าความหวังดีต้องมี “ความคิดดี” กำกับเสมอ จึงจะก่อเกิดคุณที่แท้จริง

คติธรรม: “ความหวังดีโดยไร้ปัญญา ย่อมพาให้เจ็บลึกกว่าอันตรายที่เห็นตรงหน้า”


by