ในชีวิตคนเรา บางครั้งความหวังดีอาจถูกมองเป็นการรบกวน ความซื่อสัตย์และกตัญญูอาจไม่ถูกรับรู้ หากใจเราเต็มไปด้วยอคติและความไม่เข้าใจ
มีนิทานพื้นบ้านไทยจากภาคใต้เรื่องหนึ่ง ได้เล่าถึงความรักและความเสียสละของสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่พยายามตอบแทนบุญคุณ แต่กลับได้รับสิ่งที่ตรงกันข้าม กับนิทานพื้นบ้านไทยภาคใต้เรื่องทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป

เนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้านไทยภาคใต้เรื่องทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย ที่ขอบป่าใกล้เชิงเขา มีชายชราคนหนึ่งชื่อ “ลุงรอด” อาศัยอยู่กับภรรยาในบ้านไม้เก่า ๆ ท่ามกลางความสงบ
ลุงรอดเป็นชาวบ้านใจดี แม้จะยากจนแต่ชอบช่วยเหลือสัตว์ที่หลงทางหรือถูกทิ้ง
วันหนึ่งระหว่างเดินกลับจากสวน ลุงรอดพบ “แพะตัวหนึ่ง” ผอมแห้ง ใกล้จะสิ้นใจ มันถูกเจ้าของเก่าทิ้งไว้กลางทาง ลุงรอดมองมันด้วยความสงสาร เขาจึงเอาผ้าขาวม้ามัดทำเชือก นำมันกลับบ้านไปด้วย
“อยู่บ้านลุงก็แล้วกันนะ ถึงจะจนแต่ไม่อดตายแน่นอน” ลุงรอดพูดพลางเทน้ำใส่ขันให้มันดื่ม
แพะตัวนั้น แม้จะพูดไม่ได้ แต่มันกลับสบตาลุงรอดราวกับจะขอบคุณ วันต่อมา มันเริ่มเดินตามลุงรอดทุกที่ ไม่ว่าจะไปไร่ไปสวน หรือไปตลาด มันจะเดินตามหลังเงียบ ๆ และนอนเฝ้าบ้านยามลุงไม่อยู่
“แพะตัวนี้มันฉลาดจังเลยเนอะ” ป้าสาย ภรรยาลุงรอดเอ่ย “บางทีฉันก็ว่า มันฟังรู้เรื่องนะ”
ค่ำวันหนึ่ง ขณะที่ลุงรอดและป้าสายกำลังจะเข้านอน แพะที่ปกติเงียบสงบ กลับร้องขึ้นเสียงดังผิดปกติ มันกระทืบเท้าอยู่หน้าบ้าน พร้อมทั้งร้องเสียงยาว ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ลุงรอดเดินออกไปดูด้วยความหงุดหงิด “จะบ้ารึไงวะ! ดึกแล้วโวยวายทำไม”
แต่แพะก็ยังร้องไม่หยุด มันวิ่งวนหน้าบ้าน พยายามจะดึงชายผ้าลุงรอดให้เดินตาม
“ไอ้นี่! จะเอาอะไรของเอ็งนักหนา” ลุงรอดโมโห หยิบไม้ไผ่มาฟาดมันไปทีหนึ่ง
แพะร้องเสียงหลง แต่ยังไม่ยอมหยุด มันพยายามเดินไปที่รั้วหลังบ้าน สลับกับมองกลับมา เหมือนจะเตือนอะไรบางอย่าง
ลุงรอดยิ่งโมโหหนักขึ้น “เสียงเอ็งน่ารำคาญที่สุดเลยเว้ย! คนจะนอน”
เขาเงื้อไม้ขึ้นฟาดอีกครั้ง คราวนี้เต็มแรง แพะล้มลงแน่นิ่ง…เงียบสนิท
ป้าสายตกใจ วิ่งมาดู “รอด! เอ็งตีมันตายทำไมวะ! มันก็แค่ร้อง เอ็งจะไปฆ่ามันทำไม!”
ลุงรอดเริ่มได้สติ… แต่สายไปแล้ว แพะผู้ซื่อสัตย์ตายอย่างน่าสลดใจ

เช้าวันถัดมา ขณะที่ลุงรอดยังนั่งซึมอยู่หน้าบ้านด้วยความรู้สึกผิด ทันใดนั้นเสียงโหวกเหวกจากข้างบ้านก็ดังขึ้น
“ไฟไหม้! ไฟไหม้หลังบ้านยายเนียง!”
ลุงรอดรีบวิ่งออกไป พร้อมชาวบ้านอีกหลายคน ต่างช่วยกันดับไฟที่ลามมาจากพงหญ้าแห้งข้างรั้ว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านลุงรอดเลย ถ้าไฟลามต่ออีกนิดเดียว บ้านของเขาคงวอดไปด้วย
ลุงรอดยืนอึ้ง…
ตรงจุดที่แพะยืนร้องเมื่อคืน คือที่ที่ไฟเริ่มลุกนั่นเอง…
เขาทรุดตัวลงกับพื้น ความจริงกระแทกใจเข้าอย่างจัง “มันไม่ได้ร้องเพราะคลุ้มคลั่ง… แต่มันพยายามเตือนข้านี่เอง”
ในคืนนั้น ลุงรอดนั่งอยู่ตรงหลุมฝังแพะอย่างเงียบงัน เขานำกล้วย น้ำเปล่า และดอกไม้ป่าใส่ขันเล็ก ๆ วางไว้ตรงหน้า แล้วจุดธูปสามดอก พนมมือแนบอก
“ข้าผิดเอง… เอ็งอุตส่าห์เตือนข้าแท้ ๆ แต่ข้ากลับมองเอ็งเป็นตัวน่ารำคาญ…”
น้ำตาของชายชราหยดลงบนพื้นดิน เขาไม่ได้เอ่ยคำใดอีก แค่ก้มหน้าลงต่ำ ราวกับจะขออโหสิจากสัตว์ผู้อยู่ในหลุมเบื้องหน้า
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลุงรอดไม่เลี้ยงสัตว์ใดอีกเลย เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง…
ทุกวันพระ เขาจะวางขันน้ำเล็ก ๆ พร้อมกล้วยหนึ่งใบไว้ใต้ต้นไม้ใกล้หลุมฝังแพะ และนั่งนิ่ง ๆ อยู่นาน เหมือนกำลังพูดกับใครสักคน
ไม่มีใครได้ยิน… แต่คนในหมู่บ้านรู้ดีว่า ลุงรอดกำลังพูดกับ “แพะผู้ซื่อสัตย์” ตัวเดิมนั้นเอง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ความดีที่เราทำให้ใคร แม้จะมาจากใจบริสุทธิ์ อาจไม่ถูกรับรู้หรือเห็นคุณค่าในทันที และในบางครั้ง ความดีนั้นอาจถูกตอบแทนด้วยความเข้าใจผิด หรือแม้แต่ความเจ็บปวด แต่จงอย่าหวั่นไหว เพราะคุณค่าของความดีอยู่ที่เจตนา ไม่ใช่ผลตอบแทน
อีกทั้งยังเตือนใจให้เรารู้จักพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่เขาทำนั้นอาจมีเหตุผลที่เรายังไม่เข้าใจ ความเมตตาและสติ คือสิ่งที่ต้องมีควบคู่กันในทุกการตัดสินใจ
อ่านต่อ: นิทานพื้นบ้านไทยที่แฝงข้อคิดดี ๆ เสริมให้ชีวิต
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานพื้นบ้านไทยภาคใต้เรื่องทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป มาจากเรื่องเล่าพื้นบ้านภาคใต้ของชาวบ้านที่เล่าสืบต่อ ๆ กันมา มีคุณค่าในการอบรมสั่งสอนให้มีความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะในเรื่องทำคุณบูชาโทษ แม้แพะจะเป็นสัตว์แต่ก็สำนึกในบุญคุณเจ้าของบ้านที่ให้ข้าวให้น้ำให้ที่พักพิง ถึงแม้ตัวเองจะเห่าไม่ได้เหมือนสุนัขแต่ก็ส่งเสียงร้องได้เพื่อให้เจ้าของบ้านรู้ตัวว่ากำลังจะมีภัยเข้าบ้าน
แต่จากความไม่เข้าใจของผู้เป็นเจ้าของกลับเห็นว่าเสียงร้องของแพะเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ และตีแพะจนตาย จึงกลายเป็นการทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป ดังนิทานเรื่องนี้
เรื่องนี้นิยมเล่ากันเพื่ออบรมเด็กและเยาวชนให้รู้จักตอบแทนบุญคุณและมีเมตตาต่อสัตว์ พร้อมทั้งสอดแทรกแนวคิดเรื่องการพิจารณาไตร่ตรองก่อนตัดสินสิ่งใดด้วยอารมณ์ เป็นนิทานที่แม้จะเรียบง่าย แต่กินใจ และยังคงสอดคล้องกับชีวิตในยุคปัจจุบัน
คติธรรม: “อย่าด่วนผลีผลามมองความหวังดีเป็นความรำคาญ เพราะบางที… สิ่งที่รำคาญ อาจเป็นสิ่งที่กำลังช่วยชีวิตเรา”