บางคนยังคงกลับไปที่เดิม… ไม่ใช่เพราะเขาถูกบังคับ แต่เพราะเขายังมีบางสิ่งที่ค้างอยู่ในใจ
มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยสุนัขที่ไม่ได้วิ่งเพราะหิว ไม่ได้เฝ้ายามเพราะถูกสั่ง แต่เพราะมันยังเป็นหนี้บ้านหลังหนึ่งหนี้ที่ไม่มีใครรู้ แต่จิตของมันไม่เคยลืมเลยแม้คืนเดียว กับนิทานชาดกเรื่องสุนัขกับหนี้ของมัน

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องสุนัขกับหนี้ของมัน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายผู้ใจดีเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งไว้เฝ้าบ้าน สุนัขตัวนั้นไม่เพียงแต่ซื่อสัตย์ ยังเฝ้ายาม ดูแลทรัพย์สิน และติดตามเจ้าของอย่างไม่ห่างไปไหนเลย
ทุกครั้งที่มีคนแปลกหน้าผ่านมา สุนัขจะยืนเงียบ ๆ คอยมองอยู่ห่าง ๆ หากเป็นแขกประจำ ก็เพียงกระดิกหางอย่างสุภาพ หากเป็นคนแปลกหน้า ก็เห่าเตือนด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่ไม่ดุร้าย
ชายเจ้าของเองก็รักมันเหมือนสมาชิกในบ้าน “เจ้าทำงานแทนข้าเสียยิ่งกว่าคนหลายคน” เขาพูดเช่นนั้นเสมอขณะให้อาหารมัน
แต่ไม่นานนัก เขาเริ่มสังเกตบางอย่างผิดไป สุนัขของเขาหายตัวไปในช่วงกลางคืน และกลับมาทุกเช้าด้วยขนที่เปียกโชก
ตอนแรกเขาคิดว่าอาจไปไล่สัตว์ หรือไปเล่นน้ำริมลำคลอง แต่เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทุกคืนโดยไม่มีวันเว้น ชายผู้นั้นก็เริ่มสงสัย “เจ้าจะไปที่ใดทุกคืน…และเหตุใดจึงกลับมาเปียกเช่นนี้”
คืนหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจแอบเดินตามหลังสุนัขโดยไม่ให้มันรู้ตัว เขาเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ เห็นมันเดินตรงไปยังท่าน้ำ แล้วกระโจนลงแม่น้ำ ว่ายข้ามไปอีกฝั่งด้วยท่าทีคล่องแคล่ว
จากนั้น สุนัขก็เดินเข้าไปเฝ้าหน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ มันนั่งนิ่งอยู่หน้าบ้านตลอดทั้งคืน ราวกับกำลังทำหน้าที่เฝ้ายามให้กับบ้านนั้นอย่างเต็มใจ
ชายผู้นั้นยืนมองอยู่ไกล ๆ ด้วยความแปลกใจ ในใจรู้สึกทั้งงงและไม่พอใจ “ข้ามอบข้าวปลาให้มันทุกวัน แต่มันกลับแอบไปเฝ้าบ้านผู้อื่นยามค่ำคืนเช่นนี้หรือ”

คืนนั้นเอง หลังกลับมาถึงบ้าน ชายผู้นั้นนอนหลับไปด้วยความรู้สึกขุ่นใจ ทว่าในความฝัน สุนัขของเขากลับปรากฏกายขึ้นอย่างสงบนิ่ง
มันไม่ได้เห่า ไม่กระโจนใส่เขา เพียงนั่งลงเงียบ ๆ และพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เข้าใจ ข้าขอชี้แจงให้ฟัง…ในชาติก่อน ข้าเคยติดหนี้บ้านหลังนั้น
พวกเขาเคยให้ข้าอยู่กินและพึ่งพาโดยไม่คิดสิ่งใด ข้ายังไม่ได้ตอบแทนเลยแม้แต่น้อย”
“ในชาตินี้ แม้จะเป็นเพียงสุนัข ข้าก็ยังต้องการใช้หนี้นั้นให้หมด”
“ข้าจึงไปเฝ้าบ้านเขาทุกคืน…ไม่ใช่เพราะทอดทิ้งเจ้า แต่เพราะข้ายังมีสัญญาที่ค้างอยู่กับอดีต”
เมื่อชายผู้นั้นตื่นขึ้นมา เขายังจำคำในฝันได้ชัดเจนทุกถ้อยคำ และไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไป มีเพียงความสงบที่แทรกขึ้นในใจ
คืนถัดมา ชายผู้นั้นมัดถุงเงินเล็ก ๆ ไว้ที่คอสุนัข ก่อนลูบหัวมันเบา ๆ และพูดเพียงว่า “ไปเถิด ใช้หนี้ของเจ้าให้หมด ข้าจะไม่ถามอะไรอีก”
สุนัขมองเจ้าของด้วยดวงตานิ่งเงียบ แล้วเดินจากไปตามทางเดิม มันข้ามแม่น้ำไปยังบ้านที่คุ้นเคย และในคืนนั้นเอง คนในบ้านหลังนั้นก็พบถุงเงินผูกติดมากับคอสุนัขโดยไม่มีข้อความใดแนบมา
เช้าวันต่อมา สุนัขกลับมาบ้านด้วยท่าทีที่ต่างจากทุกวัน มันไม่เปียกน้ำ และไม่แอบจากไปอีกเลย มันนอนเงียบอยู่มุมเดิมอย่างอ่อนโยน
ชายเจ้าของเพียงยิ้มให้มัน แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เจ้าทำหน้าที่ของเจ้าครบแล้วสินะ”
จากวันนั้น ความเงียบสงบก็กลับคืนมาในบ้านของทั้งคู่ ระหว่างคนที่เคยไม่เข้าใจ กับสุนัขผู้ภักดีต่อบางสิ่งที่เกินกว่าคนจะมองเห็น

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… บางสิ่งที่เราทำในวันนี้ อาจเป็นหนี้ในวันหน้า และบางสิ่งที่เราทำอย่างไม่มีใครเห็น อาจเป็นการชำระในสิ่งที่ไม่มีใครรู้
สุนัขในเรื่องไม่ได้ภักดีน้อยลง เพราะมันเฝ้าบ้านอีกหลัง แต่มันภักดีต่ออดีตที่เรามองไม่เห็นและไม่เคยเรียกร้องให้ใครเข้าใจ บางครั้ง… การให้อิสระแก่ใครสักคน อาจไม่ใช่การปล่อยเขาไปจากเรา แต่อาจเป็นการให้เขากลับมาหาเรา… ด้วยใจที่หมดหนี้
ที่มาของนิทานเรื่องนี้
นิทานชาดกเรื่องสุนัขกับหนี้ของมัน (อังกฤษ: The Dog and His Debt) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดสัตว์ชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งมักสะท้อนความผูกพันข้ามภพชาติ ความภักดีต่อบุญคุณ และการชำระหนี้กรรมในรูปแบบที่มนุษย์อาจไม่เข้าใจ
พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุผู้หนึ่งเอ่ยถึงสัตว์ที่มีพฤติกรรมประหลาดราวกับมีจิตใจและความตั้งใจเช่นเดียวกับมนุษย์ พระองค์จึงตรัสเล่าถึงอดีตชาติของสัตว์ผู้หนึ่ง ที่แม้จะอยู่ในร่างของสุนัข ก็ยังไม่ลืมหนี้เก่าที่ติดค้าง และไม่เคยทอดทิ้งหน้าที่ที่เคยให้ไว้ แม้ไม่มีใครร้องขอ
ชาดกเรื่องนี้จึงเตือนให้เห็นว่า แม้สิ่งมีชีวิตจะเปลี่ยนรูป เปลี่ยนชาติ เปลี่ยนภพ แต่ “เจตนา” ย่อมดำรงอยู่ตามเส้นทางของกรรม และบางความรับผิดชอบ… ไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครเห็น แต่วิญญาณรู้
“หนี้บางอย่าง ไม่ได้ผูกไว้ด้วยสัญญา…แต่ผูกไว้ด้วยใจที่ยังไม่เคยลืมคุณ”