ปกนิทานชาดกเรื่องพ่อค้าแสนฉลาดกับต้นไม้

นิทานชาดกเรื่องพ่อค้าแสนฉลาดกับต้นไม้

บางสิ่งไม่ได้อันตรายเพราะมันร้าย แต่อันตรายเพราะมันคล้าย สิ่งที่เราคุ้นว่าดี และเราก็ยอมรับมัน… เพียงเพราะไม่อยากตั้งคำถามให้ลึกเกินสายตา

มีนิทานชาดกเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยผลไม้ที่ดูหอมหวานและต้นไม้ที่ไม่มีใครแตะต้อง กับผู้ชายคนหนึ่ง…ที่เลือกจะฟังเสียงของ “ความไม่ปกติ” แทนเสียงของความหิว กับนิทานชาดกเรื่องพ่อค้าแสนฉลาดกับต้นไม้

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพ่อค้าแสนฉลาดกับต้นไม้

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องพ่อค้าแสนฉลาดกับต้นไม้

กาลครั้งงหนึ่งนานมาแล้ว ท่ามกลางแดดร้อนของทางกันดาร มีคาราวานพ่อค้ากลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางผ่านเส้นทางค้าขายเก่าแก่ พวกเขานำสินค้า หาบน้ำ และม้าเทียมเกวียนเป็นแถวเรียงยาว

เมื่อพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ จนแสงเหลืองทองเริ่มทอดเงายาว พ่อค้าหัวหน้าขบวนจึงสั่งให้หยุดพักแรมใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง

บริเวณที่พัก มีต้นไม้ต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ริมลานดิน ทรงพุ่มแน่น ใบเขียวเข้ม และมีผลกลมสุกปลั่งแขวนอยู่เต็มกิ่ง ราวกับต้นมะม่วงในฤดูหวาน

พ่อค้าเดินเข้าไปใกล้ ยืนมองต้นไม้อย่างพินิจ สีหน้าเขาไม่ใช่ความตื่นตา… แต่คือความสงสัย

“มันเหมือนมะม่วง แต่บางอย่างมันไม่ใช่” เขาพึมพำในใจ พลางเดินวนรอบโคนต้น

ไม่นาน เขาจึงเรียกบริวารทั้งหมดมารวมตัวใต้ต้นไม้ต้นนั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“ข้าขอสั่งทุกคนว่า ห้ามเด็ดผลของต้นไม้นี้เด็ดขาด”

บรรดาคนงานมองหน้ากันอย่างสงสัย บางคนถึงกับขมวดคิ้ว “ทำไมเล่า ? มันดูเหมือนมะม่วงชัด ๆ”

พ่อค้าไม่โกรธที่มีเสียงถาม เขาเพียงชี้ขึ้นไปที่ผลไม้บนกิ่งแล้วกล่าวว่า

“ดูให้ดี…มีผลเต็มต้น แต่ไม่มีร่องรอยของการเด็ด การกิน หรือแม้แต่รอยเจาะของนก นั่นคือสัญญาณว่าธรรมชาติไม่แตะต้องมัน”

เขาก้าวถอยจากโคนต้นสองสามก้าว ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเงียบแต่จริงจัง

“ต้นนี้ไม่ใช่มะม่วง แต่น่าจะเป็นต้นไม้พิษที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘ต้นอะไร ๆ ก็ไม่รู้’ เพราะมันคล้ายสิ่งที่น่ากิน…แต่ไม่เคยมีใครกินแล้วรอด”

เสียงรอบกองพักแรมเงียบลงทันที มีเพียงลมยามเย็นที่พัดผ่านใบไม้ให้สั่นไหวคล้ายจะเห็นด้วยกับคำของเขา

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพ่อค้าแสนฉลาดกับต้นไม้ 2

แม้คำของพ่อค้าจะหนักแน่น และสายตาของเขาจะดูเชื่อถือได้
แต่เมื่อกลางคืนมาเยือน และท้องเริ่มร้อง ความหิวก็เริ่มทำงานของมัน

คนงานกลุ่มหนึ่งซึ่งแอบหลบอยู่หลังพุ่มไม้ กระซิบกันเบา ๆ “ข้าคิดว่าท่านพ่อค้าอาจระวังเกินไป”

“ใช่ มันดูเหมือนมะม่วงไม่มีผิด แถมหอมด้วยนะ”

เสียงเคี้ยวผลไม้ดังแผ่วในความมืด พร้อมกับเสียงถอนหายใจโล่งอก…ที่กินเข้าไปแล้วไม่เป็นอะไรทันที

แต่ไม่กี่ชั่วยามต่อมา ร่างบางร่างเริ่มทุรนทุราย น้ำลายฟูมปาก ดวงตาเบิกโพลง และไม่มีใครได้ลืมตาอีกในรุ่งเช้า

เมื่อแสงเช้าสาดลงบนผืนดิน ความเงียบที่ไม่ควรจะมีในหมู่คาราวานก็กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกได้ทันที

ไม่นานหลังจากนั้น ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินมาที่ค่ายพักด้วยสีหน้ากังวล พวกเขาได้ยินว่าคาราวานใหญ่มาค้างคืนใต้ต้นไม้นั้น และกลัวว่าจะเกิดโศกนาฏกรรม

แต่เมื่อมาถึง พวกเขากลับเห็นพ่อค้าและลูกค้าที่เหลือยังคงปลอดภัย มีเพียงบางคนที่ไม่เชื่อคำสั่ง… ที่ต้องนอนนิ่งไร้ลมหายใจ

ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาถามพ่อค้าด้วยความประหลาดใจ

“ท่านรู้ได้อย่างไร ว่าต้นไม้นั้นอันตราย ?”

พ่อค้าตอบด้วยสีหน้านิ่ง “เพราะต้นไม้ที่ไม่มีใครเก็บผล ไม่มีแม้แต่รอยนกจิก ทั้งที่ลูกสุกเต็มต้น… ย่อมมีบางอย่างผิดธรรมชาติ”

เสียงรอบตัวเงียบลง ก่อนที่ใครบางคนจะพยักหน้าช้า ๆ แล้วกล่าวว่า

“ผลไม้บางลูกดูน่ากิน… แต่สติจะบอกเราว่า ไม่ใช่ทุกอย่างที่น่ากิน ควรกิน”

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพ่อค้าแสนฉลาดกับต้นไม้ 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… สิ่งที่ดูเหมือนจะดี ไม่ได้ดีเสมอไป และสิ่งที่ธรรมชาติยังไม่แตะต้อง…ก็อาจกำลังเตือนเราเงียบ ๆ ว่า “อย่าเพิ่งรีบยื่นมือไป”

พ่อค้าในเรื่องไม่ได้มีเวทมนตร์ใด ไม่ได้รู้อนาคตล่วงหน้า เขาแค่มีสายตาที่ไม่เชื่อทุกอย่างจากรูปลักษณ์ และมีสติพอจะฟังเสียงเงียบของสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยฟัง นั่นคือ “ความผิดปกติที่ไม่มีใครบอก แต่ทุกอย่างกำลังแสดงอยู่แล้ว”

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องพ่อค้าแสนฉลาดกับต้นไม้ (อังกฤษ: The Clever Merchant and the What Not Tree) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดมนุสสชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ โดยเนื้อหาเน้นแสดงถึงปัญญา สติไหวพริบ และการดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังของผู้มีปัญญาในหมู่มนุษย์

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งถูกหลอกด้วยคำพูดและท่าทีของบุคคลผู้มีลักษณะน่าเชื่อถือภายนอก โดยมิได้พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่ดูดี… อาจซ่อนภัยไว้ภายใน

พระองค์จึงตรัสเล่าย้อนถึงอดีตชาติ ที่พระองค์เสวยชาติเป็นพ่อค้า ผู้ไม่เพียงค้าขายอย่างชาญฉลาด แต่ยังใช้ใจที่ไม่หลงใหลในรูปภายนอกเป็นเครื่องป้องกันภัย

ชาดกเรื่องนี้จึงตอกย้ำว่า “สิ่งที่ดูน่าไว้ใจ” มิใช่ “สิ่งที่ควรไว้ใจ” เพราะความประมาท…ไม่ได้เกิดจากความไม่รู้เท่านั้น แต่ยังเกิดจากการไม่ยอมใช้สิ่งที่เรารู้ให้ครบถ้วน

“ผู้มีปัญญา ย่อมไม่หลงเชื่อสิ่งที่ดูดีเพียงเพราะมันดูเหมือนของจริง แต่จะเฝ้าดู… จนแน่ใจว่า สิ่งนั้นดีจริง หรือแค่คล้ายดี”


by