ปกนิทานชาดกเรื่องพราหมณ์จอมโกหก

นิทานชาดกเรื่องพราหมณ์จอมโกหก

บางคำโกหกไม่ได้ทำให้ใครตาย… แต่มันทำให้บางอย่างในใจเราตายลงอย่างถาวร ไม่ใช่เพราะมันเป็นความลวง แต่เพราะมันทำลายรากของความจริงที่ควรยึดไว้แน่นที่สุด มีเรื่องเล่านิทานชาดกเรื่องหนึ่งที่เริ่มต้นจากผลมะม่วงกลางฤดูหนาว

แต่จบลงด้วยบทเรียนที่ไม่อาจเสกกลับมาได้อีกเลย เพราะมนต์บางบท ใช้แค่ปากก็ได้… แต่มนต์บางบท ต้องใช้ความสัตย์แลกมันไว้ตลอดชีวิต กับนิทานชาดกเรื่องพราหมณ์จอมโกหก

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพราหมณ์จอมโกหก

เนื้อเรื่องนิทานชาดกเรื่องพราหมณ์จอมโกหก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในแผ่นดินหนึ่ง มีพราหมณ์ผู้ใฝ่รู้ มุ่งแสวงหาความสามารถเกินกรอบแห่งบทสวดและตำรา เขาเดินทางไปยังหมู่บ้านห่างไกล เพื่อแสวงหาความรู้ที่ผู้คนในเมืองใหญ่ไม่สอนกัน

ที่นั่น เขาได้พบชายผู้หนึ่ง ชาติกำเนิดต่ำต้อยแต่เปี่ยมด้วยความรู้เก่าแก่ ชายผู้นั้นเงียบขรึม พำนักอยู่ใกล้ป่าริมลำธาร ไม่มีศิษย์ ไม่มีวัด ไม่มีฐานะใดในสังคม

เมื่อพราหมณ์แสดงความนอบน้อมและอ้อนวอนขอเรียนรู้ ชายผู้นั้นก็ยอมถ่ายทอดเวทมนตร์บทหนึ่งให้เวทมนตร์ที่สามารถเสกผลมะม่วงให้ปรากฏได้แม้ในฤดูแล้ง

“ข้าให้เจ้า… แต่จงรักษาให้ดี อย่าโกหก อย่าอวดอ้าง อย่าลบหลู่แหล่งที่มาของมัน” คำเตือนนั้นเรียบง่าย แต่แน่นลึก

พราหมณ์รับคำสัญญาด้วยความดีใจ เขาเรียนรู้เวทมนตร์อย่างเคร่งครัด แล้วกลับสู่เมืองหลวงด้วยหัวใจที่พองโต

เมื่อเขาเริ่มใช้เวท ผลมะม่วงสดก็ปรากฏขึ้นจากอากาศเบื้องหน้า หอมหวาน ดกเต็มมือ แม้ในวันที่ต้นไม้ในเมืองหลวงแห้งเหี่ยว

ไม่นานนัก ผู้คนเริ่มพูดถึงเขาด้วยเสียงตื่นตะลึง ผู้คนแห่ซื้อผลไม้จากมือเขาราวกับเป็นของวิเศษ มะม่วงนั้นถูกส่งถึงโต๊ะของมหาเศรษฐี แม้กระทั่งวัดหลวงยังขอผลไม้ไปใช้ในพิธีใหญ่

ชื่อเสียงของเขาแผ่ไปทั่วแคว้น พร้อมกลิ่นของมะม่วงที่แม้แต่สายลมก็ไม่อาจปิดซ่อน พระราชาได้ยินเรื่องราว จึงมีรับสั่งให้พราหมณ์เข้าเฝ้า

เมื่อพราหมณ์ถวายบังคม พระราชาตรัสถามทันที “เรารู้ว่าท่านสามารถหาผลไม้นอกฤดูได้ เป็นความจริงหรือไม่ ?”

พราหมณ์ยิ้ม “เป็นความจริงเพคะ ข้าใช้เวทมนตร์บทหนึ่งที่ได้เรียนมา”

พระราชาทรงสนพระทัยยิ่ง “เวทมนตร์เช่นนี้ย่อมมิใช่สิ่งสามัญ ใครเป็นผู้สอนท่าน ?”

เพียงประโยคเดียว ความกลัวก็ผุดขึ้นในใจพราหมณ์ เขานึกถึงชายผู้มอมแมมซึ่งไม่มีชื่อในเมืองใหญ่ ไม่มีวรรณะให้เอ่ย ไม่มีเกียรติให้พึ่ง

เขาลังเลเพียงชั่วอึดใจ แล้วเอ่ยคำที่ทำให้หัวใจของเขาหนักกว่าทองที่สะสมมาทั้งชีวิต

“ข้าเรียนจากอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่…ผู้มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้นเพคะ”

ไม่มีเสียงใดสะท้อนกลับมานอกจากเงียบงันของคำโกหกที่เพิ่งเกิด

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพราหมณ์จอมโกหก 2

คืนนั้น หลังจากพราหมณ์ออกจากวัง เขารู้สึกโล่ง… แต่เพียงครู่เดียว ความโล่งนั้นก็เริ่มกลายเป็นความแน่นอึดอัด เขาเปิดคัมภีร์ ท่องคาถาอีกครั้ง พร้อมเปล่งเสียง เสกผลไม้อย่างเคย

แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขาลองอีกครั้ง คราวนี้เพิ่มสมาธิ ควบคุมลมหายใจให้มั่น แม้กระทั่งเปล่งคำย้อนกลับตามที่เคยฝึกมา ทว่าอากาศเบื้องหน้าก็ยังว่างเปล่า

ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้ง ผลมะม่วงที่เคยปรากฏด้วยเสียง… กลับไม่มีวี่แววแม้เงา

เขาเริ่มร้อนรน ลองเสกในเวลาเดิม สถานที่เดิม แม้แต่การยืนในทิศเดิมที่เคยได้ผล ทุกอย่างเงียบเชียบ

ในใจเขารู้คำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่กล้าพูดมันออกมา เวทมนตร์ไม่ได้หายเพราะเขาลืมบทสวด แต่เพราะเขาลืมคำสัตย์ที่ให้ไว้กับผู้สอน

เมื่อทนไม่ไหว เขาจึงเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านชายขอบ ท่ามกลางฝุ่นตลบและแดดร้อน เขาพบร่างของชายผู้นั้นนั่งสงบอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดิม

เขาคุกเข่าลง ก้มหน้าจรดพื้น แล้วเอ่ยทั้งน้ำตา “ข้าทำผิด ข้ากลัวจึงโกหก ข้าขอเวทนั้นกลับคืนเถิด…ข้าสำนึกแล้ว”

ชายชรายังคงนั่งนิ่ง ดวงตาไม่ไหวเอน แต่แววตานั้นมองลึกจนเกินกว่าถ้อยคำ

“สิ่งที่เจ้าทำ ไม่ใช่เพียงโกหก แต่คือการลบชื่อผู้ให้ ด้วยความละอายของเจ้าเอง”

“ข้าขอแก้ไข…”

“เวทมนตร์นั้นอยู่ได้เพราะความสัตย์เป็นภาชนะ เมื่อภาชนะแตก เวทย่อมไหลหายไปกับพื้น ไม่มีเวทใดจะหยั่งอยู่ในใจที่กลัวเกียรติของคนอื่น มากกว่าความจริงของผู้ที่เคยช่วยเจ้า”

เขานิ่งไป เสียงลมดังขึ้นในป่าเบื้องหลัง แต่ไม่มีคำพูดใดตามมาอีก

เวทมนตร์ไม่หวนกลับ เช่นเดียวกับความไว้วางใจของผู้ที่เขาเคยปิดบังชื่อไว้ด้วยคำโกหกคำเดียว

ภาพประกอบนิทานชาดกเรื่องพราหมณ์จอมโกหก 3

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… ผู้ที่กล้ารับความจริง แม้ความจริงนั้นจะต่ำต้อยในสายตาคนอื่น ก็ยังสูงกว่าผู้ที่โกหกเพื่อปกป้องเกียรติที่ไม่มีอยู่จริง เพราะชื่อเสียงที่ได้จากคำโกหก… ไม่มีเวทมนตร์ใดรักษาไว้ได้นาน และไม่มีใครคืนมันให้ได้เมื่อมันหล่นจากใจตัวเอง.

พราหมณ์เสียเวทไม่ใช่เพราะผิดบท แต่เพราะผิดใจต่อผู้ให้ ความเก่งอาจทำให้คนขึ้นสูง แต่มีเพียงความจริงเท่านั้น ที่ทำให้เขายืนอยู่ตรงนั้นได้นาน

ที่มาของนิทานเรื่องนี้

นิทานชาดกเรื่องพราหมณ์จอมโกหก (อังกฤษ: The Brahmin Who Lied) นิทานเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด มนุสสชาดก หรือชาดกที่พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นมนุษย์ โดยมุ่งเน้นให้เห็นถึงผลแห่งความไม่ซื่อสัตย์ และการลบหลู่คุณของผู้มีพระคุณ

พระพุทธองค์ทรงเล่าเรื่องนี้ขึ้น เมื่อมีภิกษุรูปหนึ่งปิดบังความผิดของตนด้วยคำโกหก และอ้างว่าทำตามคำของพระเถระรูปหนึ่งผู้มีชื่อเสียง เพื่อให้ตนพ้นผิด พระองค์จึงตรัสเล่าถึงอดีตชาติ ที่พระองค์เสวยชาติเป็นครูผู้อ่อนน้อม และถ่ายทอดเวทให้แก่พราหมณ์ผู้หนึ่งโดยไม่แบ่งแยกวรรณะ แต่สุดท้าย กลับถูกลบหลู่ชื่อเสียงเมื่อพราหมณ์นั้นปรารถนาเพียงเกียรติยศตน

ชาดกเรื่องนี้จึงเป็นบทเตือนว่า เวทมนตร์ใดในโลกก็ไร้ผล หากผู้ครอบครองไม่มีสัตย์ และไม่มีความกตัญญูต่อแหล่งแห่งปัญญา

“บางเวทมนตร์ไม่ได้เสื่อมเพราะลืมถ้อยคำ หากเสื่อมเพราะใจที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อที่มา”


by